น้ำต้นไผ่-ข้าวเคลือบสมุนไพร เจาะกลุ่มคนรักสุขภาพ

จบไปแล้วสำหรับงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติของกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เป็นงานหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากผู้คนในอันดับต้นๆ ครั้งนี้ ภายใต้กรอบแนวคิดที่ว่า “สมุนไพรไทย  เศรษฐกิจไทย  อนาคตไทย” ซึ่งนพ.สุริยะ  วงศ์คงคาเทพ  อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ระบุว่าปีนี้มีการจัดรูปแบบกิจกรรมที่น่าสนใจมากกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โซนของต้นแบบ Thai Herbs Metropolis หรือมหานครแห่งสมุนไพร หรือเมืองแห่งสมุนไพรร่วมสมัย ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน

เคลือบด้วยน้ำมันดาวอินคา

ไฮไลต์อย่างหนึ่งของงานนี้คือ  มีการเปิดตัวนวัตกรรมข้าวเคลือบ สมุนไพร 4 วัย ช่วยฟื้นฟูสมอง ชะลอวัย ต้านมะเร็ง ถือเป็นผลิตภัณฑ์แรกของประเทศไทย และยังไม่มีที่ไหนในโลก

IMG_6878

   เริ่มกันที่ข้าวของผู้สูงวัย เป็นข้าวกล้องเพาะงอก ที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ ดูดซึมน้ำตาลน้อย มีสารกาบา  เคลือบด้วยสมุนไพรอย่างบัวบก  ขมิ้นชัน พริก ฟักข้าวมะเขือเทศ  และน้ำมันดาวอินคา เมื่อทานข้าวนี้เป็นประจำผสมกับอาหารที่มีโปรตีนจากปลา และผัก ผลไม้ จะทำให้ผู้สูงวัยลดสภาวะของโรคบางอย่างที่ติดตัวมาตั้งแต่วัยทำงาน มีสมุนไพรที่ช่วยชะลอความเสื่อม ชะลอวัย และช่วยให้มีความจำดีขึ้น

ส่วนข้าวเฉพาะของวัยรุ่นประกอบด้วยข้าวขาวหอมมะลิ พันธุ์ที่มีดัชนีน้ำตาลสูง เพื่อให้ได้แคลอรี่สูง  ให้พลังงานสูงเพราะเป็นวัยที่มีการเคลื่อนไหวมาก  ผสมสารสกัดกลูโคแมนแนน ฟักข้าวและมะเขือเทศ  น้ำมันถั่วดาวอินคาและโปรตีนของถั่วอินคา เมื่อทานข้าวนี้เป็นประจำผสมกับอาหารที่มีโปรตีนที่จากปลา และผัก ผลไม้ วัยรุ่นจะได้พลังงาน ไม่หิวบ่อย เพิ่มการเสริมสร้างร่างกายและอวัยวะในทุกๆ ส่วน โดยไม่เพิ่มน้ำหนัก รวมทั้งเสริมสร้างความเจริญของทุกอวัยวะ     ให้เข้มแข็ง

วัยทำงาน ต้องทานข้าวกล้องเพาะงอก ผสมสารสกัดส้มแขก เมี่ยง อัญชัน ขมิ้นชัน  มีสารกาบาสูง   เมื่อทานข้าวนี้เป็นประจำผสมกับอาหารที่มีโปรตีนจากปลา และผัก ผลไม้ ก็จะทำให้ชีวิตวัยทำงาน มีสุขภาพดี อารมณ์แจ่มใส ไม่เครียดกับการทำงาน  ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คุณวิชัย พจนสุวรรณกุล

