ระวังร้อนถึงตาย! เตือนคนทำงานกลางแจ้งระวังโรคลมแดด แนะเลี่ยงอยู่กลางแดดจัดเป็นเวลานาน

เมื่อวันที่ 15 มีนาคม นายแพทย์มณเฑียร คณาสวัสดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสิงห์บุรี เปิดเผยว่า ฤดูร้อนปี 2560 กรมอุตุนิยมวิทยาประเมินว่า ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมถึงกลางเดือนเมษายน จะมีอากาศร้อนอบอ้าวและร้อนจัดในบางพื้นที่ โดยอุณหภูมิสูงสุดอาจจะสูงถึง 42-43 องศาเซลเซียส ซึ่งปกติร่างกายมนุษย์จะมีอุณหภูมิอยู่ที่ 37 องศาเซลเซียส หากร่างกายเผชิญกับอุณหภูมิอากาศที่ร้อนกว่านี้ และไม่สามารถปรับลดอุณหภูมิได้ อาจเกิดโรคลมแดดหรือฮีทสโตรก (Heat Stroke) ซึ่งเป็นกลุ่มอาการเจ็บป่วยรุนแรง เกิดจากการออกกำลังกายหรือทำงานในที่อากาศร้อนจัด เป็นเวลานาน ร่างกายไม่สามารถปรับตัวหรือควบคุมระดับความร้อนในร่างกายได้ ทำให้การทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือดรวมทั้งระบบประสาททำงานผิดปกติ ส่งผลให้อวัยวะต่างๆ ทำงานล้มเหลวจนทำให้เสียชีวิตได้

ผู้ที่เป็นลมแดด จะมีอาการ อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน ไม่มี เหงื่อออก รู้สึกกระหายน้ำมาก ตัวร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ความร้อนในร่างกายสูงกว่า 40 องศาเซลเซียล ปวดศีรษะ ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว เพ้อ ชัก มึนงง หน้ามืด หากไม่ได้รับการดูแลอย่างทันท่วงทีอาจทำให้หมดสติและเสียชีวิตได้ หากพบผู้มีอาการโรคลมแดด ขอให้รีบนำเข้าที่ร่ม อากาศถ่ายเทสะดวก ให้นอนราบยกเท้าทั้งสองข้างขึ้นสูงเพื่อเพิ่มการไหลเวียน ถอดเสื้อผ้าให้เหลือน้อยชิ้น คลายชุดชั้นใน ใช้ผ้าชุบน้ำเย็น น้ำแข็งประคบตามซอกคอ หน้าผาก รักแร้ ขาหนีบร่วมกับใช้พัดลมเป่า เพื่อระบายความร้อนและลดอุณหภูมิร่างกายให้ต่ำลงอย่างรวดเร็วที่สุด หากไม่หมดสติให้ดื่มน้ำเปล่ามากๆ และนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว หรือโทรสายด่วน 1669

นอกจากนี้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสิงห์บุรีได้กำชับให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อาสาสมัครสาธารณสุข ให้ความรู้ คำแนะนำในการดูแลและป้องกันโรคลมแดดแก่ประชาชน โดยเฉพาะ 6 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ 1.ผู้ที่ทำงานหรือทำกิจกรรมกลางแดด เช่น กรรมกรก่อสร้าง เกษตรกร 2.เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีและผู้สูงอายุ 3.ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันโลหิตสูง 4.คนอ้วน 5.ผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ และ 6.ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

นายแพทย์มณเฑียร คณาสวัสดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้ประชาชนเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมรับอากาศร้อน พยายามหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดจัด ควรอยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่ออกกำลังกายหรือทำงานกลางแดด เป็นเวลานาน หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรดื่มน้ำชั่วโมงละ 1 ลิตร แม้จะไม่รู้สึกกระหายน้ำ สวมเสื้อผ้าที่โปร่งสบาย สีอ่อน ระบายอากาศได้ดี ไม่รัดรูป สวมแว่นกันแดด กางร่ม ทาโลชั่นกันแดดที่มีค่า SPF 15 ขึ้นไปก่อนออกแดด 30 นาที ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่าปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำจนรู้สึกกระหายหรือริมฝีปากแห้ง ควรดื่มน้ำ 1-2 แก้วก่อนออกจากบ้านในวันที่อากาศร้อน เลือกออกกำลังกายการช่วงเช้าหรือเย็น หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ดูแลไม่ให้เด็ก ผู้สูงอายุ อยู่กลางแดดหรือในรถที่จอดตากแดด ผู้มีโรคเรื้อรังให้รับประทานยาตามแพทย์สั่ง

ที่มา มติชนออนไลน์