‘แค็กตัส’ มีดีตรงไหน ทำไมครองใจผู้คนนาน

‘แคคตัส’ มีดีตรงไหน ทำไมครองใจผู้คนนาน
‘แคคตัส’ มีดีตรงไหน ทำไมครองใจผู้คนนาน

‘แค็กตัส’ มีดีตรงไหน ทำไมครองใจผู้คนนาน

กระบองเพชร หรือ Cactus ปัจจุบันตลาดเริ่มกลับมามีกระแสอีกครั้งจากช่วงล็อกดาวน์โควิด-19 หลังจากที่เงียบหายไประยะหนึ่ง และสำหรับคนที่กำลังมองหาข้อมูลเรื่องนี้ เราได้รวบรวมไว้ให้แล้วในทุกสิ่งที่อยากรู้ รวมทั้งหากจะลงทุนในตลาดนี้ต้องทำอย่างไร
#กระบองเพชร
#Cactus #bangkokbank #bangkokbanksme #sme

กระบองเพชร หรือ Cactus เป็นพืชในวงศ์ Cactaceae (Milas.) มีแหล่งกำเนิดในทะเลทราย มีรูปทรงสวยงามแปลกตา และมีการพัฒนาสายพันธุ์ให้มีความสวยงามเพื่อจำหน่ายทางการค้า จนได้รับความนิยมจากผู้คนอย่างแพร่หลายมานานนับทศวรรษ ดังจะเห็นได้จากกระแสความสนใจที่มีมาให้เห็นเป็นระลอกคลื่น

อย่างในช่วงกักตัวที่ผ่านมา แค็กตัสก็กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง จนทำให้ธุรกิจร้านค้าที่จำหน่ายแค็กตัสมีกระแสเงินสดไหลเวียนดีอีกครั้ง และจะยังคงมีต่อเนื่องต่อไปตามกระแสและความชื่นชอบส่วนตัวที่ยังคงเห็นต่อเนื่องไม่ตกหล่นหายไป โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่ตลาดให้ความสนใจตลอดกาล ได้แก่

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

หมวกสังฆราชขาว Astrophytum myriostigma

– ถังทอง Echinocactus grusonii

– กระบองทอง Eriocactus leninghausii

– ดาวล้อมเดือน Echinopsis calochlora

– นูปต้า Echinopsis subdenudata

– กล้วยหอม Dolichothele longimamma

– หนามพิกุล Mammillaria scrippsiana

– ลูกแมว Mammillaria bocasana

– ขนนกขาว Mammillaria plumosa

– นิ้วทอง Mammillaria elongate

– ม้าเวียน Haworthia limifolia

– หูมิ๊กกี้เมาท์/หูกระต่าย Opuntia microdasys

– ปราสาทนางฟ้า Cereus peruvianus

– ยิมโนคาไลเซียม Gymnocalycium baldianum

– สายรุ้ง Echinocereus rigidissimus

– คลื่นสมอง Echinofossulocactus Phyllacanthus

– แอสโตรไฟตัม Astrophytum Asterias

– แมมนกฮูก Mammillaria Perbella

– ตะบองพ่อเฒ่า หรือ แมมพ่อเฒ่า Cephalocereus Senilis

– เทอร์บินิคาร์ปัส Turbinicarpus Krainzianus

สายพันธุ์ดังกล่าว เป็นสายพันธุ์ยอดนิยมในตลาดตลอดกาลทั้งในส่วนของผู้เพาะเลี้ยงและผู้ซื้อ เนื่องจากมีรูปทรงน่ารักเป็นเอกลักษณ์ ชนิดที่ว่าเดินเข้าไปร้านไหนจะต้องมีติดไว้ประจำร้านในทุกๆ ร้าน โดยผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงแค็กตัสจำหน่ายส่วนใหญ่ จะเริ่มต้นมาจากการซื้อพันธุ์เหล่านี้สะสมไว้ดูเล่นเป็นกิจกรรมบันเทิงใจ ไปจนถึงเริ่มการเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์จำหน่าย กลายเป็นธุรกิจส่วนตัวที่ลงทุนไม่มากแต่ตลาดมีความต้องการต่อเนื่อง เปิดขายได้ทั้งออฟไลน์และออนไลน์มีราคาจำหน่ายที่หลากหลายตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักหมื่นต่อต้น

