ผู้เขียน | รัตติกรณ์ |
---|---|
เผยแพร่ |
ทำงานไม่มีบ่น “หุ่นยนต์ครัว” อนาคตใหม่ของธุรกิจอาหารจานด่วน
โรโบอีทซ์ (Roboeatz) เป็นร้านอาหารเล็กๆ ใต้สะพานคอนกรีตเก่าๆ ในกรุงริกา สาธารณรัฐลัตเวีย แต่ คอนสแตนตินส์ คอร์จอมกินส์ และ เจนิส โพรักส์ เจ้าของร้าน มีความฝันที่ยิ่งใหญ่ว่า คิทเช่น โรบอต หรือ “หุ่นยนต์ครัว” ที่พวกเขาช่วยกันออกแบบ และใช้อยู่ที่โรโบอีทซ์ จะมาช่วยสร้างอนาคตใหม่ให้แก่ ธุรกิจอาหารจานด่วน

ทันทีที่มีออร์เดอร์สั่ง “พาสต้า” เข้ามา ด้วยเวลาแค่ 5 นาที แขนกลของหุ่นยนต์ ก็สามารถทำพาสต้าร้อนๆ น่ากินออกมาได้
“รสชาติอาหารดีกว่าที่ฉันคาด” อีวาทา ราทินิกา ครูในกรุงริกา หนึ่งในลูกค้าของโรโบอีทซ์ บอก และว่าเธออยากชวนให้ลูกศิษย์ของเธอ มาดูการทำงานของหุ่นยนต์ครัวที่นี่ ขณะที่เธอเองยังแอบคิดด้วยว่า เป็นไปได้ที่อีก 2-3 ปีข้างหน้าอาจมีหุ่นยนต์ครัวแบบนี้เปิดให้บริการที่โรงอาหารโรงเรียน

ที่ร้านโรโบอีทซ์ นอกจากมีบริการแบบสั่งกลับ สั่งอาหารผ่านแอพโรโบอีทซ์ ยังมีพื้นที่สำหรับนั่งรับประทานอาหาร แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ชอบซื้อแบบสั่งกลับมากกว่า เพราะหากจะนั่งรับประทานในร้าน ต้องมีใบรับรองว่า ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว ซึ่งเป็นมาตรการที่ใช้ในลัตเวีย เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19
คอนสแตนตินส์ และ เจนิส เปิดร้าน โรโบอีทซ์ เมื่อปี 2561 หลังจากทั้งคู่ทำธุรกิจร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดชื่อ Woki Toki เมื่อปี 2552 โดยตั้งเป้าหมาย ต้องการปฏิวัติอุตสาหกรรมอาหารจานด่วน
“หุ่นยนต์นี้สามารถแทนแรงงานคนได้ถึง 4-6 คน สามารถช่วยลดต้นทุนค่าแรงงานได้อย่างมาก” เจนิส ซึ่งมีความรู้พื้นฐานทางวิศวกรรมบอก แต่ยืนยันว่า การนำหุ่นยนต์มาใช้ จะไม่เพิ่มอัตราการว่างงานอย่างแน่นอน เพราะ “คนไม่ได้ต่อแถว อยากได้งานพลิกเบอร์เกอร์ กันซะที่ไหน หุ่นยนต์ไม่ได้เข้ามาแทนที่คนที่อยากจะทำงานในร้านอาหาร อย่างเช่นคนที่อยากเป็นเชฟ หรือคนดังด้านอาหารอื่นๆ แต่หุ่นยนต์จะเข้ามาทำงานที่ค่าแรงต่ำ ที่ไม่มีใครอยากทำ”
จากรายงานของเอพี เล่าว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีด้านครัวอัตโนมัติ ได้รับความสนใจ และยิ่งเพิ่มมากขึ้นจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเช่นที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส ก็มีร้านอาหาร ที่ลูกค้าสามารถนั่งมองหุ่นยนต์อบ และบรรจุพิซซ่าใส่กล่องได้ 80 กล่องต่อชั่วโมง หรือที่สหรัฐอเมริกา ก็มีหุ่นยนต์ชื่อ “แซลลี” ผลงานของ สตาร์ตอัพ Chowbotics สามารถทำสลัดที่ขายผ่านเครื่องขายอาหารอัตโนมัติได้