แล้วก็มาถึงข้าวของผู้ป่วยระยะพักฟื้นและนักกีฬา  ประกอบด้วยข้าวไรซ์เบอรี่ เป็นข้าวสายพันธุ์ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ทั้งชนิดที่ละลายในน้ำและละลายในไขมัน  มีธาตุเหล็ก สังกะสี เหมาะกับผู้ป่วยพักฟื้น ในการช่วยบำรุงร่างกาย เคลือบด้วย สารสกัดอันชัน กระเจี๊ยบแดง ฟักข้าว มะเขือเทศ  น้ำมันถั่วดาวอินคา เมื่อรับประทานทานข้าวนี้เป็นประจำผสมกับอาหารที่มีโปรตีนจากปลา และผัก ผลไม้ จะทำให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูและกลับมาทำงานได้รวดเร็วตามปกติ

มั่นใจตลาดไปได้สวย

ทั้งนี้ข้าวเคลือบ สมุนไพร 4 วัย แบรนด์ แอมอาร์เฮิร์บส์ ผลิตโดยบริษัท บางกอกตลาดข้าวไทย จำกัด

คุณวิชัย พจนสุวรรณกุล : ผู้จัดการฝ่ายการตลาดบริษัท บางกอกตลาดข้าวไทยฯ ให้ข้อมูลว่า บริษัทได้วิจัยร่วมกับ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(มก.) ในโครงการ “ข้าวเคลือบสมุนไพร” เสร็จปี พ.ศ. 2547 และได้รับอนุสิทธิบัตร จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา จากนั้นได้ร่วมทุนงานวิจัยข้าวกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย “โครงการข้าวเคลือบแร่ธาตุ” ทั้งสองโครงการดังกล่าวนี้ บริษัทฯ ได้รับสิทธิ์เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเพียงรายเดียวในประเทศจนถึงปัจจุบัน

ใครที่ซื้อข้าวในห้างอาจจะคุ้นตากับข้าวเคลือบสมุนไพรยี่ห้อ B-Herbs อันเป็นแบรนด์ของบริษัทเอง  นอกจากนี้ยังมีวางขายในต่างประเทศด้วย ทั้งประเทศ ญี่ปุ่น, จีน และพม่า ซึ่งมีหลากหลายแบบให้เลือก อาทิ

ประเภทข้าวเคลือบสมุนไพร ได้แก่ ข้าวหอมมะลิเคลือบขมิ้นชัน อัญชัน ใบเตย และกระเจี๊ยบ กลุ่มที่ 2 ประเภทข้าวบดเคลือบสมุนไพร ได้แก่ ข้าวบดเคลือบขมิ้นชัน อัญชัน ใบเตย กระเจี๊ยบ และกระเทียม และกลุ่มที่ 3 ประเภทเครื่องดื่มสมุนไพร มีข้าวกล้องเพาะงอกชนิดชงดื่มผสมงาดำ และข้าวกล้องเพาะงอกชนิดชงดื่มผสมกาแฟ  ซึ่งจะวางขายในเร็วๆนี้

คุณวิชัยบอกว่า ปัญหาอย่างหนึ่งของการทำธุรกิจนี้คือ อาหารเสริมสุขภาพเป็นอาหารควบคุมที่ไม่สามารถอวดอ้างสรรพคุณได้ ทำให้ไม่สามารถให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภคอย่างเพียงพอ ส่งผลให้ผู้บริโภครายใหม่ไม่เกิดการทดลองใช้ ขณะเดียวกันผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ และความเข้าใจในคุณประโยชน์ของอาหารเสริมสุขภาพ จึงไม่ได้ให้ความสำคัญ

ส่วนเรื่องคู่แข่งในท้องตลาด คุณวิชัยระบุว่า มีคู่แข่งขันรายเล็กที่เป็นกลุ่มแม่บ้าน หรือสินค้าของชุมชนที่ได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามมองว่าข้าวเคลือบสมุนไพรมีโอกาสในการเข้าสู่ตลาดผู้บริโภคที่บริโภคข้าวเป็นหลัก ซึ่งสามารถบริโภคข้าวเคลือบสมุนไพรทดแทนการบริโภคข้าวปกติ แต่ทำให้ได้รับคุณประโยชน์จากสมุนไพรที่เคลือบอยู่เพิ่มเติมจากคุณค่าทางโภชนาการของข้าวปกติ ซึ่งตลาดของการบริโภคข้าวเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่มากทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ

กระแสตอบรับดี

สำหรับผลิตภัณฑ์น่าสนใจที่จะมาร่วมออกบูธในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ อย่างเช่น  แยมมะกรูด เรียกว่าเป็นเจ้าเดียวในไทยก็ว่าได้  เป็นฝีมือของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแม่บ้านเกษตรสิบเอ็ดร่วมใจ ต.เกาะจันทร์ อ.เกาะจันทร์ จ.ชลบุรี ที่มีคุณจิราทิตย์  แก้วงาม  เป็นประธานกลุ่ม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ทางกลุ่มทำเมื่อไม่กี่เดือนมานี้เอง  แต่กระแสตอบรับดีเกินคาด  อย่างไรก็ตามยังต้องพัฒนาต่อไป โดยประสานไปยังกองยาไทยและสมุนไพร เพื่อให้แนะนำในเรื่องสูตรและบรรจุภัณฑ์

IMG_6863

สามีและลูกสาวของคุณจิราทิตย์  แก้วงาม เมื่อไปออกบูธตามงานต่างๆนำขนมปังทาแยมมะกรูดให้ลูกค้าได้ชิมก่อน

คุณจิราทิตย์เล่าว่า ครั้งแรกนำไปจำหน่ายที่เกาะกง ประเทศกัมพูชา ชื่อแบรนด์กรีนไลต์ (Greenlight) ขายกระปุกละ 70 บาท  สาเหตุที่ทำแยมมะกรูดเพราะคิดว่าเป็นสมุนไพรที่น่าจะมาแปรรูปให้เป็นสากลขึ้น  อีกอย่างมะกรูดเป็นพืชที่ชาวบ้านในพื้นที่ปลูกกันอยู่แล้วและออกตลอดทั้งปี แต่จะมีมากในช่วงหน้าในประมาณเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม โดยทางกลุ่มรับซื้อกิโลกรัม(ก.ก.)ละ 10 บาท  หากเป็นช่วงขาดแคลนต้องซื้อลูกมะกรูดนอกพื้นที่ ตกลูกละ 70 สตางค์

ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแม่บ้านเกษตรสิบเอ็ดร่วมใจเล่าถึงขั้นตอนการทำว่า  เริ่มจาก
นำมะกรูดมาปอกเปลือกออก แล้วผ่านำมาบีบน้ำและเมล็ดออกให้หมด  จากนั้นนำมาคั้นกับเกลือเม็ด3ครั้งแล้วล้างน้ำเปล่าหลายๆครั้งจนหายขม  ต้มน้ำเททิ้ง 3-4 ครั้ง  เพื่อให้หายขม นำหม้อแสตนเลสตั้งไฟใส่น้ำนิดหน่อยเอามะกรูดที่ได้มาปั่นละเอียดและเติมน้ำตาล และแพคติน  พร้อมกับคนไปเรื่อยๆ จนเหนียวดี เสร็จแล้วบรรจุใส่ภาชนะ (สนใจสั่งซื้อโทร 086-891-4946)

เล็งใส่กลิ่นเพิ่มรสชาติ

ผลิตภัณฑ์อีกชนิดที่อยากจะเชิญชวนให้ไปลองดื่มกันในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งนี้ คือ น้ำจากต้นไผ่ของบ้านสมุนไพร  ผลผลิตของอาจารย์ธเนศ  เมฆนาคา ครู ชำนาญการพิเศษ โรงเรียนบ้านท่าแย้  ซึ่งเพิ่งทำขายเมื่อปีที่แล้ว โดยขายขวดละ 15 บาท  เป็นการผลิตตามออเดอร์ หรือออกขายตามงานต่างๆ (โทร 0954455187)

