ตลาดมาเลเซีย เดินไปบ่นไป

          พักนี้มีเรื่องให้ต้องไปมาเลเซียหลายเรื่อง เรื่องแรกคือ ไปเจอคู่หนุ่มสาวมาเลย์คู่หนึ่ง ที่เพิ่งถูกตัดสินให้มีความผิดฐานดูหมิ่นศาสนาอิสลาม

         ที่จริงสองหนุ่มสาวเชื้อสายจีนนี่เป็นข่าวมาก่อนหน้า หลังจากเคยถ่ายคลิปวิดีโอสวีทกันหวานแหววกันโพสต์ขึ้นบล็อกตัวเอง

         ซึ่งฉันดูก็ไม่เห็นเป็นไร หนุ่มสาวรักกันก็อยากแสดงออก เพราะยุคนี้มันเป็นยุค ìมีอะไรก็อยากให้โลกรู้î รักกันมันแน่นอก ต้องกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันให้โลกเห็น ฉันดูแล้วก็สวยดี ถึงจะรู้สึกว่าแหมอะไรกันต้องอวดกันขนาดนี้ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าเป็นอาชญากรรมอะไร คนทำอะไรแย่ๆ กว่านี้ยังมีอีกเยอะ

     

          แต่เพราะมาเลเซียเป็นสังคมเคร่งศาสนา โดยเฉพาะศาสนาอิสลาม ก็เลยถูกด่าขรม เจ้าหนุ่มซึ่งเป็นนักศึกษาเรียนดีขนาดได้รับทุนรัฐบาล ก็ถูกถอดจากทุน ส่วนสาวที่เป็นระดับปัญญาชนของประเทศ ก็เหมือนจะเจอมรสุมเข้าไม่น้อย

          แต่ 2 คนไม่ยอมแพ้ เมื่อบล็อกของตัวเองถูกสั่งปิด ก็พากันย้ายไปออกอากาศในยูทูบ ทีนี้แรงขึ้นอีก พูดจาเรื่องเซ็กซ์ เรื่องความสัมพันธ์หญิงชายแบบตรงไปตรงมา แสดงท่าให้ดูก็มี  ซึ่งฉันก็ว่าเขามีสิทธิ์

          คนเรียนมากจะมีอาการประมาณนี้ คือแสดงออกถึงอาการขัดขืนในสิ่งที่เขาเห็นว่าไม่เป็นธรรม ไปก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวเขามาก เขาก็ต่อต้าน เป็นเรื่องปกติ

          ฉันดูคลิปของ 2 คนนี่ยังขำ เพราะ 2 คนด้วยความที่เป็นพวกเรียนเยอะ ทำอะไรก็จริงจัง หน้าตาซีเรียส ขนาดพูดเรื่องเซ็กซ์และลงทุนถอดเสื้อผ้าเกือบเปลือย เพื่อแสดงถึงความอิสระ แต่หน้าตาเหมือนกำลังเล็กเชอร์ในห้องเรียน ภาษาฉันคือ “ตั้งใจเกินไป”

     

          อย่างไรก็ตาม 2 คนนี่ก็ถูกด่าถูกสรรเสริญตามปกติธรรมดา

          แต่ที่มันไม่ปกติล่าสุดคือหนุ่มสาว ซึ่งดูท่าจะเป็นคนมีความรู้และสมควรมีรสนิยมด้วย ดันโพสต์ภาพตัวเอง 2 คนกำลังกิน ìไป่กุ๊ดเต๋î ซุปหมูที่คนจีนชอบกินกัน

          แต่ดันเขียนด้วยว่าสุขสันต์วันออกบวช (ช่วงที่มุสลิมทั้งโลกกำลังออกบวช) แล้วดันใส่โลโก้ฮาลาลลงไปด้วย เลยเจอข้อหาหมิ่นศาสนา คนเข้ามารุมด่าขู่ฆ่ามากมาย ในที่สุดก็ต้องออกคลิปมาขอโทษ ด้วยหน้าตาเศร้าสร้อยแต่ขอโทษไม่พอ ที่สุดถูกตัดสินปรับและอาจถูกจำคุกด้วย