ซึ่งราคาขายขึ้นอยู่กับขนาด ระยะเวลาในการเพาะเลี้ยง และพันธุ์ และเคยมีแค็กตัสค่าตัวสูงเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ผ่านการประมูลต้นไม้สะสมของคนดังแบบการกุศลในวงการแค็กตัส ผ่านชมรมกระบองเพชรและไม้อวบน้ำแห่งประเทศไทย เป็นไม้ในตระกูลยิมโนด่าง (Gymnocalycium) ที่มีราคาสูงสุดในประวัติศาสตร์การประมูลไม้ชนิดนี้คือ 350,000 บาท

จุดเด่นของแค็กตัส

เหตุผลที่ทำให้แค็กตัสได้รับความนิยมมาตลอดทุกยุคสมัย นอกจากจะมีความโดดเด่นเรื่องรูปทรงภายนอกแล้ว ยังเป็นพืชที่ปลูกเลี้ยงง่ายมีความทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดี และใช้เวลานานกว่าจะเติบโต จึงเหมาะสำหรับการทำเป็นไม้กระถางตกแต่งบ้านเรือน เพราะไม่ต้องขยายกระถางบ่อยเหมือนไม้กระถางชนิดอื่น ประกอบกับอุณหภูมิในบ้านเรามีความร้อนสะสมอยู่ตลอดเวลา ทำให้ง่ายต่อการดูแล

จะเห็นได้ว่าแค็กตัสนั้นสามารถปรับตัวให้อยู่ได้ทั้งในสภาพแดดจัดและแสงรำไร นอกจากนี้ยังมีเรื่องความเชื่อในแบบไทยๆ เกี่ยวกับต้นแค็กตัสที่ว่าเป็นพรรณไม้ 1 ใน 9 ต้นไม้มงคลที่เชื่อกันว่าถ้าปลูกไว้แล้วจะช่วยเกื้อหนุนกิจการให้เจริญก้าวหน้า ส่งเสริมดวงการงานและนำโชคลาภมาสู่ให้ครอบครัว หากปลูกเลี้ยงไว้จนเกิดดอกจะสื่อถึงว่าผู้นั้นมีโชคลาภ จะได้เงินได้ทองไม่ขาดมือ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยสนับสนุนให้แค็กตัสกลายเป็นพืชที่โดดเด่นน่าเล่นน่าซื้อเสริมเข้าไปอีก ด้วยว่าเป็นต้นไม้ที่ช่วยดูดซับรังสีได้ทุกชนิด (พันธุ์ที่มีหนาม) นี่จึงเป็นจุดเด่นที่ทำให้ตลาดแค็กตัสยังโตต่อไปได้ไม่หยุด และไม่ได้มาเร็วไปเร็วเหมือนพืชตัวอื่น

หากคิดจะทำธุรกิจเกี่ยวกับแค็กตัส ควรเริ่มต้นจากใจรัก ลงลึกและเรียนรู้นิสัยประจำพันธุ์แค็กตัสสกุลต่างๆ เพื่อให้สามารถดูแลได้ง่าย และประสบความสำเร็จได้บนเส้นทางนี้ เฉพาะสายพันธุ์หลักๆ ที่ตลาดนิยม อาทิ

1. Ariocarpus  มี 8 ชนิดกับอีก 2-3 สายพันธุ์ มีลำต้นขนาดเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2.5 – 15 เซนติเมตร มักจะขึ้นเป็นต้นยาวอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม หรือต้นเตี้ยจนมีผิวด้านบนเสมอกับพื้นดิน บางชนิดจะมีเนินหนามยาวได้ถึง 5 มิลลิเมตร บางชนิดก็มีขนปุยนุ่มอยู่ที่ซอกเนินหนาม โตช้า เติบโตดีตามหินหรือทรายที่ระบายน้ำดี ชอบแดด ทนแสงจัดได้ดี