IMG_6895

ดังนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าน้ำต้นไผ่ตรงพื้นที่บริสุทธิ์ดื่มเพื่อบำรุงร่างกายได้ไม่มีสารที่จะเป็นอันตรายต่อร่างกายแน่นอนจึงส่งตรวจ จึงส่งให้บริษัท วีแคร์ เอ็นไวรอนเมนท์ เซอร์วิส จ้ากัด ตรวจวัดน้ำดื่มจากต้นไผ่ ในวันที่ 2 เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ปรากฏว่าไม่พบสารที่เป็นพิษต่อร่างกาย

อาจารย์ธเนศอธิบายขั้นตอน การเจาะน้ำจากต้นไผ่ว่า ต้องเจาะเวลา 1-3 นาฬิกา เพราะ เป็นช่วงที่ต้นไผ่ดูดน้ำขึ้นมาเก็บไว้ในลำต้นมากที่สุด โดยใช้สว่านเจาะเข้าไปในเนื้อไม้ บริเวณที่มีเนื้อไม้หนาๆ ใช้สายหรือท่อที่มีขนาดเท่ากับดอกสว่านสอดเข้าไปในช่องที่เจาะ น้ำไผ่จะไหลมาตามท่อ ใช้ถุงรองน้ำที่ไหลออกมาจากต้นไผ่โดยนำปลายท่อใส่ในถุงแล้วผูกปากถุงกันไม่ให้ผลหรือแมลงเข้าไปในถุง

การเก็บน้ำไผ่จะเก็บในช่วงเช้าเวลาประมาณ 6 โมง ซึ่งจะได้น้ำไผ่ที่บริสุทธิ์ นำมากรองด้วยผ้าขาว 2 ชั้น น้ำไผ่มีฤทธิ์ เป็นกรด ค่า PH นั้นอยู่ที่ 4-5  น้ำไผ่ก็เหมือนน้ำผลไม้หากอยู่ในอุณหภูมิปรกติจะมีรถเปรี้ยวเพราะมีจุลินทรีย์สูงมาก  หากเก็บไว้ในตู้เย็นจะเก็บได้ 5-7 วัน

“การเจาะน้ำไผ่ใช้ได้ทุกพันธุ์ แต่ละพันธุ์กลิ่นหอมไม่เหมือนกัน  อย่างที่สวนมีทั้งไผ่รวก กิมซุง  จากที่เคยทำมาไผ่รวกจะหอมกว่า แต่กิมซุง ขนาดต้นใหญ่กอใหญ่กว่า จึงให้น้ำเยอะกว่า  ในแต่ละวันผลิตได้ 100-200 ลิตร  โดยใช้ไผ่จากสวนที่บ้าน  ไผ่กอหนึ่งได้น้ำไผ่ ประมาณ 10 ลิตร  กอเล็กก็ได้น้ำน้อยกอใหญ่จะได้น้ำมาก เหง้าของไผ่เป็นระบบรากรวม ในหนึ่งกอเจาะที่ต้นไหน น้ำจากต้นอื่นๆ ก็จะออกมาที่จุดเดียวกัน”

อาจารย์ธเนศแจงอีกว่า ปัญหาหนึ่งที่เจอคือ น้ำไผ่เสียง่ายต้องแช่เย็น ขนส่งได้ไม่ไกล อย่างไรก็ตามได้ขอคำแนะนำจาก กรมพัฒนาการแผนไทยฯ และได้เข้าโครงการการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรพร้อมจดแจ้งออกสู่ตลาด ปี 2559  เพื่อหาวิธียืดอายุให้บรรจุขวดอยู่ในอุณหภูมิปกติโดยไม่เสียไม่สูญเสียสารต่างๆ  และพัฒนาบรรจุภัณฑ์  ซึ่งทางกรมฯแนะนำว่า ต้องนำน้ำไผ่ที่ได้ผ่านเครื่องนึ่งแรงดัน จะทำให้ยืดอายุอยู่ในอุณหภูมิปกติได้หลายเดือนในขวดแก้ว โดยไม่ต้องแช่เย็น นอกจากนี้ในอนาคตอาจจะมีการแต่งกลิ่นเพื่อให้น่าดื่มมากขึ้น อย่างเช่นใส่กลิ่นมะพร้าว