ผู้เขียน | เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
“ซูชิพันธุ์ไทย” ข้าวปั้นหน้าอาหารไทย รสแซ่บสุดฮิต โดนใจลูกค้าเจนวาย ยันสูงวัย
ซูชิพันธุ์ไทย – “แปลก ใหม่ ใหญ่ ยักษ์” หนึ่งในตำราทำธุรกิจของเจ้าของร้านอาหาร “หมีไรกิน Food & Feel” โดย คุณดรีม-นัทพล สอนวงษ์ วัย 32 ปี ที่สามารถสร้างความต่างให้เมนูอาหารได้อย่างเหลือเชื่อ กลายเป็นร้านต้นตำรับเมนูฮิต “ซูชิพันธุ์ไทย” หรือข้าวปั้นหน้าอาหารไทยที่ขายดิบขายดี เป็นเมนูเด็ดประจำร้านที่ลูกค้ามาแล้วต้องกิน
ย้อนไปเมื่อ 4 ปีก่อน คุณดรีม เจ้าของร้านหนุ่ม เคยยึดอาชีพเป็นพนักงานขาย กระทั่งครอบครัวชักชวนไปทำธุรกิจออนไลน์ แต่ไม่ใช่ทางที่ชอบ จึงเลิกไป หากจะให้หันกลับไปทำงานประจำตามเดิมก็คงไม่ใช่ไลฟ์สไตล์ที่ชอบแล้ว ด้วยเป็นคนชอบกิน บวกกับอยากมีธุรกิจส่วนตัวเหมือนวัยรุ่นคนอื่นๆ จึงผันตัวมาเป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหาร เมื่อต้นปี 2561
“ผมอยากเปิดร้านอาหารมานาน ถ้าเปิดแล้วต้องมีเมนูเด็ดดึงดูดลูกค้า ซูชิ เป็นไอเดียที่เก็บมานานหลายปี แต่ไม่มีโอกาสทำ เพราะติดงานประจำ จนเมื่อปีที่แล้วมีเวลาเลยนำไอเดียไปคุยกับเพื่อนที่ทำอาหารอร่อย เขาสนใจเลยชวนกันมาเปิดร้านอาหารถึงทุกวันนี้”
แม้รู้ว่าการทำธุรกิจในยุคปัจจุบันต้องแข่งขันกับสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซา แต่เจ้าตัวก็พร้อมรับความเสี่ยง โดยบอกว่า แน่นอนว่าทำธุรกิจทุกอย่างมีความเสี่ยง ขึ้นอยู่ที่การวางแผนว่าจะทำอย่างไรให้มีความเสี่ยงน้อยที่สุด
“การลดความเสี่ยงของผมคือ เลือกที่ตั้งร้านอยู่ในซอยลึก เสียค่าที่ถูก ผมไม่ได้มีเงินทุนหมุนเวียนเยอะ ถ้าไปเปิดข้างถนน เปิดในห้างจะมีต้นทุนที่สูงมาก ไม่รู้ว่าจะแบกรับภาระไหวหรือเปล่า เลยต้องวางแผนดีๆ”
อ่านข่าว “ชาไช่มุก” แก้วละ 10 บาท คลายร้อนทำเงิน ขายดีวันละ 400แก้ว
อ่านข่าว ข้าวหลามทุเรียน คนไทย-ต่างชาติ แห่ชิม
อ่านข่าว เปิดสูตร “ไก่ย่างจีระพันธ์” ไก่ย่างมุสลิมดังจากงานวัด
ปัจจุบันร้าน หมีไรกิน ตั้งอยู่ที่ซอยรามคำแหง 110 มีซูชิพันธุ์ไทยเป็นเมนูเด็ด มีคุณดรีมเป็นผู้ออกไอเดีย และปรุงรสชาติโดยเพื่อนที่เป็นหุ้นส่วน ในทุกๆ ขั้นตอน ผ่านการคิด การทำ และทดลองกินจนได้รสชาติที่ดีที่สุด
“ซูชิพันธุ์ไทยมี 8 หน้า ให้เลือกชิม คือ เสือร้องไห้ คอหมูย่าง สามชั้นทอด ตับทอดกระเทียม หมูมะนาว ตับหวาน ปลาทูทอด ชะอมชุบไข่ ที่ขายดีคือ คอหมูย่างและสามชั้นทอด คำละ 15-18 บาท”
