ปักหมุดร้านยามเย็น เสิร์ฟอาหารเพื่อสุขภาพ ชมวิวสวยที่ถนนอักษะ

เปิดมาพร้อมกับความสวยงามของถนนอักษะ สำหรับร้านอาหารยามเย็น ตั้งอยู่พุทธมณฑลสาย 4 เปิดให้บริการมานาน 20 ปีแล้ว ขายดีศุกร์ – อาทิตย์ ด้านเมนูอาหารขายความอร่อยคู่สุขภาพ ใช้ผักปลอดสารพิษ ข้าวอินทรีย์ทางร้านปลูกเอง เมนูเด็ดหม้อไฟสารพัดเนื้อปลา ทอดมันพริกสดสมุนไพร สลัดผักอออร์แกนิก  สลัดปลากะพงย่าง ขายรสชาติอาหารคู่วิวสวยๆ

การออกไปทานข้าวนอกบ้าน ถือเป็นค่านิยมอย่างหนึ่งของผู้คนมาหลายยุคสมัย แล้วอาจกลายเป็นวัฒนธรรมจนถึงทุกวันนี้ไปแล้ว การเลือกประเภทอาหารก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมของผู้บริโภคที่ทางร้านจัดไว้เฉพาะไม่ว่าจะเป็นอาหารไทย อาหารต่างประเทศ อาหารทะเล หรืออาจเป็นแนวสุขภาพ โดยร้านหลายแห่งมักรวมไว้ในร้านเดียวเพื่อสะดวกแก่ลูกค้า

แต่ไม่ว่าจะเป็นร้านประเภทใดก็ตาม สิ่งสำคัญที่ผู้บริโภคควรตระหนักแล้วนำมาเป็นปัจจัยในการพิจารณาเลือกคือความสะอาด และสุขอนามัย ต้องมาก่อนความอร่อย

“ยามเย็น” เป็นร้านที่ให้บริการอาหารทั้งรูปแบบสุขภาพและทั่วไป ย่านพุทธมณฑลสาย 4 นับเป็นร้านอาหารยุคแรกของถนนอักษะที่เปิดขายมานานเกือบ 20 ปี ตั้งอยู่เลขที่ 12 หมู่ 13 ถนนอุทยาน (อักษะ) แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ

คุณกุลพัทธ์ จรัลชวนะเพท หรือ คุณออ เจ้าของร้านอาหารยามเย็น เล่าว่า ร้านอาหารแห่งนี้เริ่มเปิดบริการมา พร้อมกับความสวยงามของถนนอักษะ ครอบครัวจึงตัดสินใจใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งของบ้าน เปิดเป็นร้านอาหารขึ้น เน้นขายเฉพาะวันศุกร์-อาทิตย์ พร้อมตั้งชื่อว่า “ยามเย็นสุดสัปดาห์”

ร้าน “ยามเย็นสุดสัปดาห์” ไม่ได้มีรายการอาหารเหมือนร้านทั่วไป แต่กำหนดเมนูอาหารชนิดเดียวกันกับที่ทางครอบครัวชอบทาน ไม่ว่าจะเป็น ปลา น้ำพริก แกงส้ม ฯลฯ เพราะมีความถนัดและชำนาญเป็นทุนอยู่แล้ว โดยจะนำผักจากสวนผักที่ปลูกแบบปลอดสารที่พระประแดงมาใช้

จนกระทั่งเป็นช่วงพอดีกับการตื่นตัวของอาหารแนวชีวจิต จึงทำให้ทางร้านเซตเมนูขึ้นมาไว้บริการแก่ลูกค้าด้วย แถมยังมีข้าวอินทรีย์ที่ปลูกเองจากหนองจอก กับข้าวอินทรีย์จากสุรินทร์ เสิร์ฟร้อนๆ ไว้บริการเคียงคู่กัน พร้อมกับเสริมผักปลอดสารจากสวนผักอินทรีย์ที่เชื่อถือได้ในบริเวณย่านพุทธมณฑลในยามต้องการ

การหลั่งไหลมาอุดหนุนอาหารของร้าน “ยามเย็นสุดสัปดาห์” ที่เริ่มจากลูกค้าในละแวกใกล้เคียง กระทั่งบานปลายไปสู่ลูกค้าจากต่างถิ่น เพราะต่างติดใจรสชาติอาหารที่ถูกปาก ความสดใหม่และสะอาดของสถานที่ตลอดจนอุปกรณ์ รวมถึงบรรยากาศที่ร่มรื่น เงียบ ไม่วุ่นวาย ทำให้เจ้าของร้านไม่ลังเลที่จะเพิ่มเวลาขายเป็นสัปดาห์ละ 6 วัน พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น “ร้านยามเย็น” โดยกำหนดรายการอาหารไว้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นแนวสุขภาพกับแนวอาหารทั่วไป พร้อมกับความตั้งใจที่จะปรุงอาหารแบบมีคุณภาพ สด ใหม่ สะอาด ให้แก่ลูกค้าทุกเพศทุกวัยต่อไป

เมนูเด่นที่ทางร้านยามเย็นแนะนำแต่ละอย่าง ถูกเปลี่ยนไปตามสภาพและยุคสมัย ตลอดถึงความจำเป็น อย่างสมัยแรกที่ร้านยามเย็นสุดสัปดาห์จะมีเมนูหม้อไฟที่เป็นเมนูเด่นประจำร้าน เพราะใช้ปลาสดที่เป็นวัตถุดิบหลักเป็นเมนูหม้อไฟแบบจุ่ม หรือปลาสะดุ้งแบบลวกจิ้ม และปลาที่โดดเด่นในช่วงยุคแรกของร้านคือ ปลาหมอทะเล เพราะมีรสอร่อย เนื้อหวาน หนังอร่อย เพราะเวลานำไปลวกเนื้อปลาไม่เละ แต่จะจับเป็นชิ้นทำให้ทานง่ายและน่ารับประทาน

ต่อมาเมนูยอดฮิตนี้พบปัญหา เนื่องจากปลาหมอทะเลเริ่มหายากและมีราคาแพงขึ้น จึงต้องปรับเปลี่ยนมาเป็นปลาเก๋าดำ แต่หลังจากนั้นไม่นาน การนำปลาเก๋าดำมาใช้ก็พบปัญหาเช่นเดียวกันอีก จนทำให้ต้องเปลี่ยนมาใช้ปลากะพงจนถึงทุกวันนี้

นอกจากการเลือกใช้ปลาที่เหมาะสมแล้ว การปรุงน้ำซุปให้อร่อยก็มีความสำคัญไม่ต่างกัน คุณออ เล่าว่า น้ำซุปหม้อไฟที่ร้านจะถูกเคี่ยวจากกระดูกหมูเป็นเวลานาน พร้อมกับนำเครื่องต้มยาจีนมาเป็นส่วนผสมด้วย จึงทำให้น้ำซุปมีรสอร่อย หอมเครื่องยาจีน แถมยังได้ประโยชน์ต่อสุขภาพไปด้วย

จากเมนูอาหารแบบน้ำ มาเป็นเมนูแนวทอดกันบ้าง คุณออ บอกว่า ชนิดที่เด่นแบบสร้างจุดสนใจให้ร้านคือทอดมันพริกสด ที่มีความพิเศษและความต่างจากทอดมันทั่วไปตรงที่ แต่จะนำสมุนไพรสดอย่างตะไคร้ ข่า พริกขี้หนู มาโขลกเป็นเครื่องปรุงแทนการใช้พริกแกงเหมือนอย่างทั่วไป อีกจุดเด่นตรงที่ทำแบบชิ้นใหญ่มาก เรียกว่าทานคนเดียวอิ่มพอดี

“เมนูนี้ได้รับความสนใจจากลูกค้ามาก ทำขายหมดทุกวัน บางวันไม่พอขายเพราะหมดเร็ว โดยเฉพาะวันศุกร์-อาทิตย์ ถึงกับต้องสั่งจองกันล่วงหน้า มีลูกค้าถามว่า ทำไมไม่ทำมากๆ ต้องบอกว่า ที่ร้านต้องการทำเพียงคราวละ 3 กิโลกรัมเท่านั้น ดังนั้น ถ้าคุณมาทานอาหารที่ยามเย็นแล้วไม่สั่งทอดมันพริกสดมาทาน เหมือนกับมาไม่ถึงร้านเลย ไม่เพียงเท่านั้นลูกค้ายังสั่งกลับบ้านด้วย”

ส่วนเมนูเด่นชนิดต่อมาเป็น พิซซ่า คุณออ เผยว่า ไม่คิดและตั้งใจจะทำพิซซ่าขายเพราะดูแล้วไม่ตรงกับคอนเซ็ปต์ร้านเลย แต่มีเพื่อนแนะว่าพิซซ่ามีความยุ่งยากในการทำ แล้วร้านอาหารไหนที่ทำพิซซ่าอร่อยแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของร้านนั้นว่ามีประสิทธิภาพทางด้านการปรุงอาหาร

เหตุนี้จึงเป็นสิ่งท้าทายให้คุณออต้องเข้าคอร์สเรียนพิซซ่าด้วยตัวเอง พร้อมปรับสูตรและส่วนผสมให้เหมาะสมกับความชอบของลูกค้าคนไทย ด้วยการผลิตพิซซ่าขนาด 9 นิ้วมีให้เลือก 2 แบบคือ พิซซ่าหน้ารวมพิเศษ ที่เน้นใส่วัตถุดิบทุกอย่าง แต่ไม่ใส่สับปะรดและพริกหวาน กับอีกชนิดคือ พิซซ่าผัก ที่เป็นแนวสุขภาพล้วน โดยทั้ง 2 เมนูขายดีมากเพราะเน้นหน้าหนา เครื่องเยอะ แป้งหนากรอบ

เมนูถัดมาเป็น สลัด และเป็นแนวถนัดของร้านยามเย็นเลยเชียว โดยเฉพาะการใช้ผักสลัดออร์แกนิก คุณกุลพัทธ์บอกว่า ผักทุกชนิดที่นำมาปรุงเป็นสลัดล้วน นำมาจากแหล่งผลิตที่เป็นชาวสวนที่ผลิตผักอินทรีย์คุณภาพมาตรฐาน แล้วเน้นให้เป็นแหล่งปลูกที่อยู่ไม่ไกลจากร้าน เนื่องจากต้องการใช้ผักสดที่เก็บใหม่ๆ เพื่อให้คงคุณค่าทางโภชนาการ ทั้งยังเพิ่มทางเลือกสุขภาพด้วยสลัดเห็ดย่าง เป็นอีกเมนูสลัดที่ได้รับความนิยมสูงสุดโดยเฉพาะสุภาพสตรีที่ดูแลสุขภาพ เป็นการใช้เห็ดนางรมมาปรุง

นอกจากสลัดผักที่ขายดีชนิดตัดผักกันแทบไม่ทัน ทางร้านยังเติมเต็มด้วยสลัดปลากะพงย่าง ซึ่งนับเป็นอีกเมนูที่ลูกค้าถามหาอยู่บ่อย เพราะที่ร้านผลิตจากเนื้อปลากะพงสดหมักด้วยสมุนไพรฝรั่งหลายชนิด แล้วโรยด้วยดอกเกลือ พริกไทยดำ ย่างปลาด้วยน้ำมันมะกอก แล้วทานกับทาทาซอสร่วมกับผักออร์แกนิก

ไม่เพียงเท่านั้น ร้านอาหารยามเย็นยินดีเสนอ เห็ดอบกระเทียม เป็นอีกเมนูสุขภาพจากเห็ดที่มีความเหมาะสมต่อการนำมาอบกระเทียมแล้วมีรสอร่อย โดยมีจุดเด่นตรงใช้วิธีอบที่มีความพอดีไม่แฉะหรือแห้ง ไม่ว่าจะเป็นเห็ดออเรนจิ เห็ดฟาง โคนญี่ปุ่น เห็ดหูหนูดำ แล้วอบร่วมกับกระเทียม พริกแห้ง พริกไทยอ่อน โดยจะใส่โหระพากับพริกไทยดำในขั้นตอนสุดท้ายเพื่อให้เกิดความหอมฟุ้งน่าทาน นอกจากนั้นแล้วยังมีเมนูอื่นอีกมากมายทั้งต้มยำ ตำ แกง

ทางด้านเมนูเครื่องดื่มที่เด่นจะเป็นกาแฟออร์แกนิกที่ส่งตรงมาจากดอยสะเก็ด เชียงใหม่ เป็นกาแฟไทยที่มีรสอร่อย หอม เข้มข้น ในราคาไม่แพง นอกจากนั้นยังมีเครื่องดื่มสุขภาพอย่างน้ำสมุนไพรหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น อัญชัน ใบเตย ตะไคร้ ที่ผลิตกันแบบสด ใหม่ ทันทีที่สั่งโดยไม่ทำเตรียมไว้ ทั้งนี้จะใช้ความหวานจากน้ำเชื่อมออร์แกนิกที่ทางร้านผลิตขึ้นเท่านั้น จึงมีความต่างและไม่เหมือนที่ใด

ร้านยามเย็น มีบริการส่งอาหารในแบบดีลิเวอรี่ให้แก่ลูกค้าที่ไม่สะดวกเดินทางมาทานที่ร้าน โดยมืออาชีพอย่าง lalamove และพนักงานร้าน ทั้งนี้ลูกค้าที่มีความประสงค์จะสั่งอาหารตามช่องทางนี้ ต้องโทรศัพท์สั่งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง โดยคิดราคาเดียวกับที่ร้าน เพียงแต่ลูกค้ารับผิดชอบค่าจัดส่ง อย่างไรก็ตาม การอำนวยความสะดวกในบริการดังกล่าวจะส่งให้ในรัศมีที่กำหนดเท่านั้น นอกจากนั้นยังรับจัดอาหารนอกสถานที่ พร้อมเบรกชา/กาแฟ และของว่าง โดยมีทั้งเมนูแบบออร์แกนิก กับเมนูทั่วไปตามที่ลูกค้าต้องการ

เมื่ออ่านถึงตรงนี้ หลายคนน่าจะกังวลกับราคาอาหาร ทางเจ้าของร้านอาหารยามเย็น บอกว่า ไม่ต้องกังวลเลย เพราะถึงแม้รายการอาหารทุกอย่างจะถูกปรุงจากคุณภาพของวัตถุดิบที่ใหม่ สด พร้อมกับใช้ส่วนผสมต่างๆ ที่ได้มาตรฐาน มีคุณภาพ แต่การกำหนดราคาขายยังเป็นไปตามปกติเช่นเดียวกับร้านอาหารทั่วไป

ร้านอาหารยามเย็น ออกแบบตกแต่งภายในและภายนอกร้านอย่างสวยหรู ด้วยสองบรรยากาศ โดยลูกค้าสามารถนั่งทานอาหารที่อร่อยแบบสบายใจได้ทั้งห้องปรับอากาศที่ตกแต่งแบบคลาสสิก ซึ่งเหมาะกับการมาทานเดี่ยว  เป็นคู่ หรือครอบครัว รวมถึงยังมีห้องจัดเลี้ยงขนาดกะทัดรัดจำนวน 50-70 ท่าน หรือจัดห้องแยกความเป็นส่วนตัวสำหรับลูกค้าที่มาเป็นหมู่คณะ เพื่อจัดงานพิเศษต่างๆ

ส่วนภายนอกทางร้านจัดโต๊ะไว้ให้แก่ลูกค้าที่ชื่นชอบความเป็นธรรมชาติของต้นไม้ใบหญ้า พร้อมกับยังได้สัมผัสกับความโปร่งโล่งสบายของสายลมอ่อนๆ ที่พัดมาในยามเย็นดั่งชื่อร้าน จึงทำให้ลูกค้าทั้งขาประจำ และขาจร แวะเวียนมาอุดหนุนกันอย่างแน่น โดยเปิดบริการตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. ปิดวันจันทร์

ท้ายนี้ คุณกุลพัทธ์ ฝากคำคมในเรื่องของอาหารกับมนุษย์ว่า หากพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับอาหารแล้วจะพบว่าอาหารไม่ได้อยู่เหนือธรรมชาติ แต่อาหารคือธรรมชาติที่ไม่ใช่สินค้า

“ดังนั้น จึงไม่ควรกำหนดต้นทุนกับราคาของอาหาร แต่ถ้าคุณมองอาหารเป็นความสัมพันธ์ของมนุษย์ก็ควรเคารพกับผู้ผลิตอาหารไม่ว่าจะเป็นพืช ผัก หรือสัตว์ ขณะเดียวกัน อย่ามองลำพังเพียงตัวคุณด้านเดียว แต่ควรมององค์รวมของวงจรห่วงโซ่อาหารทั้งหมด และหากคุณคิดได้เช่นนั้นแล้ว พ่อค้าคนกลาง คงไม่เกิดขึ้น เพราะทุกคนจะช่วยกันดูแลซึ่งกันและกัน และร้านอาหารยามเย็นตั้งมั่นที่จะเป็นแหล่งของจุดเริ่มต้นการสร้างสุขภาพชีวิตที่ดีต่อทุกท่าน”

สอบถามรายละเอียดเส้นทางความอร่อยแบบปลอดภัยต่อสุขภาพ ได้ที่ คุณกุลพัทธ์ โทรศัพท์ (084) 658-2699, (02) 496-8533 หรือไปส่องดูเมนูอาหารหลากหลายชนิด พร้อมกิจกรรมต่างๆ ได้ที่ fb : ร้านยามเย็น  ถนนอุทยาน…หวังว่าวันนี้เราคงพบกันที่ร้านอาหารยามเย็น!!