แซนด์วิชร้อยปี อร่อยไม่มีสร่างซา

        คนไทยมาแอลเอ ทำไมชอบพากันไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ไทยทาวน์กันจัง อันนี้ฉันแค่สงสัย คือก๋วยเตี๋ยวเขาอร่อยนะ สำหรับคนมาอยู่นานๆ อย่างฉัน เวลาไปกินแล้วเราหายคิดถึงอาหารไทย แต่สงสัยที่ทำไมคนไทยที่มาเที่ยวชั่วครู่ชั่วยาม แห่แหนไปกินกันจัง

       มันคงเป็นความคุ้นเคยใช่ไหม จึงอยากกินอะไรที่คุ้นเคยมากกว่าจะแสวงหาสิ่งแปลกใหม่ให้คุ้มกับที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาค่อนโลก

        เอาเถิด ไม่ว่ากัน แต่ฉันว่ามาบ้านเมืองอื่น ทำอะไร “อื่นๆ” กิน “อื่นๆ” มันจะคุ้มค่าตั๋วเครื่องบินมากกว่า

        

        เช่นว่ามาแอลเอก็ควรจะไปดู Philippe’s ไปดูให้รู้ว่าทำไมร้านนี้ขายแซนด์วิช แบบขายดิบขายดีมา 106 ปีแล้ว อะไรแบบนี้มันไม่น่าตื่นตาตื่นใจกว่าหรือ? ถามจริงร้านอะไรอยู่มานานขนาดนั้น แล้วยังขายดิบขายดีไม่มีวันตก ฉันอยากรู้เรื่องพวกนี้มากกว่า

       ร้านนี้เขาขายแซนด์วิชเป็นหลักแหละ คนเข้าคิวรอกันวันยันค่ำ ร่ำลือกันอึงคะนึงไปทั่วอเมริกาและทั่วโลกว่าอร่อยหนักหนาฉันยืนยันว่าอร่อยจริง อร่อยจัง

        ต้นตอคนแรกเขาเป็นชาวฝรั่งเศส ชื่อลุง Philippe เมื่อเขาเป็นฝรั่งเศสก็จงออกเสียงชื่อเขาว่า fil-LEEP ไม่ใช่ฟิลิปส์ธรรมดาลุง Philippe เปิดร้านเมื่อปี พ.ศ. 2451 ขายดิบขายดีด้วยแซนด์วิชที่ลุงเป็นต้นตำรับ จน 10 ปีให้หลังเมื่อรุ่งเรืองและลุงเหนื่อยเต็มที ก็มีคนมาซื้อกิจการไปทำต่อแต่ยังใช้ชื่อลุงเหมือนเดิม ลุง Philippe ขายกิจการเมื่อเกือบร้อยกว่าปีในราคา 5,000 เหรียญ ทุกวันนี้ขายแซนด์วิชหน้าร้านวันเดียวก็ได้มากกว่า 5,000 เหรียญแล้ว

       ร้านปัจจุบันนี้อยู่ใกล้ไชนาทาวน์ ไม่ใช่ร้านดั้งเดิม แต่ย้ายมาเมื่อปี พ.ศ. 2494 ก็ปาเข้าไป 63 ปีแล้ว บรรยากาศขลังยังกะศาลเจ้า ยิ่งมาอยู่ในย่านเมืองเก่าของลอสแองเจลิส ด้วยนะ…ฮูยย

        

        ความเด็ดของเขาคือก่อนจะเอาขนมปังมาทำแซนด์วิช เขาเอามันไปจุ่มส่วนผสมที่เป็นความลับคับอกฉันมากว่ามันมาจากอะไรถึงได้อร่อยหนักหนา เขาเรียกขั้นตอนนี้ว่า French Dip ก็คือเอาไปจุ่มอะไรสักอย่างแหละ จากนั้นจึงเอาไปอบ ขนมปังของเขาจึงไม่ใช่ขนมปังธรรมดา หากแต่ว่ามันอร่อยขั้นเทพลองดูแถวของคนที่รอซื้อเอาเถิด มันยาวแบบนี้มานับร้อยปีแล้ว

        เวลากิน ลูกค้าก็จะพากันฉงนในนาทีแรกที่กัดกิน พยายามจะหาว่าเขาใช้ส่วนผสมอะไร มันจึงได้หอมหวานเช่นนั้น แต่เมื่อกินหลายคำเข้าก็ยุ่งกับความอร่อยจนสมัครใจจะเลิกอยากรู้ ฉันก็ว่างั้นนะ ซื้อเขากินเอาง่ายกว่า เขาทำมาเป็นร้อยปีแล้ว อย่าไปยุ่งกับเขาเลย

        เขาขายดิบขายดีขนาดเข้าคิวกันทั้งวัน หรือจะนับเอาว่าเขาขายแซนด์วิชไส้หมูเฉพาะส่วนที่เป็นคากิ ได้เบาะๆ แค่ 150 กิโล ต่อสัปดาห์ มัสตาร์ดสัปดาห์ละ 100 แกลลอน

        เวลาสั่งแซนด์วิชให้สั่งแต่คำว่า แกะ หมู แฮม ไม่ต้องใส่คำว่าแซนด์วิชลงไป เพราะจะเชยในบัดดล อีกอย่างที่ขึ้นชื่อคือสิ่งที่ฉันเรียกว่าสตูเนื้อสูตรรวมการเฉพาะกิจ ที่มีเนื้อและผักรวมกันเป็นความอร่อยเฉพาะกิจ ที่นี่ที่เดียว

