ไม่ธรรมดา! อาชีพแม่ค้าขายขนมจีน รายรับหลักหมื่น/คืน คนต่อคิวซื้อ ตักขายไม่ทัน

ขนมจีนน้ำยากะทิ น้ำยาป่า เราสามารถพบเห็นกันได้ทั่วไปตามท้องถนน หากินได้ง่าย คนในสังคมต่างก็รู้จักกันดีอยู่แล้ว ไม่ต้องมานั่งอธิบาย สืบสาวเรื่องราวให้มากความ เพราะคงไม่มีใครไม่รู้จัก!

แต่จะขายยังไง ให้ขายได้ ขายดี คนกินติดใจในรสชาติ และกลับมาซื้อบ่อยๆ  คงต้องขึ้นอยู่กับรสชาติของความอร่อยจากฝีมือแม่ค้าที่ทำขาย

คุณสุมนทิพย์ เย็นลำยอง ลูกสาวของ คุณแม่ทองสา เย็นลำยอง เจ้าของสูตรน้ำขนมจีนน้ำยา แม่นงค์ (เจ้าเก่า) เริ่มต้นเล่าเรื่องราวให้ฟังว่า “ขายขนมจีน นี่กลายเป็นธุรกิจครัวเรือนเลยนะ เพราะเราใช้คนในบ้านมาช่วยกันทำ ช่วยกันขาย แต่ก่อนที่จะมาขายตั้งร้านเปิดแผงขายขนมจีนที่นี่ บ้านเราเคยขายข้าวราดแกงมาก่อนแถวสนามหลวง ขายตามเวลาเขามีงาน แต่พอมีการจัดระเบียบ ก็โดนไล่ ก็เลยต้องหาที่ทำกินกันใหม่ โชคดีมาได้แผงข้างๆ พาต้า เลยได้มาตั้งร้านที่นี่มาประมาณ 1 ปีแล้ว

จากวันแรกที่ได้ทำเลแล้ว ก็มาคิดกันในครอบครัวว่าจะทำอะไรขาย จะขายข้าวแกง ก็มีคนเขาขายอยู่แล้ว จึงคุยกับแม่ว่า แม่ทำน้ำยากะทิ และน้ำยาป่า ได้นี่ เป็นสูตรที่เขาได้กินมาตั้งแต่เด็ก เมื่อครั้งอยู่ที่พิษณุโลก ที่สำคัญแถวนี้ยังไม่มีคนขายด้วย จึงทดลองขายกัน

เปิดแรกๆ มันก็ขายไม่ดีหรอก เพราะคนเขายังไม่เคยได้ชิมว่ามันมีรสชาติเป็นยังไง ทำเลมันดีก็จริง เพราะที่นี่คนพักเยอะ มีตั้งแต่นักเรียน นักศึกษา จนถึงคนทำงาน แต่สองเดือนแรกนี่ขายเรื่อยๆ ไม่ได้ดีอะไรเลย ก็ต้องลองดู แต่พอหลังจากนั้น ที่คนเขาเริ่มได้ลอง เขาก็กลับมาซื้ออีก จนเดียวนี้ คนมาซื้อขนมจีน กลายเป็นคนรู้จัก คุ้นเคยกันไปแล้ว”
ซึ่งคุณสุมนทิพย์ บอกว่า ตลาดที่นี่เขาเปิดให้ขายของได้ตอนประมาณ 5 โมงเย็น มีเวลาขายแค่ถึงประมาณ 23.00-24.00 น. เท่านั้น มีเวลาขายแค่ไม่กี่ชั่วโมง ฉะนั้นรสชาติของน้ำยากะทิ และน้ำยาป่าของที่ร้านจะต้องอร่อย โดนใจลูกค้า เขาถึงจะกลับมาซื้อกินอีกได้

โดยรสชาติของที่นี่จะเน้นรสจัด ทำเครื่องแกงเอง ปัจจุบันทำน้ำยากะทิ 2 หม้อ และน้ำยาป่า 2 หม้อใหญ่ ใช้ขนมจีนกว่า 40-45 กิโลกรัม ต้องเตรียมผักอย่าง แตงกวาและถั่วงอกในแต่ละคืน อย่างละกว่า 10 กิโลกรัม ขาไก่ และลูกชิ้น อย่างละ 12 กิโลกรัม แต่ขาไก่มักจะหมดในเวลาแค่ประมาณ สองชั่วโมง หลังจากที่ตั้งร้านขาย จุดเด่นของที่ร้านอาจจะเพราะว่าเราทำน้ำยากะทิ โดยใช้เนื้อปลาน้ำดอกไม้มาทำ และต้มน้ำโดยใช้หัวปลาอินทรีย์ ทำให้น้ำยากะทิมันหอมมีเอกลักษณ์ ส่วนน้ำยาป่า เน้นใช้ปลาทู เป็นรสชาติหลักนำ เพราะจะให้ความแซบนัวแบบอิสาน

ช่วงขายดี ลูกค้าแน่นร้าน ตักขายกันไม่ทัน ทั้งซื้อกลับบ้านเป็นถุง และกินอยู่ที่ร้าน จะอยู่ช่วงเวลา 17.30 -18.00 น. เพราะเป็นช่วงที่คนเลิกงานกลับบ้าน ซึ่งประจวบกับเริ่มตั้งร้านเข้าทีบ้างแล้ว เทน้ำยาลงหม้อปุบ ก็ขายกันแทบไม่ทันเลย พอหมดจากช่วงนี้ลูกค้าจะซา แต่ก็จะเยอะตลอดทั้งคืน โดยมากเวลาสักห้าทุ่มก็หมดแล้ว

“สำหรับรายได้ มองว่าค่อนข้างจะโอเคมากๆ เพราะเราขายขนมจีนได้คืนละ 12,000 บาท หักต้นทุนประมาณ 7,000 บาท ก็จัดได้ว่าเป็นรายรับที่ดีพอควรเลย ส่งเสียลูกเรียนหนังสือได้หมดครบทั้งสี่คน ก็ถือว่าพอใจ” คุณสุมนทิพย์ บอกด้วยความภาคภูมิใจในการประกอบอาชีพแม่ค้า

ทั้งยังบอกอีกว่า นอกจากร้านขนมจีนแล้ว ก็ยังทำร้านรถเข็นขายลูกชิ้นหมูปิ้งด้วย ทำควบคู่กันไป ด้วยเพราะว่า ก็มีทำเลอยู่แล้ว ซึ่งตั้งข้างๆ กันกับร้านขนมจีน เป็นการเพิ่มรายได้ให้คนในครอบครัวไปด้วย

ใครอยากจะแวะมาลองชิมที่ร้าน หรือผ่านมา แล้วแวะซื้อติดมือกับบ้านก็ได้ ที่ร้านขนมจีนแม่นงค์ (เจ้าเก่า) ข้างพาต้า ปิ่นเกล้า