“ตลาดแมดิสัน” ตลาดนัดเกษตรแห่งสำคัญ ของรัฐวิสคอนซิน

ฉันรู้สึกเสมอมาว่าแมดิสันเป็นบ้าน ฉันทุกข์และสุขอยู่ไม่น้อยที่แมดิสัน ได้เรียนรู้ทั้งตำรับตำรา ชีวิตจริงและผู้คนที่นั่น บางบทเรียนไม่อาจลืม

บ้านฉันที่เมืองแมดิสันอยู่ใกล้ตลาดนัด ที่เรียกกันว่า ฟาร์มเมอร์มาร์เก็ต (Farmers Market) จัดกันทุกวันเสาร์ ตรงลานหน้าศาลาว่าการ หน้าหนาวถึงจะย้ายไปจัดที่ศูนย์ประชุมโมโนนา (Monona) ริมทะเลสาบ จนช่วงที่หนาวจัดจนคนไม่อยากกระดิกกระเดี้ยนั่นแหละ เขาจึงจะหยุด แต่ก็หยุดอยู่ราวเดือนสองเดือน ช่วงที่หิมะตกหนักทั้งวันทั้งคืน ทับถมหนาหลายฟุต เดินทางไปไหนมาไหนลำบากเท่านั้น

พอหิมะละลายเขาก็ออกมาทำมาหากินค้าขายกันใหม่

2

ที่ฉันอยากพูดคือเขาให้ความสำคัญกับเกษตรกรมาก วิสคอนซิน เป็นรัฐเกษตรกร เพื่อนฉันล้อว่าเป็นรัฐวัวรัฐควายคือมีแต่วัว (หามีควายไม่ อันนี้เพื่อนฉันเวอร์) แต่ชื่อเล่นอย่างเป็นทางการของวิสคอนซินคือ Dairy State หรือรัฐนมรัฐเนย คือเขาเลี้ยงวัวมาก ทั้งวัวเนื้อวัวนม ดังนั้น เขาจึงเป็นรัฐที่ผลิตน้ำนมและเนื้อวัวมาก

คนที่อยู่วิสคอนซิน ก็เหมือนคนอยู่ฮอกไกโดที่ญี่ปุ่น คือจะไม่ไปกินนมกินเนื้อที่อื่นอีก เพราะบ้านตัวเองนั้นมีนมมีเนื้อชั้นเลิศของโลกแล้ว

ฉันก็ติดนิสัยนั้นมาเหนียวแน่น เมื่อได้กินนมวิสคอนซิน เฉพาะอย่างยิ่งมหาวิทยาลัยของฉันคือ มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน แมดิสัน (University of Wisconsin-Madison) ผลิตนมเอง ผลิตชีสเอง มีเนื้อสเต๊กขายเอง มีไอศกรีมเป็นของตนเอง มากมาย อร่อย และถูก ฉันกินจนชินแล้วฉันก็ไม่คิดจะไปกินของพวกนี้ที่ไหนอีก

7

ที่บอกว่าเขาให้ความสำคัญกับเกษตรกรมาก ก็คือเขาให้พื้นที่ลานรอบศาลาว่าการที่สวยงามมาก ไว้เป็นที่จัดตลาดนัด เขาไม่ได้รังเกียจอี๊อ๊ากลัวว่าจะสกปรก เพราะเขาถือว่าที่ตรงนั้นเป็นของประชาชน และพ่อค้าแม่ขายเกษตรกรของเขาก็ค้าขายกันมีระเบียบและสะอาดดี

ทุกเสาร์ฉันจะเดินตลาดอย่างมีความสุข ชิมนมชิมเนยที่เขาเอามาให้ชิมจนอิ่มหนำ แล้วซื้อผักสดๆ ผลไม้สดๆ กลับบ้าน บ้านฉันอยู่ในทำเลทองอย่างแท้จริงนะจะบอกให้ นอกจากเดินไม่กี่ก้าวถึงตลาดนัด และถึงศาลาว่าการแล้ว เดินต่ออีกนิดหนึ่งก็ถึงมหาวิทยาลัย วันไหนอากาศดีๆ ฉันจะเดินไปมหาวิทยาลัย จะนั่งรถเฉพาะช่วงที่หิมะลงหนักๆ เท่านั้น

นอกจากให้พื้นที่รอบศาลาว่าการที่งามสง่ามาจัดตลาดนัดแล้ว ช่วงหน้าหนาวซึ่งไม่อาจค้าขายกลางแจ้งได้อีกต่อไปเพราะหิมะจะตกหนัก เขายังให้พื้นที่ในศูนย์ประชุมที่สวยเลอค่า ปูพรมทั้งอาคาร สำหรับให้เกษตรกรขนผลผลิตเข้าไปขายโดยไม่คิดค่าเช่า ฉันไม่เห็นเขารังเกียจรังงอนหวงพรมของเขาจะเปียกจะสกปรก

เพราะเอาเข้าจริงแล้ว เกษตรกรเหล่านั้นก็เป็นเจ้าของศูนย์ประชุมเลอค่านั้นเหมือนกัน

63

ศูนย์ประชุมเลอค่าไม่ได้มีไว้จัดการประชุมหรูหราเท่านั้น เขามีกิจกรรมให้คนของเขาตลอด แต่ละเดือนเขาจะจัดดนตรี จัดฉายหนังให้ดูฟรี ไม่ใช่ของไก่กาหากแต่เขาสรรหามาอย่างดี ฉันเคยไปดูร็อกคอนเสิร์ตที่ลืมไม่ลงก็ที่นี่

ที่ศูนย์ประชุมนี่ทุกเช้าเขาจะมีครูมาสอนโยคะ ใครใคร่เรียนเรียน ไม่คิดเงิน ไม่มาจุกจิกจู้จี้อะไรทั้งสิ้น แถมสอนในจุดที่หันหน้าออกไปทางทะเลสาบ เป็นจุดที่สวยที่สุด เป็นพื้นที่ที่หากจะขายก็จะขายได้แพงที่สุด

แต่เขาเอามาให้เกษตรกรขายผัก และให้คนเล่นโยคะโดยไม่เสียดาย เพราะเขารู้สึกว่าทั้งหมดเป็นของเกษตรกรและประชาชนธรรมดา ที่เป็นกระดูกสันหลัง เป็นลมหายใจของรัฐนี้จริงๆ

ไม่ใช่พูดอวยชวนปลื้มแต่ไม่เคยชายตาแล เหมือนที่เขาทำกับเกษตรกรยากจนที่เมืองไทย