“แบล็คฮิลล์” กาแฟจากที่ราบสูงชัยภูมิ

กาแฟ เป็นเครื่องดื่มที่ผู้คนทั่วโลกนิยมชมชอบกัน และเป็นที่รับรู้กันว่าแหล่งปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิก้าขึ้นชื่อของไทยนั้นอยู่ที่ภาคเหนือ ส่วนภาคใต้ปลูกกาแฟพันธุ์โรบัสต้า แต่เชื่อว่าคงมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ไม่รู้ว่าเวลานี้ภาคอีสานบ้านเราก็ปลูกกาแฟกันในหลายพื้นที่ อย่างแถววังน้ำเขียว นครราชสีมา ที่อุดรธานี และที่อำเภอบำเหน็จณรงค์ จังหวัดชัยภูมิ

ถึงตรงนี้หลายคนคงอยากรู้ที่มาที่ไปของกาแฟชัยภูมิ

หุ้นส่วนล้วนคนรุ่นใหม่

คุณอาลักษณ์ พุกกะณะสุต 1 ใน 4 ของหุ้นส่วนที่ทำธุรกิจกาแฟสำเร็จรูปทรีอินวัน ภายใต้แบรนด์ “แบล็คฮิลล์” ของชัยภูมิ เล่าว่า มีหุ้นส่วนทั้งหมด 4 คน คือ คุณสุธิดา นิติมงคลวาร อายุ 32 ปี จบปริญญาตรี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จบปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

คุณณรงค์ฤทธิ์ ปิงวัง อายุ 32 ปี จบปริญญาตรี สาขาวิชาการจัดการ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จบหลักสูตรด้านฟิตเนสอินสทรักเตอร์จาก Australian Institute of Applied Sciences (AIAS) คุณอภินันท์ นิติมงคลวาร อายุ 28 ปี จบปริญญาตรี คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และตัวเองที่จบวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยที่คุณอภินันท์และคุณสุธิดาเป็นคนชัยภูมิ

หากดูวัยและวุฒิการศึกษาจะเห็นว่าเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งสิ้น ฉะนั้น จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่ากาแฟสำเร็จรูป “แบล็คฮิลล์” ถึงได้ใช้กลยุทธ์การตลาดในหลากหลายช่องทาง

ก่อนอื่นมาฟังกันว่า กาแฟชัยภูมิ มีจุดเด่นอย่างไร ประเด็นนี้ คุณอาลักษณ์ แจกแจงว่า ด้วยความที่หุ้นส่วน 2 คน อยู่ในอำเภอบำเหน็จณรงค์ จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งต้องการพัฒนาสินค้าเกษตรให้มีมูลค่าเพิ่ม เพื่อให้ชุมชนในท้องถิ่นมีรายได้สูงขึ้น และมีการเติบโตที่ยั่งยืน ขณะที่มองเห็นโอกาสในธุรกิจกาแฟ ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง จึงได้ส่งเสริมให้เกษตรกรในชัยภูมิ ที่มีพื้นที่เพาะปลูกที่ระดับความสูง 850-1,000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล กาแฟสายพันธุ์ “อาราบิก้า คาติมอร์” พันธุ์ล่าสุด เจเนอเรชั่นที่ 7 ที่ให้ผลผลิตดี และมีรสชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

FullSizeRender (14)

ทั้งนี้ ได้มีการส่งเสริมแจกจ่ายพันธุ์กล้าที่เพาะกล้าเอง จากโรงเรือนเพาะกล้าในอำเภอบำเหน็จณรงค์ ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ปลูก และยังได้ตั้งโรงงานคั่วเมล็ดกาแฟ โดยนำเข้าเครื่องจักรทันสมัยจากต่างประเทศ และนำเมล็ดกาแฟสดจากหลายแหล่งมาคั่วเพื่อจำหน่าย เพื่อเป็นการต่อยอดและทำให้ผู้บริโภคโดยทั่วไปเข้าถึงสินค้าได้มากขึ้น จึงคิดค้นออกผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูป ทรีอินวัน ภายใต้แบรนด์ “แบล็คฮิลล์” เพื่อให้ลูกค้าสามารถดื่มกาแฟคุณภาพดีเทียบได้กับกาแฟสดได้สะดวกยิ่งขึ้นในทุกๆ ที่ และทุกเวลาที่ต้องการ

คุณอาลักษณ์ บอกว่า กลุ่มลูกค้าของ “แบล็คฮิลล์” ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ และผู้ที่มีไลฟ์สไตล์รักการเดินทางท่องเที่ยว เลือกดื่มเพราะความสะดวกสบาย และรสชาติที่ดีของผลิตภัณฑ์เป็นหลัก

 

ตั้งเป้า 2 ปี คืนทุน 1 ล้าน

เป็นที่ทราบกันดีว่า แม้ตลาดกาแฟในบ้านเราจะเป็นตลาดใหญ่แต่ก็มีคู่แข่งทั้งรายใหญ่และรายเล็ก “แบล็คฮิลล์” ในฐานะผู้ประกอบการรายใหม่ก็เจอปัญหาตรงที่ว่า เป็นสินค้าใหม่และเพิ่งเริ่มทำตลาด จึงทำให้การกระจายสินค้ายังครอบคลุมไม่ทั่วทุกกลุ่มเป้าหมายของผู้บริโภค แต่ทางบริษัทเองก็กำลังดำเนินการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งขายปลีกและขายส่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันก็มีช่องทางการขายหลายจุด อาทิ ในร้านขายของฝาก เช่น เจ้าสัว ศูนย์โอท็อปจังหวัดต่างๆ ร้านเจริญภัณฑ์เบเกอรี่ ฯลฯ ร้านค้าปลีก ร้านค้าส่ง โดยเน้นกระจายในภาคอีสานก่อน สามารถสั่งซื้อทางไปรษณีย์ไทย 100 สาขา นอกจากนี้ ยังมีช่องทางออนไลน์ด้วย

