ในจำนวนอาหารต่างประเทศที่คนไทยนิยมทาน เชื่อว่าลำดับต้นๆ คือ อาหารญี่ปุ่น ให้ลองสังเกตตั้งแต่ร้านริมทาง ร้านค้าในซอย ศูนย์การค้า หรือร้านหรูสไตล์บุฟเฟ่ต์ที่แม้จะมีอาหารหลายเมนู แต่อย่างไรก็ตาม ต้องมีอาหารญี่ปุ่นเสิร์ฟ เมนูที่คนไทยคุ้นเคยกันดี อาทิ ปลาดิบ ซูชิ เทมปุระ ราเมน

NAGOMI (นาโงมิ) ร้านอาหารญี่ปุ่นสุดพรีเมี่ยม นำวัตถุดิบและเชฟกระทะเหล็กบินลัดฟ้ามาปรุงอาหารให้ทาน ชนิดว่าไม่ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปไกลก็ได้ทานอาหารสดๆ จากดินแดนซากุระ

คุณวรากร กติกาวงศ์ เจ้าของร้านนาโงมิ เล่าว่า ปัจจุบันทำหลายธุรกิจ อาทิ โรงงานผลิตชิ้นส่วนหุ่นยนต์ ผลิตรถบัสไฟฟ้า กระจกและฟิล์มติดรถยนต์ ลูกค้าและเพื่อนร่วมธุรกิจส่วนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่น ฉะนั้นเวลาพาคนเหล่านี้ไปสังสรรค์บ่อยครั้งต้องเดินทางจากแถวจังหวัดสมุทรปราการ เข้าไปใจกลางกรุงเทพฯ อย่าง ย่านทองหล่อ สุขุมวิท เลยมีความคิดอยากจะเปิดร้านอาหารเอง

นอกจากคุณวรากรจะใช้บริการร้านอาหารญี่ปุ่นในเมืองบ่อยแล้ว เขาบอกต่อว่า ในย่านจังหวัดสมุทรปราการ โดยเฉพาะละแวกหมู่บ้านนันทวัน ถนนศรีนครินทร์ ยังไม่มีร้านอาหารญี่ปุ่นที่เป็นแบบพรีเมี่ยม เลยเห็นลู่ทางลงทุนเปิดร้านอาหาร

“จำนวนบ้านในหมู่บ้านนันทวัน ถนนศรีนครินทร์ จังหวัดสมุทรปราการ มีกว่าพันหลังคาเรือน ซึ่งผู้ที่อยู่อาศัยเป็นกลุ่มคนกำลังซื้อสูง เลยมั่นใจว่าคนกลุ่มนี้จะยอมจ่าย แต่กว่าจะคัดสรรเชฟได้ใช้เวลานาน 3 ปี”

หลังจากที่คุณวรากรมีความคิดจะเปิดร้านอาหารญี่ปุ่น เขาใช้เวลาเลือกเชฟนาน 3 ปี กว่าจะเจอเชฟที่มีคุณสมบัติครบ นั่นคือ ติดอันดับ 1 ใน 2,000 คน ที่เป็นเชฟกระทะเหล็กที่ประเทศญี่ปุ่น  คว้ารางวัลด้านการจัดแต่งจานอาหารและรสชาติ เคยเป็นเชฟที่สถานทูตญี่ปุ่น และหัวหน้าเชฟครัวอาหารญี่ปุน่ที่การบินไทย

“ผมประทับใจเชฟหลายอย่าง แต่สิ่งที่ประทับใจมาก คือ เห็นเชฟปอกแตงกวาบนฝ่ามือ และทำกุ้งเทมปุระ ซึ่งเป็นเมนูที่เหมือนทำง่าย แต่จริงๆ ยากมาก เพราะกว่าจะทำให้กุ้งฟู กรอบ อร่อย เนื้อนุ่ม ซึ่งยากมาก”

หลังจากได้สเปกเชฟตามที่ต้องการ คุณวรากร ใช้เวลาจองตัวพ่อครัวคนนี้นาน 6 เดือน ให้เงินเดือนเชฟ 100,000  บาท ทั้งที่ยังไม่ต้องทำอะไร หลังจากนั้นก็ก่อสร้างร้าน เลือกที่หน้าหมู่บ้านนันทวัน ตกแต่งบรรยากาศเรียบ หรู แต่ทันสมัยเน้นใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้และหวายสาน มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น มีทางขึ้นสำหรับผู้พิการที่ใช้รถเข็น

ด้านเงินลงทุน ร้านนาโงมิ ราว 10 ล้านบาท จุดขายเป็นอาหารญี่ปุ่นที่นำเข้าวัตถุดิบจากญี่ปุ่น เกรดพรีเมี่ยม ชนิดว่าลูกค้าไม่ต้องบินไปญี่ปุ่น ก็สามารถทานวัตถุดิบ และเชฟญี่ปุ่นได้

ในส่วนของรูปแบบการทาน นอกจากจะมีเมนูให้ลือกแล้ว เจ้าของร้าน บอกว่า ลูกค้าสามารถเลือกทานแบบโอมากาเซะ หรือ “เชฟจัดให้” ซึ่งเชฟจะเป็นคนเลือกเมนูให้ตามงบประมาณของลูกค้า ข้อดี คือ เชฟจะปรุงอาหารจากวัตถุดิบที่ดีที่สุดที่มีอยู่ในวันนั้น คนทานไม่ต้องคิดว่าจะทานอะไร จะรู้สึกสนุกและถูกเซอร์ไพรส์ว่าเชฟจะเอาอะไรมาเสิร์ฟ

“วัตถุดิบทางร้านนำเข้า 100 เปอร์เซ็นต์ขนส่งทางเครื่องบิน เก็บมาในอุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส ซึ่งจะเท่ากับปลาที่อยู่ในทะเล เลือกรับจากแหล่งที่ขึ้นชื่อ ยกตัวอย่าง อูนิ หรือ ไข่หอยเม่น เลือกรับจากทะเลแถบรัสเซีย ส่วนเนื้อวากิวเลือกใช้เกรด A5 นำเข้าจากเกาะคิวชู หอยนางรม รับจากเมืองฮิโรชิมา”

 การที่คุณวรากรใช้วัตถุดิบทุกอย่างพรีเมี่ยม เขามั่นใจในกลุ่มลูกค้าว่ากำลังซื้อสูง ปัจจุบัน 40 เปอร์เซ็นต์เป็นลูกค้าในหมู่บ้าน อีก 60 เปอร์เซ็นต์เป็นลูกค้าทั่วไป

ด้านรายได้และระยะเวลาคืนทุน เจ้าของร้าน ระบุว่า ตั้งเป้าคืนทุน 2 ปี แผนธุรกิจภายในปีนี้จะทำเซตอาหารกลางวันเสิร์ฟใส่กล่องดีลิเวอรี่โรงงานอุตสาหกรรมที่มีคนญี่ปุ่นอยู่เยอะๆ เช่น ในย่านนิคมบางปู บางพลี เพราะเท่าที่สอบถามมา คนญี่ปุ่นที่ทำงานโรงงานอุตสาหกรรมแถวนี้หาอาหารกลางวันทานยาก