          ฉันว่า 2 คนนี่เล่นเลอะเทอะเกินไป และควรจะมีรสนิยมมากกว่านี้ สมกับที่พยายามวางตัวเป็นคนมีความรู้มีการศึกษาสูงมาตลอดเวลา

           คือจนถึงนาทีนี้ฉันก็ยังสนับสนุนเรื่องการแสดงออกของ 2 คน แต่บางเรื่องที่เรารู้มันจะกระทบกระเทือนใจผู้คน อย่างเรื่องศาสนาก็ควรละเว้น

          อีกเรื่องที่ทำให้ต้องไปมาเลเซียก็คือ มีสาวคนหนึ่งชื่อเอนี่ เธอทำงานเป็นนักบัญชีมากว่า 10 ปี แล้ววันหนึ่งก็คงเบื่อหนัก (มันน่าเบื่ออยู่ไม่น้อยนะงานแบบนี้)

          เธอเลยลาออก แล้วเอาเงินเก็บทั้งหมดมาวาง ออกเดินทางรอบโลก เธอจะเดินทางทางบกเท่านั้น ไม่ขึ้นเครื่องบินหากไม่จำเป็นจริงๆ โดยเริ่มออกจากมาเลเซียแล้วเข้ามาทางไทย จากนั้นจะต่อไปทางจีน ไล่ขึ้นไปข้างบนจนเข้ายุโรป ก่อนไปอเมริกา และแอฟริกา เธอกะจะใช้เวลาปีครึ่ง

     

          นั่งคุยกับเธอ เธอเป็นสาวปกติธรรมดา ตัวอ้วนกลมไม่ได้กิ๊บเก๋ ไม่ได้มีแนวคิดพิสดารเท่ระเบิดเถิดเทิงอะไร ไม่ใช่สาวบู๊

          เธอบอกว่า เธอเดินทางเพื่อพบปะผู้คน ไม่จำเป็นต้องไปทำอะไรผาดแผลง เธออาจไปเพื่อจะนั่งจิบกาแฟเหม่อมองผู้คน แล้วเรียนรู้

          ฉันบอกเธอว่า มันคือการเดินทางภายใน ไปเพื่อจะรู้จักตัวตน ฉันซูฮกเธอเต็มที่ มันเป็นฝันในชีวิตของฉันด้วย แต่ไม่สามารถ

         เล่าเรื่องเมืองของเขาให้ฟัง แล้วเดินดูตลาด ตลาดบ้านเมืองเขาก็ไม่ต่างจากตลาดในประเทศเอเชียอื่นๆ แต่อย่างที่เคยเล่าตลาดในเมืองมุสลิมอื่นๆ ไปแล้ว เขาจะแยกตลาดของมุสลิมออกจากตลาดคนศาสนาอื่น เพราะมุสลิมจะไม่ให้มีหมูเข้ามาปะปนเด็ดขาด และอาหารของเขาต้องผลิตตามหลักศาสนาอิสลาม เขากินเรื่อยเปื่อยไม่ได้

     

          เพราะฉะนั้น ต้องแยกกัน แต่บางตลาดเขาก็รวมกันแหละ เพียงแต่มีห้องชำแหละเนื้อวัวขายเนื้อวัวสำหรับมุสลิม แยกกันเป็นสัดส่วน ส่วนที่ขายหมูก็ต้องแยกกันอยู่ไกลๆ เลย ประมาณนั้น

          มาเลเซียพักนี้มีเรื่องยุ่งๆ เยอะ เพิ่งเลือกตั้งเสร็จก็ยังทะเลาะกันไม่เลิก แต่นับว่ายังน้อยกว่าเมืองไทยมากแหละ  บ้านเมืองเขาพัฒนาไปมากในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา และทำท่าจะไปอีกไกล

          ถ้าจะไม่ทะเลาะกันด้วยเหตุของศาสนาเหมือนในอีกหลายพหุสังคมในย่านนี้เสียก่อน