ขณะที่อังกฤษเมื่อปีที่แล้ว ก็มีการเปิดตัวหุ่นยนต์ครัวเต็มรูปแบบ วางขายในราคา 248,000 ปอนด์ หรือราว 11,457,600 บาท
หุ้นส่วนทั้งสอง เล่าถึงการออกแบบหุ่นยนต์ครัวที่พวกเขาใช้อยู่ตอนนี้ว่า สามารถช่วยทำงานในขั้นตอนเตรียมอาหาร ขณะที่พวกเขากำลังพยายามปรับปรุงพัฒนาเรื่องความปลอดภัยของอาหาร และลดความเสี่ยงเรื่องการติดเชื้อต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในห้องครัวที่มีคนอยู่มาก และว่าต่อไป ครัวหุ่นยนต์สามารถตั้งโปรแกรมให้ทำอาหารได้หลายร้อยสูตร และสามารถตั้งโปรแกรมทำอาหารตามสูตรที่เจ้าของหุ่นยนต์ครัวต้องการ และการแพ้อาหาร
“โรบอตอาร์ม หรือ แขนกลอัตโนมัติ สร้างปัญหาน้อยมาก เราแค่ตั้งโปรแกรมให้โรบอตอาร์มทำในสิ่งที่เราต้องการ” คอนสแตนตินส์ บอก และเล่าว่า “ความท้าทายจริงๆ ก็คือ การออกแบบและประดิษฐ์ครัวทั้งหมดรอบหุ่นยนต์ ซึ่งควรจะประกอบด้วย ส่วนผสมอาหารทั้งหมด เครื่องเทศ และเครื่องปรุงรส รวมทั้งอุปกรณ์หม้อสำหรับต้ม และทอดอาหาร”

หวังให้ได้รับความนิยมเหมือนรถไฟฟ้า
คอนสแตนตินส์ และ เจนิส คิดว่า เงินที่พวกเขาลงทุนกับครัวหุ่นยนต์นี้ น่าจะสามารถคืนทุนในเวลาเกือบ 2 ปี
“โดยเฉลี่ยแล้ว ในสหภาพยุโรป พนักงานในครัว 1 คน ทำให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายราว 16 ยูโรต่อชั่วโมง ราว 740 บาท ซึ่งรวมทั้งเงินเดือน ภาษี ค่าประกัน ค่าฝึกอบรมและทุกๆ อย่าง แต่หุ่นยนต์ไม่จำเป็นต้องมีประกันสุขภาพ ไม่มีลูกที่สามารถเจ็บป่วย ไม่ต้องลาพักร้อน ไม่ต้องลาคลอด ทำงานแบบไม่มีบ่น และไม่สามารถนำโควิดจากบ้านมาติดในที่ทำงาน” เจนิส บอก

หุ้นส่วนทั้งสอง บอกว่า ตอนนี้บริษัทของพวกเขามีแผนจะขยายสำนักงานขายไปยังแคนาดา สหรัฐอเมริกา ขณะที่ทีมงานในกรุงริกา กำลังพัฒนาโปรแกรมหุ่นยนต์ และว่า พวกเขาไม่วิตกเกี่ยวกับการแข่งขันในหุ่นยนต์ที่ทำงานคล้ายๆ กัน อย่าง หุ่นยนต์ทำพิซซ่าในฝรั่งเศส
“เพราะหุ่นยนต์ของเรา ถูกออกแบบให้ทำงานได้หลายอย่าง มากกว่าแค่ทำพิซซ่า เป้าหมายของเราคือสร้างหุ่นยนต์ที่มีประโยชน์สำหรับอาหารหลายประเภท ด้วยความหวังอย่างยิ่งว่า สักวันหุ่นยนต์ในครัวจะได้รับความนิยมเหมือนรถไฟฟ้า”