ทายาท “นีโอสุกี้” ปรับโฉมร้านใหม่ไฉไลกว่าเดิม บุกตลาดด้วยน้ำซุป บัคกุ๊ดเต๋ สูตรเด็ดจากสิงคโปร์ และน้ำจิ้ม 7 รสชาติเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร หวังเจาะลูกค้ากลุ่มวัยทำงานและครอบครัว จากธุรกิจในครัวเรือนเล็กๆ ที่มีเพียง 2 สาขา ปัจจุบันขยายได้ถึง 19 สาขา ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 330 ล้าน ปักธงอีก 5 ปี เข้าตลาดหลักทรัพย์

คุณณัฐพล กัปปิยจรรยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท นีโอ สุกี้ไทยเรสเทอ รองส์ จำกัด เท้าความว่า ย้อนกลับไปปี 42 ทางครอบครัวอยากมีธุรกิจอาหาร เลยซื้อแฟรนไชส์ร้านสุกี้ ชื่อว่า “อินเตอร์สุกี้” มาเปิดในปั๊มน้ำมันที่ถนนบางนาตราด กม.8 ปรากฏผ่านไปปีกว่าร้านเจ๊ง จากนั้นราวปี 51 เปิดร้านใหม่ คราวนี้ใช้ชื่อ “นีโอสุกี้” สร้างความต่างจากร้าน  สุกี้ทั่วไปด้วยน้ำซุปต้มยำ และน้ำจิ้มหลากหลายชนิด ไม่ใส่ผงชูรส กรรมวิธีทำยังคงเป็นโฮมเมด

“ปลายปี 2551 ทางนีโอสุกี้ ใช้สโลแกน นีโอสุกี้ สุกี้นานาชาติ อร่อยถูกใจกับน้ำจิ้มหลากหลาย รวบรวมสุกี้และความอร่อยทุกสไตล์ ไว้ในร้านเดียว น้ำจิ้มและอาหารได้รับมาตรฐาน องค์การอาหารและยา (อย.) , HALAL HACCP GMP , Q และ Thailand Brand”

ธุรกิจเดิมของครอบครัว “กัปปิยจรรยา” กระทั่งปัจจุบันก็ยังทำอยู่ คือ ขนส่งสินค้าประเภทอุปโภคบริโภค ครอบคลุมพื้นที่ภาคกลางไปถึงภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งคุณณัฐพล ลูกชายคนกลางถูกวางตัวให้ช่วยธุรกิจอาหาร

“หลังจบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ผมเข้ามาช่วยบริหารงานร้านสุกี้ที่เพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นาน ตอนนั้นนีโอสุกี้ เป็นเพียงแบรนด์เล็กๆ มี 2 สาขาอยู่ชานเมือง หลังจากนั้นไม่นานปรับใช้ระบบใหม่ คิดสูตรน้ำซุปและน้ำจิ้มใหม่ ซึ่งนีโอสุกี้เป็นร้านแรกที่มีน้ำซุปต้มยำ”

ย้อนไปตอนนั้นนีโอสุกี้เป็นองค์กรขนาดเล็กมีความคล่องตัว สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้ทันท่วงที ผู้บริหาร บอกว่า กล้านำเสนอความแปลกใหม่ให้ลูกค้า เน้นความเป็นโฮมเมด เพิ่มเมนู ยกตัวอย่าง น้ำซุปมี 4 อย่างให้เลือก อาทิ น้ำซุปต้มยำ น้ำซุปไก่ น้ำซุปชาบู และล่าสุดมีน้ำซุปบักกุ๊ดเต๋ ส่วนเนื้อสัตว์ต่างๆ ผัก ลูกชิ้น ฯลฯ ไม่ใช่แค่ซื้อจากตลาดแล้วนำมาเสิร์ฟ แต่ทว่าถูกปรุงให้มีเอกลักษณ์ และรสชาติเฉพาะตัว

สำหรับจุดเด่นของน้ำซุป ผู้บริหาร ระบุว่า ทางร้านจะเคี่ยวน้ำซุปที่ครัวกลางทุกวันอยู่แถวพระราม 3 วันละ 3 ชั่วโมง ไม่ใส่ผงชูรส และวัตถุกันเสีย จากนั้นจะกระจายไปตามสาขาต่างๆ ในปริมาณที่ใช้ต่อวัน จะไม่ใช้น้ำซุปผงเจือจางกับน้ำ เพราะจะไม่หอม ไม่อร่อย โดยเฉพาะน้ำซุปบักกุ๊ดเต๋ เป็นสูตรจากสิงคโปร์ รสชาติเผ็ด ร้อน ตามสไตล์คนไทย

นอกจากน้ำซุปที่แตกต่าง วัตถุดิบอื่นก็มีความพิเศษ เนื้อสัตว์หลายชนิดนำเข้า เช่น เนื้อหมูคุโรบุตะจากญี่ปุ่น เนื้อวัวจากออสเตเลีย ส่วนลูกชิ้นก็สั่งผลิตขึ้นเป็นสูตรของทางร้าน

เพื่อรองรับการแข่งขันในธุรกิจร้านสุกี้ชาบู ทางบริษัทได้รีแบรนด์ดิ้งครั้งใหญ่ในรอบ 18 ปี วัตถุประสงค์เพื่อปรับภาพลักษณ์และตราสินค้าใหม่ สร้างการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

“ผมทยอยปรับปรุงร้านทั้ง 19 สาขาให้เสร็จภายในปีนี้ งบลงทุนต่อสาขา 7- 9ล้านบาท รวมถึงออกแบบโลโก้ เพื่อให้มีความสากลมากขึ้น มีการคุมโทนสีให้ลูกค้าจดจำได้ หวังเจาะตลาดกลุ่มครอบครัว เพื่อน และคนทำงาน ที่มีระดับรายได้ A- และ B”

ด้านแผนการทำตลาด ทางผู้บริหารให้ความสำคัญกับการเปิดตัวเมนูอาหารใหม่ๆ ทุก3เดือน นอกจากนี้บริษัทยังเปิดตัวแบรนด์ใหม่ในชื่อ “ซุนวูบาร์บีคิว” รวมถึงร่วมทำโปรโมชั่นกับธนาคารและเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น

สำหรับรายได้ ในสิ้นปีนี้ คุณณัฐพล กล่าวว่า ตั้งเป้าไว้ที่ 330 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 12เปอร์เซ็นต์ เป็นผลมาจากบริษัทมีการบริหารจัดการระบบขนส่งที่ดีขึ้น ควบคุมระบบการจัดการผักทุกสาขา ช่วยให้ต้นทุนลดลง ไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง

ถามถึงการแข่งขันตลาดสุกี้ชาบู นีโอสุกี้มีจุดยืนว่าจะไม่ทำบุฟเฟต์เพราะรูปแบบบุฟเฟต์จะถูกควบคุมด้วยต้นทุน ทำให้ไม่สามารถพัฒนาเมนูใหม่ๆ และจะไม่เน้นขายแฟรนไชส์จะเน้นการเติบโตอย่างมั่นคง คือต้องโตทั้งยอดขายและเติบโตทางด้านบุคลากรควบคู่ไป