2. Artrophytum มี 4 ชนิดหลายสายพันธุ์ ต้นอ้วนกลมหรือทรงกระบอก บางชนิดอาจสูงถึง 1 เมตร เช่น Astorphytum ornatum ลำต้นแข็ง บางชนิดจะมีปุยหรือเกล็ดสีขาวปกคลุม อาจมีหนามหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ตุ่มหนามมีลักษณะเป็นปุยสีขาวคล้ายสำลี ชอบแดดจัด สามารถปลูกเลี้ยงไว้กลางแดดได้โดยตรง รดน้ำโดนต้นได้ไม่ทำให้เน่า แต่ต้องคอยเปลี่ยนดินปลูกใหม่เป็นประจำอย่าให้แน่นจนรากเดินยาก เนื่องจากเป็นแค็กตัสที่ออกดอกบ่อย มีความต้องการน้ำเล็กน้อย ขยายพันธุ์ด้วยการผสมเกสร

3. Corypantha สกุลนี้ประกอบด้วย 40 ชนิดหลายสายพันธุ์ มีทั้งทรงกลมขนาดใหญ่และเล็ก ทรงกระบอก ทรงแท่งเล็ก ความสูงประมาณ 30 เซนติเมตร อาจพบขึ้นอยู่รวมกันเป็นกลุ่มหรือเป็นต้นเดี่ยว ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางอาจยาวถึง 65 เซนติเมตร ปลูกเลี้ยงง่าย ขยายพันธุ์ได้ทั้งเพาะเมล็ดและตัดแยก ชอบน้ำมาก

4. Discocactus สกุลนี้มีอยู่ไม่เกิน 20 ชนิด เจริญเติบโตช้า มักขึ้นเป็นต้นเดี่ยวๆ ทรงกลมแป้น เมื่อต้นมีอายุมากขึ้นอาจจะแตกหน่อหรือกิ่งก้านได้ มีหลายสี ตั้งแต่สีเขียวอ่อน สีเขียวอมน้ำตาล และสีม่วงเข้ม เติบโตได้ในดินทรายที่มีธาตุอาหารอุดมสมบูรณ์ บางครั้งอาจจะใช้ดินผสมก็ได้ แต่ต้องมีการระบายน้ำที่ดี ต้นทนต่ออุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส

5. Echinopsis มีอยู่มากกว่า 10 ชนิด ต้นมีทรงกลม-ทรงกระบอก อาจขึ้นเป็นต้นเดี่ยวหรืออยู่รวมกันเป็นกลุ่ม บางชนิดมีขนาดใหญ่มาก อาจสูงถึง 1.8 เมตร ดอกออกเป็นวงรอบยอดของต้นซึ่งมีปุยนุ่ม ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดได้ดี เจริญเติบโตเร็วต้องการแสงแดดจัด จึงปลูกทิ้งไว้กลางแดดได้ หากไม่ได้รับแสงแดดที่เพียงพอ ต้นจะยืดยาวเสียรูปทรงได้ง่าย แต่ถ้าได้แดดจัดแรง ต้นจะกลมสวย การให้น้ำจึงไม่ต้องให้บ่อย สามารถให้แบบทุก 3-7 วัน ต่อครั้งได้

6. Gymnocalycium มีอยู่มากกว่า 120 ชนิดและอีกหลายสายพันธุ์ เป็นสกุลที่น่าสนใจ เพราะมีลักษณะรูปทรงแตกต่างกันออกไปและมีดอกที่มีสีสันสวยงาม บางชนิดอาจมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 7.5 เซนติเมตร บางชนิดอาจมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 20 เซนติเมตร เลี้ยงง่าย ออกดอกได้ภายในเวลา 2–3 ปี เลี้ยงง่าย ตายยาก ชอบแดดจัด ไม่ต้องการน้ำเยอะ เป็นสายพันธุ์ที่ตลาดนิยม เพราะมีทั้งแบบด่างแบบสี มีการกลายพันธุ์ให้เห็นบ่อย ซึ่งในต้นที่กลายพันธุ์จะมีราคาสูงและอาจทำราคาได้สูงถึงหลักแสน เพราะหายากและโตช้า

