“ชาคริต” ลุยขายทุเรียนหมอนทองพรีเมี่ยม กก.ละ 990 บาท ชูจุดขายเด็ดสดจากต้น

ความเครียดจากการทำงานนอกบ้าน ทำให้สาวๆ หลายคนใฝ่ฝันถึงการได้อยู่บ้านทำหน้าที่ดูแลลูก ดูแลสามี แต่วิถีนั้นอาจไม่ใช่ทางของ แอน-ภัททิรา รุ่งโรจน์ ภรรยา ชาคริต แย้มนาม เพราะระหว่างสามีให้อยู่บ้านเลี้ยงลูก เธอก็ให้กำเนิดธุรกิจอาหารทะเล “เขยจันท์” ที่นับวันกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ

“ช่วงที่ท้องน้องโพธิ์ (ลูกชาย) เราอยู่บ้านกัน 2 คน พ่อแม่เป็นห่วงเลยเอาของกินที่แอนชอบจากจังหวัดจันทบุรีมาให้ อย่างปลาหมึกแดดเดียวจากร้านที่แอนชอบก็เอามาแช่ตู้เย็นใส่ช่องฟรีซไว้ ผ่านไปหลายเดือน เอาออกมาเข้าไมโครเวฟกินก็ยังสดอยู่ อร่อยมาก ทุกครั้งที่กินแอนกับพี่คริต ชอบถ่ายรูปลงไอจี ปรากฏว่าคนเรียกร้องว่าน่ากินมาก ทำไมไม่ทำขาย เขาอยากกิน” สาวเมืองจันท์บอกถึงจุดเริ่มต้น

แอน-ภัททิรา รุ่งโรจน์

ก่อนจะเล่าต่อ “บวกกับช่วงนั้นแอนอึดอัด แอนเคยไปทำงาน ตอนท้องก็อยากทำงาน แต่พี่คริตบอกว่าอย่าเพิ่งทำให้ดูแลลูก แต่แอนไม่อยากให้เขาทำงานคนเดียว ไม่อยากให้เป็นคนเดียวที่หารายได้เข้าบ้าน ช่วงนั้นพี่คริตก็วิกฤตหลายอย่าง คุณแม่ป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล เราใช้เงินรักษาคุณแม่ให้ดีที่สุด เงินที่เก็บไว้ก็ค่อนข้างวิกฤต แล้วเราก็ตั้งใจให้เป็นธุรกิจที่หารายได้โดยการทำอยู่กับบ้านก็ได้ เหมือนคนโทรสั่งเราแค่จัดของส่งมอเตอร์ไซค์ ไม่ต้องมีหน้าร้าน ไม่ต้องไปเฝ้าร้าน แถมได้เลี้ยงลูกอยู่กับบ้านด้วย”

“เราก็เลยลองคุยกับพ่อ พ่อก็บอกว่าได้สิ เขามีคนออกเรือที่สนิทกันเยอะ พ่อเลยลองทำปลาหมึกแดดเดียวดูเอง แล้วลองขายกันเล่นๆ ปรากฏว่าขายดีมาก ได้รับการตอบรับที่ดีเลยรู้สึกว่าจะชื่ออะไรดี ซึ่งพอแต่งงานกันแล้วคนชอบเรียกพี่คริตว่าเขยเมืองจันท์ เราเลยใช้ชื่อ “เขยจันท์” ให้มันสั้นๆ จำง่าย”

ขณะเดียวกัน ยังมาพร้อมคอนเซ็ปต์ “อยากให้ทุกคนได้กินของอร่อยเหมือนที่เรากิน” ดังนั้น คนทำจึงใส่ใจทุกขั้นตอนเพื่อให้ปลาหมึกแดดเดียวที่ขายแพ็กละ 200 กรัม ราคา 250 บาท ออกมาดีที่สุด ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบที่ต้องคัดปลาหมึกตัวใหญ่เนื้อแน่น การแปรรูปที่ต้องคงความสด สะอาด และน้ำจิ้มรสแซ่บสูตร “พริกเกลือ” เมืองจันท์แท้ๆ

