ทีเอ็มบี ช่วยเอสเอ็มอีภาคบริการ จัดหลักสูตรเข้มข้น “LEAN Quick Win” หนุนเติบโตอย่างแตกต่าง

ทีเอ็มบี ช่วยเอสเอ็มอีภาคบริการ จัดหลักสูตรเข้มข้น “LEAN Quick Win” หนุนเติบโตอย่างแตกต่าง

ในยุคดิจิตอลที่ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ส่งผลให้ผู้บริโภคมีพฤติกรรมหลากหลายและแตกต่างกันมากขึ้น กลายเป็นความท้าทายที่ภาคธุรกิจต่างตระหนักถึงเป็นอย่างดี ทีเอ็มบี จึงได้เปิดหลักสูตร “LEAN Quick Win” ขึ้นมา เป็นหลักสูตรเข้มข้นที่สอนเทคนิคการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และการเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรให้กับเอสเอ็มอีไทยโดยเฉพาะ

ดร.รุจิกร ภาวสุทธิไพศิฐ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร บริหารการตลาดลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบี บอกเล่าถึงหลักสูตร LEAN Quick Win ว่าเป็นหนึ่งในหลักสูตรของโครงการ LEAN Supply Chain by TMB ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถลดต้นทุน เพิ่มกำไร ค้นพบไอเดียใหม่ พร้อมสร้างความต่างให้ธุรกิจ โดย LEAN Quick Win เป็นความร่วมมือระหว่าง ทีเอ็มบี และ เคเอ็กซ์ มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ที่มีแนวทางร่วมกันคือต้องการต่อยอดโอกาสธุรกิจให้กับเอสเอ็มอี จึงได้จัดหลักสูตรเวิร์กช็อปแบบเข้มข้น และเปิดโอกาสให้เอสเอ็มอีเข้าร่วมการอบรมได้ในวงกว้าง

“เอสเอ็มอีจะได้รับความรู้ในแบบผสมผสานกัน ระหว่างแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพด้วยเทคนิค Lean กับแนวทาง Design Thinking ที่ช่วยจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ และครอบคลุมความรู้ที่สำคัญสำหรับเอสเอ็มอีที่ต้องการเติบโตอย่างแตกต่างในยุคดิจิตอลนี้ และที่มากไปกว่านั้นคือเอสเอ็มอีจะได้รับคำปรึกษาอย่างใกล้ชิดจากผู้เชี่ยวชาญทั้งจากทางเคเอ็กซ์ มจธ. และทีเอ็มบี ด้วย” ดร.รุจิกร กล่าว

ทั้งนี้ หลักสูตร LEAN Quick Win ได้จัดอบรมแล้วถึง 3 รุ่น โดยรุ่นที่ 3 จัดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ที่ผ่านมา เป็นการจัดอบรมพิเศษเฉพาะเอสเอ็มอีที่อยู่ในภาคบริการ ประกอบด้วย สถาบันการศึกษาขนาดเล็ก หรือโรงเรียนสอนพิเศษทุกแขนงวิชา, บูทีค โฮเทล, เซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ และสถาบันเสริมความงาม ร้านเสริมสวย หรือสปา

ดร.เต็มยศ ปาลเดชพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ โรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า พระราม 5 ทายาทที่เข้ามารับช่วงต่อในการบริหารธุรกิจโรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า และ โรงเรียนนานาชาติเด่นหน้า บริทิช สคูล กล่าวว่า จากการเข้าร่วมอบรมในหลักสูตร LEAN Quick Win ในครั้งนี้ ทำให้มีความเข้าใจในปรัชญาหลักของ Design Thinking มากขึ้น

“ผมคิดว่าสามารถนำรูปแบบนี้ไปใช้ในการพัฒนา ปรับปรุง กับทางทีมผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ และครู ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเกิดนวัตกรรมออกมาได้ เช่น การจัดหลักสูตรพิเศษ หรือวิธีการสอนแบบใหม่ที่จะเป็นการตอบโจทย์ความต้องการใหม่ๆ ได้มากขึ้น เนื่องจากปัจจุบัน ธุรกิจโรงเรียนต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งจากภายในและภายนอก ซึ่งภายนอกมาจากจำนวนประชากรเกิดน้อยลง ปัจจัยทางเศรษฐกิจและการแข่งขันที่สูงขึ้น ขณะเดียวกันความคาดหวังของผู้ปกครองก็มีมากขึ้น จึงเป็นความท้าทายที่ว่าเราจะปรับปรุงกระบวนการทำงานจากภายในอย่างไรที่จะสามารถตอบโจทย์ความท้าทายจากภายนอกให้ได้มากขึ้น” ดร.เต็มยศ กล่าว

เช่นเดียวกับทายาทธุรกิจเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ที่ตั้งใจจะนำความรู้และความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นไปใช้กับธุรกิจของครอบครัว โดย นางสาวสุมิตา จันทโร เล่าว่า ตนเป็นทายาทรุ่นที่ 3 ซึ่งกำลังจะเข้าไปรับช่วงบริหารธุรกิจของครอบครัวจึงต้องการเข้ามาเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์การทำงานจากรุ่นพี่ที่อยู่ในธุรกิจเดียวกัน หรือที่มีแนวความคิดเดียวกัน

นางสาวสุมิตา กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันธุรกิจเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ มีการแข่งขันค่อนข้างสูงโดยเฉพาะในทำเลใกล้กับมหาวิทยาลัย ซึ่งธุรกิจของทางบ้านมีอพาร์ตเมนต์ให้เช่า 5 อาคาร ทั้งในย่านสุขุมวิท รามคำแหง และลาดพร้าว ทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคาค่อนข้างสูง แต่สำหรับตนเองไม่คิดจะแข่งขันด้านราคา เพราะอัตราค่าเช่าไม่ได้สูงอยู่แล้ว และไม่ได้เป็นประโยชน์ที่ยั่งยืน จึงมองว่าเรื่องบริการและการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับลูกค้ามีความสำคัญมากกว่า ประกอบกับปัจจุบันอยู่ในยุคดิจิตอล จึงน่าจะมีนวัตกรรมเข้ามาเป็นเครื่องมือช่วยสร้างบริการให้ธุรกิจมีความน่าสนใจมากขึ้น

“ที่ผ่านมาพอมีความคิดเกิดขึ้นหลายอย่าง แต่ทุกอย่างดูไม่มีทิศทาง เพราะยังไม่สามารถจัดระเบียบความคิด หรือการจำกัด waste มาก่อน แต่พอมาเข้าร่วมอบรมแล้วทำให้ได้รู้ว่าอะไรสามารถตัดออกไปได้บ้าง เพื่อทำให้ธุรกิจเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น และลูกค้าไม่ต้องเสียเวลานาน ส่วนไอเดียบางอย่างที่เราคิดว่าแปลกเกินไป แต่จริงๆ แล้ว ไอเดียนั้นสามารถทำให้เกิดขึ้นมาได้จริง เหมือนเราได้มาปลดปล่อยจินตนาการของตัวเอง และมีคนมาคอยสนับสนุนความคิดนั้นของเราให้สามารถทำให้เกิดขึ้นจริงได้” นางสาวสุมิตา กล่าว