แท็กซี่ไร้คนขับ มาแล้ว อูเบอร์ นำร่องที่พิตต์สเบิร์ก เป็นเมืองแรก!!!

หลังจากซุ่มทดสอบแล่นอยู่บนถนนในเมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา ที่มีทั้งถนนขึ้นเนินเขาสูง ถนนเก่าๆ แคบๆ สะพานเก่าๆ ที่มีอยู่มากมาย แล้วไหนยังจะถนนที่กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้าง โดยใช้เวลาทดสอบอยู่เกือบ 2 ปี กระทั่งได้ผลทดสอบเป็นที่น่าพอใจแทบจะเหมือนกับรถยนต์ที่มีคนขับในที่สุด “อูเบอร์” บริการรถแท็กซี่ผ่านแอพพลิเคชั่นก็ได้ฤกษ์เปิดให้บริการ “รถแท็กซี่แบบไร้คนขับ” ในเมืองพิตต์สเบิร์กเป็นที่แรกและที่เดียวเท่านั้น ไปเมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา

ในการเปิดตัวรถแท็กซี่ที่ท้าทายความกล้าของคนชอบ “ลองของใหม่” อูเบอร์ได้ใช้รถยนต์ฟอร์ด ฟิวชั่น ไฮบริด (Ford Fusion Hybrid) 4 คัน ที่ติดตั้งอุปกรณ์เลเซอร์ กล้อง และชุดอุปกรณ์เซนเซอร์ ตัวจับสัญญาณต่างๆ ครบครัน ซึ่งในอนาคตอันใกล้อูเบอร์บอกว่า กำลังร่วมมือกับบริษัทรถยนต์วอลโว่ของสวีเดน เพื่อพัฒนารถแท็กซี่แบบไร้คนขับออกมาให้บริการมากขึ้น

ทั้งนี้ จากรายงานข่าวของเอเอฟพี เล่าว่า ด้วยความที่แท็กซี่แบบไร้คนขับยังเป็นบริการที่ใหม่มาก ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย และความสบายใจของผู้โดยสาร ในระยะแรกรถแท็กซี่แต่ละคันจึงจะมี “ช่างเทคนิค” 2 คนนั่งไปกับผู้โดยสารด้วย โดยช่างคนแรกจะนั่งประจำการตรงที่นั่งคนขับเพื่อพร้อมจะจับพวงมาลัยได้ทันท่วงทีหากเกิดอะไรขึ้น ส่วนช่างอีกคนจะคอยนั่งสังเกตการณ์และจดบันทึกข้อมูลการทำงานของรถ แต่สภาพเช่นนี้จะดำเนินไปนานถึงเมื่อไร ผู้บริหารอูเบอร์ยังไม่ได้กำหนดระยะเวลา แต่กล่าวถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ก็คือ เบื้องต้นจะพยายามลดช่างเทคนิคที่นั่งไปในรถให้เหลือเพียงคนเดียวคือ คนที่นั่งประจำตำแหน่งคนขับ ส่วนเป้าหมายสูงสุดก็คือ ไม่มีช่างนั่งอยู่ในรถด้วยเลย

%e0%b8%ad%e0%b8%b9%e0%b9%80%e0%b8%9a%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%8c1

ทั้งนี้ หากจะว่ากันตามจริง อูเบอร์ก็ยังไม่ใช่เจ้าแรกที่เปิดให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับ ที่ต้องยกให้นูโทโนมี (nuTonomy) สตาร์ตอัพของสิงคโปร์ที่เปิดตัวให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับ 6 คันในสิงคโปร์ ไปเมื่อปลายเดือนสิงหาคม แต่หากเปรียบเทียบกันในเรื่องศักยภาพ และความยากของสภาพถนนกันแล้วนับว่า อูเบอร์ก็เหนือกว่า เนื่องจากสิงคโปร์มีพื้นที่ที่เล็กกว่า อีกทั้งสภาพถนนก็มีความราบเรียบ เป็นระเบียบมากกว่าสภาพถนนในเมืองพิตต์สเบิร์กที่มีสภาพดังที่เกริ่นไว้ข้างต้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้อูเบอร์ยืนอยู่แถวหน้าในบริการนี้ ไม่ใช่ความโดดเด่นในเรื่องวิศวกรรมยานยนต์ แต่เป็นความสามารถในการรวบรวมข้อมูลจำนวนมหาศาลบนท้องถนน และข้อมูลเกี่ยวกับสภาพการขับขี่ ซึ่งได้มาจากการแชร์ของคนขับแท็กซี่ของอูเบอร์ ที่ประมวลแล้วนับรวมเป็นระยะทางหลายพันล้านกิโลเมตร

“เรามีพันธมิตร ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำด้านวิศวกรรมยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเองที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แล้วยังมีประสบการณ์ที่มาจากข้อมูลการขับรถ และรับส่งผู้โดยสารในหลายร้อยเมืองของคนขับแท็กซี่ของเรา” นายทราวิส คาลานิค ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของอูเบอร์ พูดถึงข้อได้เปรียบของอูเบอร์

ทั้งนี้ การเปิดตัวแท็กซี่ไร้คนขับ นับเป็นความท้าทายภาพลักษณ์ของอูเบอร์ ซึ่งเริ่มต้นมาจากแอพพลิเคชั่นบริการแท็กซี่ ที่เปิดโอกาสให้เจ้าของรถหลายล้านคนทั่วโลก มีโอกาสหารายได้พิเศษจากการขับรถรับส่งผู้โดยสารโดยไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตขับรถแท็กซี่ หรือใบอนุญาตอื่นๆ ทั้งยังเป็นบริการที่อูเบอร์มุ่งมั่นพัฒนาโดยหวังใจว่า ในอนาคตข้างหน้าเราจะได้เห็นรถแท็กซี่ที่มีคนขับ และแท็กซี่แบบไร้คนขับออกมาวิ่งปะปนกันบนท้องถนน

%e0%b8%ad%e0%b8%b9%e0%b9%80%e0%b8%9a%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%8c3

อย่างไรก็ตาม คาลานิค กล่าวว่า เป้าหมายสูงสุดจริงๆ ที่ทำให้อูเบอร์คิดทำรถแท็กซี่แบบไร้คนขับออกมาให้บริการก็เพื่อต้องการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน “รถแท็กซี่ไร้คนขับของอูเบอร์มีศักยภาพมากมายที่จะต่อยอดบริการของเรา และพัฒนาความเป็นอยู่ในสังคมให้ดีขึ้น ด้วยการลดจำนวนอุบัติเหตุบนท้องถนนซึ่งทุกวันนี้เป็นสาเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตปีละ 1,300,000 คน ช่วยให้มีพื้นที่ว่างในเมืองต่างๆ เพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ จากที่ทุกวันนี้ถูกใช้เป็นที่จอดรถหลายพันล้านคัน และช่วยลดความแออัดบนท้องถนน ซึ่งทำให้แต่ละปีมีเวลาที่สูญเสียไปบนท้องถนนนับเป็นล้านล้านชั่วโมง”

เจ้าหน้าที่ของอูเบอร์ ยังกล่าวด้วยว่า ถึงแม้ที่ผ่านมาแท็กซี่แบบไร้คนขับ ยังไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ แต่เจ้าหน้าที่ก็ตระหนักและให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้ โดยมีการฝึกเทรนผู้ควบคุมรถให้มีความพร้อมถึงวิธีรับมือเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นแน่นอนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว