“หม่าล่า” เมนูยอดฮิต กินอย่างไรให้สุขภาพดี?

“หม่าล่า” เมนูยอดฮิต กินอย่างไรให้สุขภาพดี?

เว็บไซต์ สสส. เผยแพร่บทความเรื่องการทานหม่าล่าอย่างไร ให้สุขภาพดี โดยระบุว่า เมนูหม่าล่า ในประเทศไทย ที่ขายกันอยู่ทั่วไปนั้นทั้งแบบร้านอาหาร และร้านค้าแผงลอย มีอาหารประเภทต่างๆ ให้ผู้บริโภคเลือกกินได้อย่างหลากหลาย ทั้งผักเสียบไม้ ไม่ว่าจะเป็น กระเจี๊ยบเขียว เห็ดออรินจิ ข้าวโพดอ่อน บร็อกโคลี่ แคร์รอต หรืออาหารประเภทเนื้อสัตว์ เช่น ไก่ ปลา กุ้ง หมู เครื่องใน ปลาหมึก ปูอัด ไส้กรอก หรือเบค่อน

สำหรับเครื่องปรุงหรือน้ำซอสนั้น หลายเจ้าจะใช้เครื่องปรุงสำเร็จที่มีการผสมเกลือเข้าไปด้วย ให้รสชาติมีมิติที่หลากหลายขึ้น นอกจากเผ็ดชาแล้ว ยังมีเค็มตัดเข้ามา ซึ่งช่วยให้รสชาติอาหารโดยรวมอร่อยขึ้นได้

แต่หากบางเจ้าหนักมือไปหน่อย ก็จะทำให้ส่วนของโซเดียมเพิ่มขึ้น ต้องระวังปริมาณโซเดียมในส่วนนี้ และรสชาติเฉพาะตัวของหม่าล่า มักพบว่าผู้ขายจะขายคู่กับเครื่องดื่มประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำอัดลม น้ำหวานสมุนไพร หรือแม้กระทั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

การกินเมนูหม่าล่าให้สุขภาพดีขึ้นนั้นสามารถทำได้ด้วยหลัก 4 ข้อง่ายๆ ดังนี้

  1. เลือกรับประทานเมนูเนื้อสัตว์แบบไม่ติดมัน เช่น อกไก่ กุ้ง สันในหมู ปลา  หลีกเลี่ยงเมนูเนื้อสัตว์แปรรูป เช่น ไส้กรอก เบค่อน ปูอัด

2. ลองเลือกสัดส่วนอาหารให้ได้ปริมาณผักมากกว่าเนื้อ เช่น  เลือกเมนูผัก 4 ไม้ ร่วมกับเมนูเนื้อสัตว์ 2 ไม้  อาจเพิ่มข้าวโพดปิ้ง หรือเมนูเห็ดเพิ่มเติมหากว่ายังรู้สึกไม่อิ่ม

3. ระวังการเติมเครื่องปรุงที่มากเกินไป แม้ว่าหม่าล่าเองจะมีโซเดียมไม่มาก แต่บางร้านค้าอาจมีการเพิ่มเกลือเข้าไปด้วย ทำให้มีโซเดียมเพิ่มขึ้นเกินความจำเป็น ขณะเดียวกัน หม่าล่าที่มากเกินไปอาจกระตุ้นให้ผู้ที่มีปัญหาแผลในกระเพาะอาหาร ลำไส้แปรปรวนหรือโรคเกี่ยวกับลำไส้นั้น อาการกำเริบได้ จึงควรหลีกเลี่ยงและใช้วิธีเดียวกันกับการหลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ดในผู้ที่มีความเสี่ยงจากการบริโภค

4. เลือกดื่มน้ำเปล่า หรือโซดาเปล่า เป็นเครื่องดื่มแทนน้ำหวานหรือน้ำอัดลม