        ร้านเขาจะมีเคาน์เตอร์ 10 ช่อง มีเจ้าหน้าที่คอยทำแซนด์วิช 10 คน ที่เรียกเพราะพริ้งว่า Carvers บางคนทำมากว่า 20 ปี ป้าคนหนึ่งมีสามีอยู่เมืองไทย คุยฟุ้งว่าสามีเพิ่งกลับมาจากเมืองไทยก่อนหน้า Riot ไม่กี่วัน จากนั้นเพื่อนพ้องก็รุมถามไถ่กันว่ามี Riot เหรอ ลูกค้าคนไทยได้แต่มองหน้ากันเหรอหราอยากให้คนไทยมาได้ยินว่าที่เมืองนอกเขาพูดถึงบ้านเราว่าอย่างไร มิไยที่เราจะพยายามปลอบใจด้วยกันเองว่านี่คือปรากฏการณ์ปกติเช่นไรก็ตาม

        แซนด์วิชราคาไล่ตั้งแต่ 6 เหรียญเป็นต้นไป มีให้เลือกมากมายหลายอย่าง เลือกเอาว่าจะเอาไส้หมู แกะ เนื้อวัว ไก่งวง จะเลือกชีสแบบไหน อย่างไรได้หมด เพราะขนมปังทุกชิ้นเขาจะ French Dip แล้วอบจนหอมหวานมันจุใจ เวลากินเขาก็มีเจ้า French Dip น้ำจิ้มเทพนั่นมาให้เราได้จิ้มเอาเอง อร่อยมาก

        นอกจากแซนด์วิชแล้วเขาก็มีขนมหวาน มีสลัด มีไข่ต้มแล้วดองในน้ำบีทรูทกับใส่สมุนไพรนั่นนี่ หน้าตาจะออกมาเป็นสีม่วง บางคนกรี๊ดกร๊าดไม่กล้า ฉันปล่อยให้เขากรี๊ดกร๊าดไป ฉันกิน อร่อยมาก เขามีผักดองหลากหลายและพริกดองด้วย กินเข้ากันมากจะบอกให้

        

        ร้านนี้รับเงินสดอย่างเดียว สำหรับอเมริกาที่เป็นประเทศที่ใช้บัตรเครดิตมากกว่าที่ไหนในโลกแล้ว การประกาศไม่รับบัตรเครดิต เท่ากับประกาศว่า ฉันไม่แคร์ เท่าที่เจอมา ฉันเห็นไม่กี่ร้าน เหมือนจะมีร้านอาหารญี่ปุ่นใกล้ไทม์สแควร์ที่นิวยอร์กอีกร้านหนึ่ง คือเขาบอกเขาขายดีจนไม่มีเวลาไปเอาเงินมาจากแบงก์ เพราะฉะนั้น รับเงินสดเท่านั้น ข้องใจเปล่า

        ด้วยความที่ขายดิบขายดีขนาดนี้ เราจะต้องนั่งร่วมโต๊ะกับชาวบ้านเสียส่วนใหญ่ เพราะหาโต๊ะว่างลำบากมาก  บรรยากาศร้านเขาก็บ้านๆ รกๆ ไม่ไฉไลมลังเมลืองเหมือนร้านโด่งดัง คือบรรยากาศแบบฉันไม่แคร์อีกนั่นแหละ ฉันอร่อยเสียอย่าง ฝรั่งเขาเรียกบรรยากาศรกๆ บ้านๆ แบบนี้ว่า Sawdust on the floor and cracks in the wall

        ร้านนี้น่ารักอีกอย่างคือขายกาแฟถูกมาก เขาเพิ่งขึ้นราคาเป็นแก้วละ 45 เซนต์ (ตบอกผาง) เมื่อ 2 ปีก่อน ก่อนหน้านั้นเขาขายแก้วละ 9 เซนต์ (ตบอกผางอีกที) มาเกือบ 10 ปี

       

        เรียกว่าแจกฟรีเสียจะดีกว่านะฉันว่า ตอนเขาประกาศขึ้นราคากาแฟนี่เป็นพาดหัวใหญ่หนังสือพิมพ์ยักษ์เลยนะ บอกให้

        สูตร French Dip ยังเป็นความลับจนบัดนี้ แต่ที่มาของมันไม่เป็นความลับ หากแต่แปลงร่างเป็นตำนานไปเรียบร้อยแล้ว

        มันเริ่มง่ายๆ เมื่อลุง Philippe จะทำแซนด์วิชธรรมดา แต่ดันทำขนมปังหล่นลงไปในน้ำเชื่อมที่เตรียมไว้สำหรับทำขนมหวาน จะหาขนมปังใหม่ก็ไม่ทัน เลยต้องเลยตามเลยเอาเจ้าขนมปังนั้นทำแซนด์วิชให้ลูกค้าไป แล้วนับแต่บัดนั้นจนบัดนี้ ร้านก็ขายระเบิดเถิดเทิงไม่เคยได้พักได้ผ่อนกันจนบัดนี้

        ฉันอยากทำอะไรเผลอๆ แล้วระเบิดเถิดเทิงอย่างนี้บ้างจัง