ไอเดียสุดยอด “คุณพ่อ” แปรความห่วงใยลูกสู่ธุรกิจทำเงิน

ผู้เขียน : มิสมิลเลียนแนร์ 

คำว่า ผู้ประกอบการ หรือ Entrepreneur ได้ยินบ่อยมากในบ้านเรา เพราะภาครัฐพยายามส่งเสริมให้ผู้คนลุกขึ้นมาทำกิจการของตัวเอง ไม่ว่าจะขนาดกลางหรือเล็ก ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศ

หลังๆ หลายคนอาจคุ้นหูกับคำว่า Mompreneur หรือคุณแม่ผู้ประกอบการ ซึ่งก่อตั้งธุรกิจต่างๆ จากประสบการณ์ในการเลี้ยงลูก ขณะที่เหล่า Dadpreneur หรือคุณพ่อผู้ประกอบการ ก็มีจำนวนไม่น้อย ที่ปิ๊งไอเดียธุรกิจจากความพยายามแก้ปัญหา และทำให้การดูแลลูกๆ ง่ายขึ้น

เลยขอพาไปชมไอเดียดีๆ ที่เหล่าคุณพ่อผู้ประกอบการสรรหามาแก้ปัญหาให้ลูกๆ จนพัฒนาสู่ธุรกิจที่ทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ และกลายเป็นซุปเปอร์คุณพ่อของลูกๆ

ฟอร์บส์ หยิบยกเรื่องราวของ “จอห์น ซัมรอย” คุณพ่อลูกสี่ ธุรกิจของเขาเกิดขึ้นหลังพยายามแก้ปัญหาเบาะรองนั่งในรถสำหรับเด็กๆ เวลาพาลูกๆ ออกไปข้างนอก

dadpreneur4

เขารู้สึกว่า เบาะรองนั่งนิรภัยสำหรับเด็กๆ ทั่วไปมีขนาดใหญ่เทอะทะและน้ำหนักมาก แม้แต่เบาะรองแบบหลายที่นั่ง สำหรับครอบครัวที่มีลูกหลายคน ก็ไม่ได้เหมาะกับรถยนต์ทุกรุ่น

ซัมรอยรู้สึกถึงปัญหานี้ตั้งแต่ปี 2545 แต่เขาเพิ่งเอาจริงเอาจังในอีก 10 ปีต่อมา และนี่จึงเป็นที่มาของการสร้างสรรค์ “ไมโฟลด์” (Mifold) เบาะรองนั่งนิรภัยไอเดียแตกต่าง

ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบที่ก้าวล้ำ ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก ที่สำคัญคือ ยังคงน้ำหนักเรื่องความปลอดภัยสำหรับเด็กๆ มาเป็นอันดับแรก

ไมโฟลด์มีขนาดเล็กกว่าที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กๆ ทั่วไป ถึง 10 เท่า สามารถพับเก็บได้ ทำให้สะดวกในการพกพาไปไหนมาไหน หรือจะใส่ไว้ในช่องเก็บของในรถก็ได้

dadpreneur2

นอกจากนี้ ยังใช้วัสดุที่มีความทนทาน และผ่านการทดสอบเรื่องคุณภาพจากองค์กรที่ดูแลด้านนี้ทั้งในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และยุโรป

แนวคิดของซัมรอยสามารถตอบโจทย์ความต้องการของบรรดาคุณพ่อคุณแม่ และสามารถระดมเงินผ่านเว็บไซต์สนับสนุนเรื่องเงินทุนแก่ผู้ประกอบการอย่าง อินดีโกโก (Indiegogo) ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ภายในเวลา 2 ชั่วโมง ซัมรอยได้เงินสนับสนุน 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ขณะนี้ผลิตภัณฑ์ของไมโฟลด์มีจำหน่ายในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก

“เอ็ดเวิร์ด แม็กโคลสคีย์” เป็นคุณพ่ออีกคน ที่คิดสารพัดวิธีเพื่อเอาชนะปัญหาของลูก จนกลายเป็นธุรกิจที่ได้รับการยอมรับ

ก่อนหน้านั้น แม็กโคลสคีย์ปวดหัวกับการหาวิธีรักษาอาการผดผื่นของลูกสาว ซึ่งเกิดจากการใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูป และกลับตกตะลึงเมื่อพบว่า ผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่วางขายทั่วไปบางยี่ห้อใช้สารเคมีหลายชนิดมาก

dadpreneur6

เพราะเขาอยากได้ผ้าอ้อมที่ดีต่อสุขภาพของลูกสาว ก็เลยคิดค้น “วอเตอร์ไวป์ส” (WaterWipes) ผ้าอ้อมสำเร็จรูปยี่ห้อแรกที่ปลอดสารเคมี โดยมีส่วนประกอบของน้ำ 99.90 เปอร์เซ็นต์ และอีก 0.10 เปอร์เซ็นต์ เป็นสารสกัดจากเมล็ดองุ่น ซึ่งให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวตามธรรมชาติ

ผลิตภัณฑ์วอเตอร์ไวป์สชูจุดขายว่า ไม่ระคายเคืองต่อผิวของลูกน้อย รวมทั้งช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาผดผื่น และปัญหาเกี่ยวกับผิวอื่นๆ

ผ้าอ้อมสำเร็จรูปไอเดียใหม่นี้ได้รับความนิยมมากในอังกฤษ และมีขายในห้างใหญ่ๆ ของสหรัฐ เช่น เบบี้ส์ อาร์ อัส (Babies “R” US) และทาร์เก็ต รวมถึงเว็บไซต์อย่างอะเมซอนดอตคอม

ส่วน “มาร์ก โทแลนด์” เป็นห่วงครอบครัวกรณีที่อาจเกิดไฟไหม้ขึ้น แต่เขาไม่ค่อยเชื่อมั่นกับระบบตรวจจับควันและความร้อนที่มีอยู่ ก็เลยตั้งบริษัทที่ดูแลเรื่องนี้ให้กับลูกค้าที่กังวลเหมือนกัน และคิดค้น “ปลั๊กเซฟ” (PlugSafe) เต้าเสียบปลั๊กที่ติดตั้งสัญญาณเตือนหากมีความเสี่ยง

dadpreneur7

ปลั๊กเซฟจะมีตัวตรวจจับความร้อน และใช้ระบบสื่อสารไร้สายในการแจ้งเตือนไปยังเจ้าของบ้านอย่างทันท่วงที ก่อนที่จะเกิดไฟไหม้เนื่องจากเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ

“โรเบิร์ต ลุปตัน” เป็นคุณพ่ออีกคนที่กังวลว่าลูกจะพลัดตกลงไปในสระว่ายน้ำ ในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่คลาดสายตา

เขาเลยก่อตั้งบริษัท “ไลฟ์ เซฟเวอร์ พูล เฟนซ์” (Life Saver Pool Fence) ในปี 2530 ติดตั้งรั้วที่ทำจากวัสดุแข็งแรงและทนทาน ซึ่งตอนนี้ลูกชายที่เขาห่วงกลายมาเป็นผู้ดูแลกิจการ

 

ขณะที่ในญี่ปุ่นมีคอร์สอบรม “สุดยอดคุณพ่อ” ซึ่งนอกจากจะติวการเล่านิทานแบบมืออาชีพแล้ว ยังช่วยกระตุ้นให้บรรดาคุณพ่อหันมาใช้เวลากับครอบครัวมากขึ้น จากเดิมที่เอาแต่ทำงานหาเงิน

dadpreneur8

ซีเอ็นเอ็น มันนี่ หยิบยกเรื่องราวในเมืองชายทะเลที่ชื่อ นามาสุ ซึ่งมีผู้ชายหลายคนมานั่งเรียนทักษะการอ่านนิทาน การคัดเลือกหนังสือที่เหมาะกับลูกๆ และการใช้เสียงประกอบเพื่อสร้างความสมจริงสมจัง ภายใต้โครงการที่รัฐบาลให้การสนับสนุน

โครงการนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ทั่วญี่ปุ่น ซึ่งก่อนหน้านี้ สังคมญี่ปุ่นมอบบทบาทให้ผู้ชายเป็นผู้นำครอบครัว และต้องทำงานหาเงินมาเลี้ยงลูกและภรรยา ขณะที่หน้าที่ในการดูแลลูกจะตกเป็นของแม่บ้าน

เทตสึยะ อันโด ผู้จัดการอบรมในเมืองนามาสุ บอกว่า พ่อบ้านจำนวนมากไม่เคยกลับบ้านเร็ว เพราะมัวแต่ทำงาน ก่อนหน้านี้ เขาก็เคยคิดแบบนั้น แต่ก็เปลี่ยนความคิดแล้ว และอยากแบ่งปันเรื่องราวดีๆ จากการอ่านนิทานให้ลูกฟังให้คุณพ่อคนอื่นๆ ได้รู้

ปัจจุบัน มีความพยายามปรับเปลี่ยนทัศนคติของคนญี่ปุ่น ซึ่งจะต้องเริ่มจากการสร้างสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัว ก่อนจะพัฒนาไปสู่การเป็นสุดยอดคุณพ่อที่ดูแลลูกๆ ได้ไม่แพ้คุณแม่

คุณพ่อเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นความรักที่มีต่อลูกๆ ทุกคนจึงไม่ควรละเลยที่จะดูแลพวกท่าน และน้อมนำคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งเปรียบเหมือนพ่อของประชาชนชาวไทย มาปฏิบัติ และเป็นการแสดงความรักต่อพระองค์ท่านได้ดีที่สุด

 

ที่มาภาพ

www.israel21c.org ,http://i.huffpost.com,

www.kidstylejunkie.com,http://static1.squarespace.com

https://c1.q-assets.com/,http://sooneralarms.com,CNN Money