เครื่องเพาะหนอน เครื่องแรกของโลก ชูเป็นของดี โปรตีนสูง

กินหนอน กินแมลง นอกจากไม่ใช่ “เรื่องแปลก” ตอนนี้ยังกลายเป็นของกิน ที่แคทธาริน่า อังเกอร์ และจูเลีย เคซิงเจอร์ 2 สาว ชาวออสเตรีย สนใจถึงกับลงทุนผลิต “เครื่องเพาะหนอน” ออกวางจำหน่าย ด้วยเล็งเห็นว่า นี่คืออาหารดีมีประโยชน์มีโปรตีนสูง แล้วยังมีราคาถูกกว่าเนื้อสัตว์อื่นๆ ด้วย

ในรายงานของเอเอฟพี ซึ่งได้สัมภาษณ์ 2 สาว ที่กรุงเวียนนา ออสเตรีย ในงานเปิดตัวเครื่องเพาะหนอนของบริษัท ลิฟวิน ฟาร์ม (Livin Farms) ที่แคทธาริน่า วัย 25 และจูเลีย วัย 28 จัดขึ้นเมื่อกลางเดือนมกราคม เพื่อสาธิตการทำงานของเครื่องเพาะหนอน พร้อมทั้งนำเสนอเมนูอาหารที่มีหนอนเป็นส่วนประกอบ แคทธาริน่าเล่าว่า ตอนนี้เธอและจูเลียกำลังระดมทุนเพื่อนำไปพัฒนาเครื่องเพาะหนอนให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่

แต่ถึงกระนั้น เธอก็ว่า “ด้วยรูปแบบของเครื่องเพาะหนอนที่เห็นอยู่นี้ คุณก็สามารถเพาะหนอนได้สัปดาห์ละ 200-500 กรัม คุณสามารถเอาหนอนไปแช่ไว้ในช่องแช่แข็ง แล้วก็หยิบออกมาทำอาหารต่างๆ ได้เหมือนกับเนื้อสัตว์อื่นๆ คุณจะเอามาต้มก็ได้ มาย่างก็ได้ หรือเอามาทำเป็นไส้เบอร์เกอร์ เอามาผสมลงไปในซอสสำหรับราดพิซซ่าก็ได้”

ทั้งนี้แคทธาริน่ายังอธิบายคร่าวๆ ถึงเครื่องเพาะหนอน ซึ่งมีรูปทรงเหมือนตู้ใส่ของที่มีหลายชั้นว่า เริ่มจากชั้นบนสุดจะเป็นชั้นที่มีตัวอ่อนของหนอนอยู่ ส่วนชั้นถัดลงมาจะเป็นชั้นของการผสมพันธุ์ ต่อจากนั้นไข่ที่เกิดจากการผสมพันธุ์ ก็จะตกลงไปยังชั้นที่อยู่ถัดลงไป แล้วด้วยระบบควบคุมสภาพอากาศเฉพาะที่ก็จะช่วยให้ไข่ฟักเป็นตัวอ่อน และเติบโตเป็น หนอนตัวยาวอวบอ้วนให้เก็บเอาไปปรุงเป็นอาหารต่อไป

“ทีมงานเราได้กินหนอนกันอย่างเอร็ดอร่อยแทบทุกวัน” แคทธาริน่าบอก พร้อมทั้งโชว์อาหารหลากหลายเมนูที่เธอเตรียมมา ซึ่งมีทั้งสลัดโรยหน้าด้วยหนอนย่าง, ควินัว, ลูกชิ้นทำจากหนอน หรือแม้แต่เค้กช็อกโกแลตที่มีหนอนเป็นส่วนประกอบ

เค้กช็อกโกแลตที่มีหนอนเป็นท็อปปิ้ง (ภาพเอเอฟพี)

หนอนบรรจุขวดพร้อมกิน (ภาพเอเอฟพี)

ทั้งนี้ในรายงานของเอเอฟพีเล่าว่า ถึงแม้จะมีคนอีกมากมายที่ไม่เคยกินแมลง แต่การกินแมลงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่เลยสักนิด ที่จริงมนุษย์เรารู้จักกินแมลงกันมาหลายพันปีแล้ว และปัจจุบันหนอนและแมลงต่างๆ ก็เป็นอาหารสามัญธรรมดาที่คนในประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศกินกัน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มประเทศในเอเชีย, แอฟริกา และกลุ่มประเทศลาตินอเมริกา

นอกจากนั้น จากการประเมินขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือเอฟเอโอ (FAO) ก็ระบุว่าในโลกนี้มีแมลงกว่า 1,900 ชนิด ที่สามารถกินได้ และแมลงต่างๆ น่าจะถูกนำไปปรุงเป็นส่วนประกอบในอาหารพื้นบ้านให้ผู้คนอย่างน้อย 2 พันล้านคนในโลกได้กินกัน อีกทั้งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ในทวีปยุโรป และอเมริกาเหนือ ก็มีภัตตาคารแมลงผุดขึ้นแล้ว 2-3 แห่ง

อย่างไรก็ตามสำหรับชาวตะวันตกส่วนใหญ่ก็ยังมองแมลงเป็นสิ่งน่ารังเกียจมากกว่าจะมองเป็นอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งแคทธาริน่าบอกว่า เป็นเรื่องน่าเสียดายเพราะแมลงไม่ใช่แค่มีรสชาติอร่อย แต่ยังอุดมไปด้วยโปรตีนมากกว่าสัตว์หลายชนิด ทั้งยังเป็นแหล่งอาหารสำคัญที่จะเลี้ยงประชากรโลกที่กำลังเพิ่มขึ้นด้วย

“เมื่อเปรียบเทียบกับวัวเลี้ยง คุณต้องการที่ดินเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเลี้ยงหนอน และคุณต้องการอาหารแค่ 1 ใน 4 เพื่อเลี้ยงหนอนให้โต เมื่อเทียบกับปริมาณอาหารมากมายที่ต้องใช้เลี้ยงวัว”

ทั้งนี้จากข้อมูลของเอฟเอโอยังระบุด้วยว่า แมลงซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่มีโปรตีนสูง ไม่ใช่เป็นแหล่งอาหารที่สามารถใช้เลี้ยงมนุษย์เท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งอาหารที่ใช้เลี้ยงปศุสัตว์ด้วย

อเล็กซานดร้า พอลล่า บล็อกเกอร์ ชาวออสเตรีย ซึ่งชอบเขียนเกี่ยวกับอาหารให้ความเห็นถึงอุปสรรคใหญ่ที่ทำให้ชาวยุโรปไม่กล้ากินหนอน กินแมลง ก็คือความรู้สึกขยะแขยง “ดังนั้น สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ การกำจัดความรู้สึกที่ว่าคุณกำลังกินหนอน กินแมลง และเมื่อคุณได้ลองกินดูสักครั้งคุณจะรู้ว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายสักนิด”

สำหรับจูเลีย ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Livin Farms กับแคทธาริน่า บอกว่า “ฉันคิดว่าในอนาคตพวกเราทุกคนจะกินแมลง หรือไม่อย่างน้อยก็เกือบทุกคน” ทั้งยังบอกด้วยว่า ระหว่างนี้มีออร์เดอร์คนจองซื้อเครื่องเพาะหนอน ราคาเครื่องละ 459 ยูโร (ราว 18,000 บาท) มาแล้ว 200 เครื่อง