โดยเธอว่า “แอนทำพริกเกลือเองด้วยเป็นสูตรของคุณแม่ เพราะตั้งแต่โตขึ้นมาเรียนกรุงเทพฯ ทุกครั้งเวลาแอนกลับบ้านมีสังสรรค์ในครอบครัว แอนต้องเป็นคนตำพริกเกลือทุกครั้ง อย่างตอนที่เริ่มขายเป็นภาวะตกใจ ขายดี เราก็ต้องตำ ตอนแรกไม่มีเครื่อง ตำเองจนทะเลาะกันในบ้านเพราะไม่มีใครอยากตำ แต่แอนบอกต้องตำเพราะมันอร่อยกว่า แต่ตอนหลังพอมันขายดีก็ต้องหยุดตำใช้เครื่องเอา พอเราแก้ปัญหาที่ไม่ต้องตำน้ำจิ้มแล้ว ปัญหาถัดมาคือการปอกกระเทียม ทุกคนเกี่ยงกัน เวลาเราทำน้ำจิ้มทีเยอะๆ กระเทียมมันใช้เยอะ แอนก็บอกไม่เป็นไร ใครขี้เกียจเดี๋ยวแอนทำเอง”

“คติของแอนคือ ใครไม่ทำ แอนทำได้ มันเป็นสิ่งที่แอนปฏิบัติตั้งแต่เล็กๆ ว่าทุกสิ่งที่เติบโตจะต้องเป็นสิ่งที่เราได้ทำตั้งแต่เริ่มต้น เพราะไม่ว่ามันจะเกิดปัญหาที่จุดไหน แอนจะได้กลับไปแก้ปัญหาที่จุดนั้น และทุกๆ ครั้งลูกจ้างที่แอนจ้างมาเกิดมีความขี้เกียจ บอกว่างานเยอะ แอนจะทำเลย ทำเองโดยที่ไม่รอว่าถ้าคนนี้ไม่ทำกิจการฉันจะชะงัก เพราะเราโชคดีกว่าคนอื่นเยอะที่พี่คริตมีชื่อเสียงทางด้านอาหาร การที่เราเปิดตัวธุรกิจนี้เราได้รับการตอบรับที่ดี เป็นโชคดีของเราแล้ว”

“ส่วนพี่คริตเขาก็ช่วยแอนทุกอย่างเลย ตั้งแต่การเริ่มผลิต เมื่อก่อนเขานั่งกรอกน้ำจิ้มเอง ตำเอง ปรุงเอง พี่คริตจะต้องเป็นคนจบรสชาติหมดว่าอันนี้โอเคแล้ว เหมือนเขาไม่อยากให้เมียเหนื่อยมากก็จะหาข้อมูลว่ามีเครื่องทุ่นแรงอะไรบ้าง ปีที่แล้วเขาหยุดงาน ปีนี้เขาเริ่มกลับไปทำงานข้างนอก เขาก็บอกว่าลูกเราต้องโตทุกวันยังไงแอนต้องเอาลูกเป็นหลัก มันเลยต้องเริ่มหาแขนหาขาของธุรกิจ”

ดังนั้น หลังจากผ่านมาราวๆ 6 เดือน อุตสาหกรรมในครัวเรือนจึงได้ขยับขยายกลายเป็นบริษัทเล็กๆ ที่มีพนักงานเพิ่มขึ้นอีก 3-4 คนเพื่อดูแลเรื่องบัญชี การสต๊อกสินค้า ฯลฯ นอกจากนี้ ที่เคยส่งได้เฉพาะในกรุงเทพฯ เพราะติดปัญหาเรื่องการขนส่งสินค้าที่ต้องอาศัยความเย็นตลอดเวลา ตอนนี้ก็สามารถหาช่องทางส่งให้ลูกค้าทั่วประเทศได้แล้ว

