สู้สุดใจ ไม่ไหวก็พัก ไม่เคยยอมแพ้! ลุงวัยเกษียณ ขับแกร็บส่งอาหาร ชีวิตต้องไปต่อ

สู้สุดใจ ไม่ไหวก็พัก ไม่เคยยอมแพ้! ชีวิตต้องไปต่อ

ท่ามกลางสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ทำให้ภาคธุรกิจต้องหยุดชะงัก ผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องถูกพักงาน แม้กระทั่งบางคนก็ไม่มีโอกาสได้กลับไปทำงานอีกแล้ว

อย่างไรก็ตาม ใครที่กำลังสิ้นหวังกับสภาวการณ์ที่ไม่แน่นอนอยู่นั้น เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ อยากให้ลองฟังแง่คิดและแรงบันดาลใจดีๆ จากนักสู้ชีวิต ผู้ไม่ยอมแพ้กับโชคชะตา อย่างเช่น “ลุงพันธ์” ชายวัยเกษียณ ที่ไม่เเก่เกินจะเรียนรู้งาน

โอกาสมีอยู่ทุกที่

“ลุงพันธ์” หรือ นายจักรพันธ์ ช้อยสุชาติ วัย 65 ปี อดีตเคยเป็นคนคุมงานก่อสร้าง เเละรับจ้างอิสระ ทำให้บั้นปลายชีวิต มีเงินเก็บไม่มาก และแม้จะได้เบี้ยยังชีพคนชราเดือนละ 600 บาท ก็ไม่เพียงพอที่จะจุนเจือครอบครัว กระทั่งตัดสินใจหวนกลับมาทำงานเป็นพนักงานส่งอาหารผ่านแกร็บ ตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2562 ที่ผ่านมา

ลุงพันธ์ บอกว่า “หลายปีที่ผ่านมา ผมทำงานรับจ้างสารพัดอยู่ที่บ้าน รู้สึกเบื่อ เพราะอาชีพนี้รายได้ไม่สม่ำ เสมอ พอเกษียณออกมา กลายเป็นหน้าที่หารายได้หลักตกเป็นของภรรยา พอดีมีคนรู้จักขับแกร็บอยู่ เขาบอกว่าผมสามารถสมัครผ่านช่องทางออนไลน์ได้ ก็เลยลองดู โชคดีที่แกร็บไม่มีการกำหนดอายุของพาร์ตเนอร์คนขับ ผมเลยได้โอกาสกลับมาทำงานอีกครั้ง จนตอนนี้ก็ขับมาได้ 6-7 เดือนแล้ว ได้ออกมาข้างนอกทุกวัน ทำให้ผมไม่เหงา แถมยังมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัวเพิ่มขึ้นด้วย”

ลุงพันธ์ เล่าต่อว่า ช่วงที่เริ่มทำงานใหม่ๆ รายได้ค่อนข้างดี โดยมักจะขี่รถส่งอาหารบริเวณห้างเซ็นทรัล พลา ซ่า เวสต์เกต ไปให้กับลูกค้าบริเวณใกล้เคียงในทุกๆ วัน แต่ทว่าหลังโควิด-19 ระบาด รายได้ก็ตกลงไป ถึงแม้ ว่ายังมีลูกค้าสั่งสินค้าอยู่สม่ำเสมอ แต่ตอนนี้มีคนมาขี่แกร็บส่งอาหารมากขึ้น ทำให้ต้องกระจายรายได้กันไป ทุกวันนี้ขับวันละประมาณ 10 เที่ยว ก็มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 500-600 บาทต่อวัน ถือว่าน้อยลง แต่ก็เข้าใจ ว่าต้องกระจายรายได้แบ่งๆ กันไป

ไม่มีใครแก่เกินจะเรียนรู้

ด้วยเป็นคนที่ชอบเล่นโซเชียลมีเดียและชอบเข้าไปอ่านข่าวสารจากโลกออนไลน์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้เขาหมั่นศึกษาวิธีใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่นี้อยู่เสมอ