7. Lophophora สกุลนี้มีอยู่ 2 ชนิด แต่มีหลากสายพันธุ์ ลักษณะต้นเป็นทรงกลม อ่อนนุ่ม สีเหลืองซีดจนถึงสีเขียวอมฟ้า ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 8–13 เซนติเมตร มีทั้งที่ขึ้นเป็นต้นเดี่ยวๆ และเป็นกลุ่ม เติบโตได้ดีในดินเหนียว/ดินทรายโตช้า (แต่ติดผลได้ง่าย) ออกดอกภายในเวลา 5–6 ปี

8. Mammillaria มีอยู่เพียง 2 ชนิด มีหลากสายพันธุ์ ลำต้นเป็นทรงกลม อ่อนนุ่ม สีเหลืองซีดจนถึงสีเขียวอมฟ้า ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 8–13 เซนติเมตร มีทั้งที่ขึ้นเป็นต้นเดี่ยวๆ และเป็นกลุ่มโตได้ดีในดินเหนียวหรือดินทรายโตช้า แต่ให้ผลได้ง่าย สามารถออกดอกภายในเวลา 5–6 ปีเป็นพวกชอบแดดจัด จึงงอกงามดีเมื่อได้รับแสงมากแต่ก็ไม่ค่อยชอบน้ำ เพราะเน่าง่าย ควรรดน้ำประมาณ 3-10 วันครั้ง

9. Opuntia สกุลนี้มีอยู่มากกว่า 400 ชนิดและอีกหลายสายพันธุ์ มีทั้งต้นเล็ก เป็นทรงกลมต่อๆ กันจนถึงชนิดที่มีขนาดใหญ่ เป็นทรงกระบอกต่อกัน สูงได้กว่า 2 เมตร และอาจพบว่ามีความสูงใหญ่เหมือนไม้ยืนต้น สามารถผสมตัวเองจนเกิดผลและร่วงหล่นงอกเป็นต้นใหม่เองได้ ชอบแดด ปลูกลงดินปกติได้ ทนทาน ได้รับความนิยมแพร่หลาย

10. Obregonia มีอยู่เพียงชนิดเดียว ลักษณะลำต้นเป็นทรงกลม มีจุดเด่นคือ เป็นกลีบหนา สีเขียว ปลายงอนแหลม เรียงหงายซ้อนกันเป็นชั้น ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 15 เซนติเมตร และมีขนาดฐานกว้างถึง 2.5 เซนติเมตร ขยายพันธุ์ง่ายด้วยเมล็ด ชอบขึ้นใต้ร่มเงาของต้นไม้ จำพวก xerophyte เติบโตค่อนข้างช้า ชอบดินที่มีการระบายน้ำดี ชอบร่มเงา ถ้าต้นได้รับแสงมากเกินไปจะแดงและชะงักการเจริญเติบโต

การตลาดและการลงทุน

สำหรับตลาดแค็กตัสนั้นไม่มีอะไรน่าห่วง เพราะสินค้าสามารถขายได้ด้วยตัวเอง ซึ่งดูได้จากความนิยมที่ไม่มีวันสิ้นสุด และอยู่ในตลาดมานานหลายทศวรรษ ในราคาจำหน่ายที่จับต้องง่ายอยู่ที่ 25 บาทขึ้นไปจนถึงหลักแสน หากบริหารจัดการดีจะสามารถสร้างกำไรเฉลี่ยได้ถึงสัปดาห์ละ 6,000-7,000 บาทในราคาขายตามท้องตลาดทั่วไป และจะสามารถทำราคาสูงขึ้นได้จากอายุการเลี้ยงดูที่เพิ่มขึ้น ด้วยความเป็นไม้ที่เติบโตช้า ใช้เวลาในการเลี้ยงนาน อายุหลายปี จึงทำให้มีราคาเพิ่มขึ้น

