ที่มา | เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
‘ซีเจ เมเจอร์’ ทุ่ม 100 ล้าน ส่งภาพยนตร์ 3 เรื่องฉายปีนี้ หวังกวาดรายได้ 300 ล้าน!
นางสาว โยชู ชเว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเจ เมเจอร์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ กล่าวว่า บริษัท ซีเจ เมเจอร์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2559 ภายใต้ความร่วมมือของ เมเจอร์ กรุ๊ป ผู้ให้บริการโรงภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย และบริษัท ซีเจ อีแอนดีเอ็ม จำกัด คอนเทนต์รายใหญ่ที่ในเกาหลีใต้ โดยมีซีเจ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เป็นบริษัทลูกด้านการผลิตภาพยนตร์ก่อตั้งขึ้นในปี 2535 ถือครองลิขสิทธิ์ภาพยนตร์มากกว่า 500 เรื่อง
นางสาว โยชู กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูง มีผู้กำกับ และนักเขียนบทฝีมือดีอยู่มาก ในปีที่ผ่านมาประเทศในแถบอาเซียนสามารถรายได้จากการฉายภาพยนตร์ได้มากกว่า 38 ล้านบาท ขณะที่เกาหลีใต้มีรายได้บ็อกออฟฟิศมูลค่ามากกว่า 49 ล้านบาท เป็นตัวบ่งชี้ว่าอุตสาหกรรมไทยมีโอกาสเติบโตต่อไปได้อีก หากได้รับการผลักดัน
ขณะที่ปี 2561 มีภาพยนตร์เข้าฉายเพียง 42 เรื่อง ลดลงจากปี 2555 ที่เข้าฉายมากถึง 64 เรื่อง และมีเพียงไม่ถึง 3 เรื่องที่ทำรายได้แตะ 100 ล้านบาท ต่างกับภาพยนตร์ฮอลลีวูดที่สามารถทำรายได้มากถึง 3 เท่า โดยพบว่า 80 % ของผู้ชมชาวไทยยังคงบริโภคหนังฮอลลีวูด ส่งผลให้อัตราการประสบความสำเร็จของสตูดิโอภาพยนตร์ไทยมีไม่ถึง 10% ทำให้สตูดิโอหนังไทยมีความเสี่ยงแบกรับภาระสูง ต้องจำกัดเรื่องที่จะนำมาฉาย จึงเป็นการลดโอกาสสำหรับนักเขียนบท และผู้กำกับหน้าใหม่ และส่งผลลบต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์โดยรวม
“ผู้บริโภคชาวไทยกำลังมองหาคอนเท้นต์แปลกใหม่ แนวทางของบริษัทคือ สร้างคอนเทนต์ที่มีความสดใหม่ ทำเนื้อเรื่องให้หลากหลายเป็นสากล ใส่ความเป็นท้องถิ่นของประเทศนั้นๆ เข้าไป ร่วมมือกับพันมิตรประเทศต่างๆ ซึ่งเราสามารถนำลิขสิทธิ์หนังที่ถือครองอยู่มากกว่า 500 เรื่องมาทำตลาดในต่างประเทศได้ หากทำได้ดีอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยจะกลับมาแข็งแกร่งขึ้น หวังว่า ซีเจ เมเจอร์จะเป็นตัวกระตุ้นให้สิ่งนี้เกิดขึ้น”
ทั้งนี้ ในปี 2562 ซีเจ เมเจอร์ ทุ่มงบกว่า 100 ล้าน สร้างภาพยนตร์ 3 เรื่อง 3 อารมณ์ คือ Love Battle รัก 2 ปียินดีคืนเงิน , That March และ Classic Agian ได้ผู้กำกับดัง และนักแสดงมากฝีมือร่วมแสดง คาดว่าจะกวาดรายได้มากกว่า 300 ล้านบาท หลังเคยส่งภาพยนตร์เรื่อง Suddenly Twenty 20 ใหม่ ยูเทิร์นวัย หัวใจรีเทิร์น เข้าฉายไปเมื่อปี 2559
“ในปีนี้มี 3 เรื่อง หลังจากนี้ต่อๆ ไป จะพยายามเพิ่มโปรดักซ์ชั่นให้สามารถผลิตภาพยนตร์เป็น 1-3 เรื่องต่อปี ส่วนรายได้ 300 ล้านแม้เป็นไปได้ยาก แต่ยังคาดหวัง”