ออมสินโชว์นวัตกรรมแบงก์ดีลิเวอรี่ นัดใช้บริการผ่านแอพ SUMO

ออมสินโชว์นวัตกรรมแบงก์ดีลิเวอรี่ นัดใช้บริการผ่านแอพ SUMO

แบงก์ออมสิน – เปิดแผนขับเคลื่อนสู่ “ธนาคารเพื่อความยั่งยืน” ผ่านกลไก 3 ด้าน ชูนวัตกรรมดีลิเวอรี่ แบงกิ้ง บริการแบงก์เคลื่อนที่ นัดหมายผ่านแอพ SUMO ปรับบทบาทสาขาให้เป็นศูนย์ให้คำปรึกษาสารพัดเรื่อง พร้อมช่วยเอสเอ็มอีแบบครบวงจร

ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2563 ว่า ธนาคารยังคงเดินหน้าแนวคิด “เติบโต ยั่งยืน ตอบแทนคืนสู่สังคม” ภายใต้แนวคิด GSB SUSTAINABLE BANKING มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน ดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ซึ่งช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ธนาคารมีการเติบโตที่ดีเยี่ยมในทุกมิติ ภายใต้แผนงานและยุทธศาสตร์เพื่อสร้างความแข็งแกร่งขององค์กรอย่างยั่งยืนที่พร้อมปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์และวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ของธุรกิจอยู่ตลอดเวลา

ดร.ชาติชาย กล่าวว่า ในปี 2563 ธนาคารตั้งเป้าหมายสินทรัพย์รวม 2.9 ล้านล้านบาท หรือเติบโต 3.5% ปล่อยสินเชื่อ 550,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสุทธิกว่า 80,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4-5% เงินฝากเพิ่มสุทธิกว่า 75,000 ล้านบาท หรือเติบโต 3% และเป้าหมายขยายฐานลูกค้าเพิ่มเป็น 41% ของประชากรทั้งประเทศ โดยใช้แนวคิด GSB SUSTAINABLE BANKING เป็นกลไกผลักดันยุทธศาสตร์ 3 ธนาคาร มุ่งสู่การเป็น “ธนาคารเพื่อความยั่งยืน” ประกอบด้วย Traditional Banking ปรับเปลี่ยนการให้บริการแบบเดิมไปสู่ “Delivery Banking” ผ่านบริการ “QUEUE Application” ซึ่งจะออกไปให้บริการตามที่ลูกค้าทำนัดหมายผ่าน app ซึ่งสามารถเลือกบริการได้ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์บริการเคลื่อนที่ เรือออมสิน หรือให้พนักงานออกไปให้บริการยังจุดที่ลูกค้าสะดวก ด้วยเครื่องมือให้บริการในชื่อ SUMO โดยสามารถให้บริการได้ตั้งแต่การรับฝากเงิน เปิดบัญชีเงินฝาก ฝากสลากออมสิน ฝากเงินกองทุนต่างๆ เปิดบัตรอิเล็กทรอนิกส์ รับชำระสินเชื่อ เป็นต้น ซึ่งปีนี้จะมีจำนวนถึง 3,700 เครื่องออกไปให้บริการ

 

ขณะเดียวกัน ได้เตรียมพัฒนาศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (GSB Contact Center) เพื่อยกระดับการให้บริการและตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า โดยเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมทุกความคิดเห็น ข้อร้องเรียน และเสนอแนะของลูกค้าจากทุกรูปแบบช่องทางการสื่อสาร (Omni-Channel) และเป็นศูนย์กลางในการให้บริการข้อมูล ข่าวสาร ผลิตภัณฑ์และบริการของธนาคาร ผ่านทุกช่องทางสำคัญ นอกจากนี้ ยังได้นำเทคโนโลยี AI, Chatbot, Speech Recognition มาเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการแก่ลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ธนาคารยังมีความพร้อมที่จะเป็นองค์กรหลักที่ให้บริการในรูปแบบ ATM White Label กับสถาบันการเงินอื่น ทั้งธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ซึ่งธนาคารได้เตรียมติดตั้ง ATM ใหม่กว่า 5,000 เครื่อง ทั้งทดแทนเครื่องเดิมและเพิ่มเติมในจุดที่มีศักยภาพครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ

ด้าน Social Development Banking โดยปี 2563 ธนาคารปรับเปลี่ยนบทบาทสาขา Social Branch เป็นศูนย์พัฒนาสู่ความยั่งยืน Sustainable Banking Center มิติใหม่ของสถาบันการเงินที่จะมีสาขาดูแลด้านสังคมโดยเฉพาะ รวมถึงมีบริการศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน ศูนย์แก้ไขหนี้นอกระบบ ศูนย์พัฒนาอาชีพ ศูนย์แก้ไขหนี้นอกระบบ ข้อมูลด้านการท่องเที่ยวในท้องถิ่น จุดให้บริการทางการเงินเพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐ (Financial Logistic Center) ศูนย์แสดงสินค้าชุมชน ซึ่งปี 2563 จะเปิดให้บริการครบ 100 สาขา ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงการปรับบทบาทสำนักสินเชื่อธุรกิจลูกค้าเอสเอ็มอีที่มีกระจายอยู่ทั่วประเทศ 82 ศูนย์ เป็นศูนย์กลางพัฒนาส่งเสริมเอสเอ็มอีให้สามารถสนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอีได้อย่างครบวงจร เพื่อการยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน

สำหรับ Digital Banking ที่จะพัฒนาให้เป็น Ecosystem ตอบสนองได้ทุกช่วงชีวิตของลูกค้า ในปี 2563 ธนาคารมีแผนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และช่องทางต่างๆ ให้มีบริการที่รวดเร็วและทันสมัยมากยิ่งขึ้นในโลกยุคดิจิตอล พร้อมทั้งสร้างความสะดวกสบายบน Digital Platform ใหม่ๆ ตอบสนองทุกช่วงชีวิตของลูกค้า ผ่านการพัฒนา New Feature ของ Mobile Application : MyMo ได้แก่ บริการซื้อประกันภัยรถยนต์/ที่พักอาศัย/ประกันชีวิต ผ่าน i-Insurance บริการบัญชีเพื่อการออม ด้วย i-Saving บริการซื้อขายหลักทรัพย์กับ i-Investment และบริการการค้ำประกันสินเชื่อด้วย Digital สลาก ด้วย i-Loan เป็นต้น โดยปีนี้มีเป้าหมายเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการ MyMo จาก 8 ล้านรายในปี 2562 เป็น 13 ล้านราย และเป็น 18 ล้านรายในปี 2564