ปัจจุบันมีการนำเสนอขายแค็กตัสบนออนไลน์มาร์เก็ตกันอย่างแพร่หลาย มีทั้งการจัดส่งแบบล้างรากและทั้งกระถาง เพราะมีความทนทานจึงไม่บอบช้ำง่ายจากการขนส่ง นอกจากนี้ตลาดออฟไลน์แบบเปิดขายผ่านหน้าร้านก็ยังเป็นที่นิยมจากนักช็อปทั้งหลาย จับเป้าหมายได้หลายกลุ่ม ตั้งแต่รุ่นเด็ก นักศึกษา ไปจนถึงหนุ่มสาววัยทำงานและวัยกลางคน ที่มีพื้นที่จำกัดแบบอพาร์ตเม้นต์หรือมีพื้นที่กว้างเป็นไร่แค็กตัสก็จับตลาดได้หมด จากความสวยงามอันเป็นเอกลักษณ์ของพืชกลุ่มนี้ ที่ไม่ต้องการการดูแลมากมายเหมือนต้นไม้ชนิดอื่น แค่เพียงรดน้ำ ให้แดดและใส่ปุ๋ยบ้างนี้เองที่เป็นจุดแข็งจุดขายของพืชกลุ่มนี้

ด้านการลงทุนสำหรับผู้ที่ต้องการประกอบเป็นอาชีพเสริม ที่ต้องเริ่มจากความรัก ความรู้ความเข้าใจในแค็กตัสก่อนจึงจะต่อยอดสู่การลงทุน ซึ่งมีต้นทุนดำเนินการตามขนาดพื้นที่และเงินทุน โดยสิ่งจำเป็นที่ต้องมีสำหรับการเพาะปลูกแค็กตัสเชิงการค้าก็คือ โรงเรือนพรางแสงที่มีการยกพื้นสูง เพราะถึงแม้แค็กตัสจะเป็นพืชที่ชอบแดด แต่การเปิดรับแสงโดยตรงนั้นไม่เอื้อต่อการเพาะเลี้ยงเพื่อขยายพันธุ์เป็นจำนวนมาก จำเป็นต้องพรางแสง 50-60% และยังเป็นการปรับสภาพของแค็กตัสให้พร้อมสำหรับการถูกนำไปตั้งวางไว้ในบ้านเรือนมากกว่าปลูกเลี้ยงไว้กลางแจ้ง

70% ของกลุ่มลูกค้าที่ซื้อแค็กตัสไป นิยมนำไปตั้งประดับไว้บนโต๊ะทำงานหรือมุมหลังบ้านมากกว่า ดังนั้นเมื่อพืชไปอยู่ในมือลูกค้า ลูกค้าก็จะสามารถดูแลจัดการต่อไปได้ง่ายโดยไม่ต้องห่วงว่าจะเน่าตายจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีเงินทุนด้านการซื้อพันธุ์และวัสดุปลูกมาเพาะเลี้ยงขยาย หากจะลงทุนในการทำธุรกิจนี้ งบประมาณในการลงทุนเบื้องต้นที่ประมาณ 30,000–100,000 บาท ก็สามารถเริ่มธุรกิจได้ ขอแค่เพียงมีเวลาและความใส่ใจที่มากพอ เพราะแค็กตัสเป็นพืชที่ต้องการเวลาในการสร้างอาณาจักรนานพอสมควร และมีแนวโน้มการเติบโตของตลาดที่ยั่วยวนใจ

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.facebook.com/Astvmanagerweekend/

https://www.sentangsedtee.com/ 

 

8 ต้นไม้ฟอกอากาศนิยมปลูกไว้ในบ้าน

เมนูแนะนำ ‘ผัดสามเหม็น’ เหม็นดีมีประโยชน์

Bangkok Bank SME เราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจ สามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพ คลิก หรือสายด่วน
1333