เผยแพร่ |
---|
แจกสูตร กระเทียมดอง สรรพคุณ ช่วยย่อย แถมฆ่าเชื้อแบคทีเรีย-ไว้รัสได้ด้วยนะ
กระเทียม เป็นพืชกระกูลหอม มีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียมานานกว่า 6,000 ปี มีประวัติการใช้เป็นเครื่องปรุงในอาหาร ประกอบกับมีสรรพคุณทางยา จึงถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย สารสำคัญที่พบในกระเทียม ประกอบด้วย สารในกลุ่มซัลเฟอร์ ซึ่งสารนี้ทำให้มีกลิ่นเฉพาะ และมีคุณสมบัติต้านจุลชีพ สารอัลลิซิน (Allicin) พบ 70-80% นอกจากนี้ ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ เช่น สารเควอซิติน สาร S-ally-L-cysteines (SAC)
อีกทั้ง กระเทียม เป็นสมุนไพรรสร้อน บำรุงไฟธาตุ ช่วยในเรื่องโรคที่เกิดจากการกำเริบของลม เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยย่อย การศึกษาในปัจจุบันพบว่า มีฤทธิ์ลดคอเลสเตอรอล ลดการแข็งตัวของเลือด ลดความดัน ลดการปวดเกร็ง ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย รา และไวรัส ต้านมะเร็ง เป็นต้น
เพจ สมุนไพรอภัยภูเบศร แจกสูตร การทำกระเทียมดอง ไว้รับประทานบำรุงร่างกาย โดยสูตรมีดังนี้
ส่วนประกอบ
1. กระเทียม 1 กิโลกรัม
2. น้ำตาลทราย 2 ถ้วย
3. เกลือป่น 3 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำส้มสายชู 1 ถ้วยครึ่ง
5. น้ำผึ้ง 1 ถ้วยตวง
6. น้ำ 2 ถ้วยตวง
วิธีทำ
- ปอกกระเทียม หรือหากกระเทียมที่ใช้เป็นกระเทียมแห้ง ให้แช่น้ำทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงก่อน
2. ต้มน้ำให้เดือด จากนั้นใส่น้ำส้มสายชู น้ำตาล เกลือป่น และน้ำผึ้งลงไปต้ม คนให้ละลาย จากนั้นทิ้งไว้ให้เย็น
3. นำกระเทียมที่ปอกใส่โหลสะอาด โดยให้เหลือที่ว่างประมาณ 1 นิ้วครึ่ง
4. เติมน้ำดองที่ทำไว้ลงไปในขวดโหล อย่าใส่จนเต็มโหล เพราะอาจทำให้เกิดเชื้อราขึ้นได้
5. ปิดฝาให้สนิท และทิ้งไว้ 1 เดือน เมื่อนำออกมารับประทาน จะได้กระเทียมดองที่มีรสชาติหวานพอดี หรือหากดองไว้ 3 สัปดาห์แล้วนำมารับประทาน รสชาติที่ได้จะติดเผ็ดเล็กน้อย
วิธีรับประทาน
รับประทานสดประมาณวันละไม่เกิน 1 หัวเล็ก หรือรับประทานในมื้ออาหารไม่ว่าจะเป็นยำ ต้ม ผัด แกง
ข้อควรระวัง
– กระเทียม อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองทางเดินอาหาร ผู้ที่รับประทานแล้วปวดท้อง จุกลิ้นปี่ ให้ลองปรับขนาดการรับประทานให้ลดลง และรับประทานหลังมื้ออาหาร
– ผู้ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือถอนฟันที่ทำให้ต้องเสียเลือด ควรหยุดรับประทานกระเทียม โดยเฉพาะในรูปแบบสารสกัด หรืออัดเม็ด อย่างน้อย 7 วัน ก่อนเข้ารับการผ่าตัด เพราะอาจทำให้เลือดหยุดไหลช้า
ผลข้างเคียง และ ข้อห้ามใช้
บางรายที่รับประทานกระเทียมขนาดสูงเป็นประจำทุกวัน อาจทำให้มีกลิ่นตัวแรง หญิงตั้งครรภ์และผู้ที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือดวาร์ฟาริน ไม่ควรรับประทานเกินกว่าขนาดปกติในอาหาร เช่น รับประทานแบบสกัด แบบแคปซูล รับประทานทุกวันในขนาดสูง เพราะจะทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเลือดออก
หมายเหตุ : เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ 10 กันยายน 2020