ไตรมาส 2 “นกแอร์” ขาดทุน 796 ล้าน เร่งเพิ่มรายได้ยกระดับสู่ Premium Budget Airlines

ไตรมาส 2 “นกแอร์” ขาดทุน 796 ล้าน เร่งเพิ่มรายได้ยกระดับสู่ Premium Budget Airlines

นายวุฒิภูมิ จุฬางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) และกรรมการบริหาร บริษัท สายการ บินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK เปิดเผยว่า นกแอร์ยังคงเดินไปตามแผนพลิกฟื้นธุรกิจที่วางได้อย่างต่อเนื่อง โดยเร่งเพิ่มรายได้และลดรายจ่าย สิ่งสำคัญที่กำลังดำเนินการคือ การจัดการฝูงบินและการบิน ให้บินไกลขึ้น ใช้เครื่องบินให้คุ้มค่าและลดต้นทุนลง รวมทั้งเตรียมเพิ่มบริการใหม่ๆ ในรูปแบบ segmentation by lifestyle ให้ผู้โดยสารเลือกได้ตามความต้องการ สร้างประสบการณ์ในการเดินทางที่เหนือกว่า นำพานกแอร์ไปสู่การเป็น Premium Budget  Airlines หลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคาในธุรกิจสายการบินราคาประหยัดที่ทวีความรุนแรงขึ้น และสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้โดยสารกลับมาใช้บริการของนกแอร์อีกครั้ง

จากความมุ่งมั่นของทีมผู้บริหารและพนักงานทำให้สถานการณ์การดำเนินงานของนกแอร์ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผลประกอบการงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2562 บริษัทและบริษัทย่อยมีผลขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมในไตรมาส 2 ปี 2562 จำนวน 796.41 ล้านบาท ขาดทุนลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนจำนวน 1,095.93 ล้านบาท แบ่งเป็นผลขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมของบริษัทใหญ่จำนวน 551.06 ล้านบาท และผลขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมจากส่วนที่เป็นของส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม 245.35 ล้านบาท

ขณะที่ผลประกอบการเฉพาะกิจการบริษัทในไตรมาส 2 ปีนี้ มีผลขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมจำนวน 469.82 ล้านบาท ลดลงถึงร้อยละ 36.73 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนจำนวน 742.61 ล้านบาท และสำหรับงวด 6 เดือนแรกปี 2562 บริษัทมีผลขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมสำหรับงวดเท่ากับ 751.09 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 23.59 ล้านบาท หรือขาดทุนลดลงร้อยละ 3.05

“แผนฟื้นธุรกิจเดินไปได้ด้วยดี ทำให้ไตรมาส 2 นกแอร์ขาดทุนลดลง โดยสาเหตุหลักมาจากต้นทุนเชื้อเพลิงลดลง และบริษัทสามารถลดค่าใช้จ่าย ทั้งในส่วนค่าซ่อมบำรุงเครื่องบินและค่าเช่าเครื่องบินลงได้ตามแผนการลดค่าใช้จ่ายตามแผนฟื้นธุรกิจ อย่างไรก็ตาม รายได้รวมของบริษัทได้ปรับลดลงตามการลดขนาดฝูงบิน ประกอบกับภาวะการแข่งขันทางด้านราคาที่รุนแรงและเข้าสู่ช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ลดลง ทำให้รายได้ค่าโดยสารลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งบริษัทได้ปรับตารางบินในช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง” นายวุฒิภูมิ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทได้ลดขนาดฝูงบินอากาศยานจากจำนวน 28 ลำ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2561 เป็นจำนวน 22 ลำ ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ปี 2562 หรือมีจำนวนเครื่องบินเฉลี่ยลดลงคิดเป็นร้อยละ 18.48 ซึ่งมีผลตรงกับการเพิ่มอัตราการใช้เครื่องบินต่อลำเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 1.91 และรายได้ต่อปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (RASK) เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.28 ขณะที่ต้นทุนต่อปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (CASK) ลดลงร้อยละ 4.33 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ดี การลดขนาดฝูงบินได้ส่งผลให้ปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสารลดลง รวมถึงจำนวนเที่ยวบินลดลงร้อยละ 10.19 และ 10.34 ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนการดำเนินงานของบริษัทย่อยคือ บริษัท สายการบินนกสกู๊ต จำกัด มีทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่อง โดยไตรมาส 2 ปี 2562 มีรายได้รวม 1,703.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1,463.28 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.41 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.82 จาก 0.31 ล้านคน เป็น 0.36 ล้านคน เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนเที่ยวบินโดยรวมทั้งหมดร้อยละ 19.92

ปัจจุบัน สายการบินนกแอร์มีเส้นทางบินครอบคลุมทั้งเมืองหลักและเมืองรองมากที่สุดทั่วประเทศไทยถึง 51 เส้นทาง และเส้นทางบินระหว่างประเทศที่รวมบริการแบบเช่าเหมาลำถึง 10 เส้นทาง ซึ่งเส้นทางบินล่าสุดคือ กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) – กูวาฮาติ โดยการเปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศบริษัทมีความตั้งใจที่จะเพิ่มจำนวนเส้นทางบินอย่างต่อเนื่องเพื่อการจัดการเครื่องบินและฝูงบิน (Aircraft Utilization) นั้นเกิดประโยชน์และคุ้มค่าสูงสุด อีกทั้งการเพิ่มรูปแบบการให้บริการโดย segmentation by lifestyle เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถเลือกสิ่งที่ตรงกับความต้องการ และเพิ่มความแตกต่างเพื่อตอกย้ำการเป็น Premium Budget  Airlines และเป็นไปตามแผนฟื้นฟูธุรกิจ (Turnaround plan) ที่บริษัทได้วางเอาไว้