ชาคริตขายทุเรียน

 

นอกจากนี้ สาวเจ้ายังว่า “เรามีเมนูใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาด้วย ตอนนั้นปลาหมึกเริ่มดรอป เพราะเปิดตัวก็แรงเป็นธรรมดา ตอนหลังลูกค้าสั่งน้อยลง เรานั่งคุยกันสองคนผัวเมียว่าต้องทำอะไรที่ดึงปลาหมึกไปด้วยแล้วก็เปิดตัวสินค้าใหม่ โดยเป็นฮ่อยจ๊อที่พี่คริตชอบกินมากเป็นของคุณแม่ของน้องที่สนิทกัน เราพิสูจน์แล้วว่ามันขายได้ อร่อยและทำมาจากปูซึ่งก็ลิงก์กับความเป็นจันทบุรี เรามาตั้งชื่อว่า“ฮ่อยจ๊อดราก้อนบอล” เพราะเป็นการ์ตูนที่พี่คริตชอบตั้งแต่เด็ก แล้วของเรามี 7 ลูกให้ตามหาความอร่อยในราคา 250 บาท ซึ่งมันก็ยังเป็นสินค้าที่อิงความเป็นจันทบุรีและเป็นชาคริตอยู่ดี”

   

“ถัดมาก็จะเป็นหมูชะมวง สินค้าดังของจันทบุรีที่หากินว่ายากแล้ว แต่หากินอร่อยๆ ยิ่งยากกว่าเพราะหลายเจ้าจะติดหวาน แต่บ้านแอนกับพี่คริตไม่กินหวาน ดังนั้น เลยเริ่มเปิดพรีออร์เดอร์ก่อนว่ามีคนสนใจไหม ปรากฏว่าเปิดพรีออร์เดอร์แล้วขายดี หลังจากนั้นคุณยาย (แม่ของแอน) ก็จะทำสัปดาห์ละหม้อ ขาย 500 กรัม ราคา 250 บาท โดยทำทุกครั้งต้องรอคุณชาคริตเลิกงานกลับมาปรุงครั้งสุดท้ายตลอด แล้วช่วงที่ผ่านมาเป็นหน้ามะยงชิด เราก็มีมะยงชิดมาขายแบบสดๆ และที่แอนทำเป็นลอยแก้วขายด้วย”

“แต่ขายดีสุดก็ยังเป็นปลาหมึกกับฮ่อยจ๊อที่เป็นไฮไลต์อยู่ดี เดือนหนึ่งปลาหมึกประมาณ 300 แพ็ก ฮ่อยจ๊อ 300-400 แพ็ก พอมีสินค้าอื่นมา ยอดขายสินค้าหลักเราก็จะขึ้นไปด้วยเราเลยคิดสินค้าใหม่ๆ ตลอดเวลา อย่างมะยงชิดลอยแก้วมันก็ตอบโจทย์ อย่างคนอีสาน คนเหนือ บอกว่า ยอมจ่ายนะกับ 270 กรัม ราคา 120 บาท ถือว่าไม่แพงเพราะหากินแถวนั้นไม่ได้ แล้วยิ่งส่งถึงหน้าบ้านด้วย แต่แอนยังไม่ได้โปรโมตเยอะด้วยความที่หลังบ้านแอนยังไม่แข็งแรง เพราะถ้าคนกระหน่ำสั่งมาแล้วเกิดข้อผิดพลาด สิ่งที่แอนถือเลยคือไม่อยากให้เกิดข้อผิดพลาดไปถึงลูกค้า” คุณแม่ยังสาวบอกยิ้มๆ

นอกจากอาหารทะเลแล้ว ช่วงนี้พระเอกลูกหนึ่ง ยังมีทุเรียนหมอนทองเกรดพรีเมี่ยมมาเสิร์ฟ เด็ด สดจากต้น แกะเนื้อพร้อมทาน จำหน่ายในราคา กิโลกรัมละ 990 บาท ในจำนวนจำกัดอีกด้วย