นอกจากเมนูซูชิแล้ว ร้านหมีไรกิน ยังมีเมนูเด็ดน่าสนใจอีกหลายอย่าง ที่ขายดีตีคู่มากับซูชิเลยคือ ข้าวถาดคนหลายใจ สามารถเลือกได้ 3 หน้าใน 1 ถาด มีเมนูอาหารอื่นๆ เช่น เล้ง เมี่ยงปลา ส้มตำ ยำ ฯลฯ รายได้ตกเดือนละ 300,000-400,000 บาท
เห็นรายได้ทะลุเป้าขนาดนี้ ถามย้อนถึงกระแสช่วงแรกที่เปิดร้าน คุณดรีม บอกว่า เปิดร้านตอนแรกวางแผนไว้ว่าจะยังไม่ทำการตลาด เพราะอยากรู้กระแสตอบรับจากลูกค้า อยากทดลองเก็บไว้เป็นกรณีศึกษา
“2 เดือนแรกไม่ทำการตลาดมันไม่เวิร์กจริงๆ เห็นแล้วว่าร้านอาหารเปิดใหม่ควรทำการตลาดไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง บัญชีติดลบ ลูกค้าบางวันมีโต๊ะสองโต๊ะ อยู่ไม่ได้ ผมไม่มีเงินทุนหมุนเวียนมากมาย เลยเริ่มใช้เฟซบุ๊กช่วยโปรโมตร้าน”
ก่อนเล่าต่อว่า โปรโมตร้านได้ไม่ถึงเดือน เกิดการเปลี่ยนแปลง มีบล็อกเกอร์และรายการโทรทัศน์ชื่อดังเข้ามารีวิว กลายเป็นกระแสต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้
ส่วนหนึ่งที่เป็นกระแสคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเพราะความแปลกใหม่ของเมนู นับเป็นสิ่งแรกที่คุณดรีมตั้งใจไว้ ถ้าหากเปิดร้านต้องมีเมนูแปลกใหม่ดึงดูดลูกค้า จับต้องได้ ซูชิเป็นอาหารสัญชาติญี่ปุ่น ที่คนไทยชอบกิน แค่ลองเอามาเปลี่ยนดู ปั้นข้าวแล้วเอาหมูวางได้เป็นเมนูใหม่
“มีเจ้าอื่นทำต่อยอดจากของเราเหมือนกัน ไม่ได้กังวลอะไร คิดแค่ว่า สินค้าคงน่าสนใจจริงๆ เลยมีคนนำไปทำตาม ในอนาคตอาจจะมีอีกเราต้องเตรียมใจ เป็นธรรมชาติของธุรกิจ แต่ผมเชื่อว่าสิ่งที่เลียนแบบไม่ได้ก็คือคุณภาพและรสชาติ มั่นใจในระดับหนึ่งว่ารสชาติของเราอร่อย เพราะมีลูกค้ากลับมากินประจำ”
ในทุกๆ วันจะมีลูกค้าประจำและลูกค้าหน้าใหม่เข้ามาอุดหนุนอย่างละครึ่งๆ เจ้าของร้านหนุ่ม บอกว่า ในกลุ่มลูกค้าที่เข้ามา จริงๆ ตั้งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นเจนวาย อายุ 20 ปีเป็นต้นไป แต่หลังออกสื่อกลุ่มที่เข้ามาอุดหนุนกลายเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ รวมตัวกันมานั่งกินที่ร้านซะส่วนใหญ่
ถามถึงอนาคตต่อจากนี้ คุณดรีม ระบุว่า วางแผนไว้ 2 อย่างระหว่างเปิดแฟรนไชส์ กับขยายสาขาเอง ถ้าขายแฟรนไชส์เท่ากับว่าต้องไปทำงานกับคนอื่น ต้องมีร้านต้นแบบที่แข็งแรงพอสมควร ระบบต้องดี เปิดแล้วต้องขายได้ ถ้าจะทำต้องทำร้านต้นแบบให้แข็งแรงก่อนอย่างน้อยสัก 2 ปี มีอีกสัก 2-3 สาขาให้ได้เรียนรู้ธุรกิจก่อน
สามารถแวะไปชิมซูชิพันธุ์ไทย ได้ที่ร้าน หมีไรกิน Food & Feel พิกัด ซอยรามคำแหง 110 หมู่บ้านสัมมากร (ตรงข้ามซอยสัมมากร 31) แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ เปิดเวลา 11.30-22.00 น. (หยุดวันจันทร์)