“ตอนที่คิดอยากจะลองขี่รถส่งอาหารผ่านแกร็บ ก็ไม่รู้สึกกลัวเท่าไรนะ ผมเข้าไปดูในเว็บไซต์เขาแล้วก็ลองสมัครออนไลน์ดู ตอนแรกก็กังวลนิดหน่อยว่าแอพจะใช้ยากไหม แต่จริงๆ แล้วไม่ยาก ง่ายพอๆ กับเล่นโซเชียลเลย แล้วก็มีคนมาช่วยสอนให้ด้วย เลยทำให้ผมสามารถใช้งานเองได้อย่างรวดเร็ว ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญคือ ถึงแม้ว่าเรื่องเทคโนโลยีดูเหมือนจะเป็นเรื่องใหม่เรื่องยาก แต่ถ้ากล้าจะลองเรียนรู้ คุณจะรู้ว่าไม่มีอะไรยาก แล้วการที่ออกมาวิ่งนี่ก็ยังทำให้ผมได้พบเจอกับมิตรภาพดีๆ เวลาไม่รู้อะไรก็ถาม มีแต่คนคอยช่วยเหลือสอนงาน”

สู้สุดใจ ไม่ไหวก็พัก

แม้จะอยู่ในวัย 65 ปี แต่อายุก็ไม่ใช่อุปสรรค ลุงพันธ์ยังคงออกมาวิ่งงาน 6 วันต่อสัปดาห์ ตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึงสองทุ่ม โดยเหลือวันหยุดประจำสัปดาห์ไว้ 1 วันเพื่อดูแลทำงานบ้าน

“ผมพยายามไม่หักโหม วิ่งเท่าที่ร่างกายเราไหว อายุเราไม่ใช่น้อยแล้ว แถมสุขภาพก็ไม่ดีเหมือนก่อน เราจึงต้องรู้จักประมาณกำลังของตัวเอง สำหรับผมที่ออกไปขับรถเกือบทุกวัน ผมพยายามหาเวลาให้ตัวเองพักระหว่างวัน อย่างช่วงที่ยุ่งมากๆ เหมือนช่วงนี้ กว่าจะได้กินข้าวกลางวันบางทีก็ปาเข้าไปสี่โมงเย็นแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาต้องกินก็จะพักเลย นอกจากนั้นแล้วก็ต้องมีวันหยุดพักผ่อนให้ตัวเอง เวลาพักผ่อนผมก็จะออกกำลังกาย ไม่ก็ทำงานบ้าน การซักผ้า หรือกวาดถูบ้าน ก็ถือว่าเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง”

รู้จักให้กำลังใจตัวเอง

ลุงพันธ์เคยต้องอยู่บ้านเฉยๆ เป็นเวลาหลายปี คุณลุง เล่าว่า ช่วงเวลานั้นนับได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก ด้วยปัญหาสุขภาพและรายได้ที่หดหาย รวมถึงการอยู่บ้านเฉยๆ ทำให้จมอยู่กับความคิดของตนเอง

“สิ่งสำคัญที่ผมอยากจะบอกทุกคนก็คือ ต้องระวังความคิดของตัวเองให้ดี อย่าปล่อยให้ความคิดหรือความ เครียดบอกเราว่า เราคือคนไร้ค่า หมดประโยชน์ ไม่อย่างนั้นคุณจะจมดิ่งเลยนะ เมื่อไหร่ที่ตัวเองกำลังคิดอย่างนั้น ให้ลุกออกมา หาอะไรก็ได้ทำ ออกมาเจอคนอื่น เจอโลกข้างนอกบ้าง สำหรับผมของขวัญที่มากกว่ารายได้ ก็คือการที่ได้ออกมาพบกับลูกค้า กับเพื่อนร่วมอาชีพที่คอยให้มิตรภาพ ให้กำลังใจกัน ซึ่งช่วยได้มาก” ลุงพันธ์ กล่าว

สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นช่วงเวลาที่ไม่เคยมีใครพบเจอมาก่อน ไม่มีใครรู้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรต่อไป หรือจะจบเมื่อไหร่ หากแต่สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือ “หัวใจ” ของทุกคนที่ต้องต่อสู้อย่างไม่ท้อถอย เพราะถึงอย่างไรชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป แล้ว #เราจะผ่านมันไปด้วยกัน