“ปัจจุบัน มูลค่าของตลาดกาแฟสำเร็จรูป ชนิดทรีอินวัน อยู่ที่ 15,000 ล้านบาท ด้วยอัตราการเติบโต 8 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี มีผู้เล่นรายใหญ่เป็นเจ้าตลาดและมีการแข่งขันค่อนข้างสูง แต่ทั้งนี้ ก็ยังมีช่องว่างทางการตลาดอยู่ เนื่องจากกาแฟสำเร็จรูปในไทยที่วางจำหน่ายส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์โรบัสต้า ขณะที่สายพันธุ์อาราบิก้าเป็นพรีเมี่ยมเกรดนั้นยังมีค่อนข้างน้อย จึงทำให้พวกเราหันมาโฟกัสและทำตลาดกับกาแฟสำเร็จรูปอาราบิก้าแทน ซึ่งหุ้นส่วนรวม 4 คน ใช้เงินลงทุนไปประมาณ 1 ล้านบาท คาดว่าภายใน 2 ปีจะคืนทุนทั้งหมด”

FullSizeRender (15)

คุณอาลักษณ์ ระบุด้วยว่า จุดแข็งของ “แบล็คฮิลล์” มีหลายปัจจัย อย่างเช่น มีแหล่งเพาะปลูกกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าเป็นของตนเอง สามารถผลิตกาแฟโดยใช้กรรมวิธีฟรีซดราย (การทำให้น้ำกาแฟกลายเป็นเกล็ดที่อุณหภูมิเย็นมากๆ) ซึ่งจะทำให้ได้รสชาติและกลิ่นที่หอมยิ่งขึ้น ในส่วนคุณภาพสินค้าได้มาตรฐาน ใช้วัตถุดิบที่ดีและมีคุณภาพ ผ่านขั้นตอนการควบคุมในการผลิตทั้งหมด นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์มีรูปลักษณ์สวยงาม ทันสมัย และสะดวกในการพกพา ที่สำคัญ ใช้ตัวการ์ตูนเป็นสื่อในการตลาด ทำให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น

“เราใช้กลยุทธ์ทางการตลาดภายใต้สโลแกน ‘แบล็คฮิลล์ เปิดประสบการณ์ใหม่’ พร้อมเน้นสื่อถึงกิจกรรมการท่องเที่ยวในที่ต่างๆ และสามารถดื่มกาแฟอร่อยๆ ได้ทุกที่ เหมือนมีบาริสต้าผู้เชี่ยวชาญการชงกาแฟไปชงให้ดื่มถึงที่ พร้อมกันนั้นยังออกงานต่างๆ ภายใต้สโลแกนที่ว่าผ่านการเล่าเรื่องจากประสบการณ์ในไร่กาแฟ สู่การแปรรูปอย่างพิถีพิถันมาสู่กาแฟถ้วยโปรดของลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้ลิ้มรสชาติเหมือนมีบาริสต้ามาชงให้เองกับมือ”

พูดถึงเรื่องราคา คุณอาลักษณ์ กล่าวว่า กาแฟสำเร็จรูปทั่วไปที่ขายในท้องตลาดที่เป็นโรบัสต้านั้น ราคาต่อหน่วยจะถูกกว่า แต่ถ้าเป็นกาแฟสำเร็จรูปในหมวดอาราบิก้าล้วนนั้น กาแฟแบล็คฮิลล์จะมีราคาต่อหน่วยที่ถูกกว่า โดยอยู่ที่ราวๆ 6.6 บาท ต่อซองย่อย ขณะที่กาแฟสำเร็จรูปอาราบิก้าล้วนแบรนด์อื่นจะอยู่ที่ราวๆ 7 บาท

กาแฟ

วางแผนลุยตลาดลาว-เวียดนาม

หุ้นส่วนของแบรนด์ “แบล็คฮิลล์” รายนี้ ให้ข้อมูลอีกว่า เมื่อลูกค้ารับรู้ว่าเป็นกาแฟอาราบิก้าจากภาคอีสานนั้น ลูกค้าส่วนใหญ่แสดงความสนใจและอยากจะทดลอง เนื่องจากเป็นแหล่งปลูกกาแฟใหม่และหลายๆ คนยังไม่รู้ว่ามีรสชาติและเอกลักษณ์เป็นอย่างไร พอได้ทดลองแล้วนั้น ส่วนมากจะชื่นชอบและบอกว่า กาแฟอาราบิก้าจากภาคอีสานนั้นมีรสชาติและกลิ่นหอมไม่ได้ด้อยไปกว่ากาแฟอาราบิก้าจากภาคเหนือเลย และยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวหาไม่ได้จากแหล่งปลูกอื่นๆ อีกด้วย

ปัจจุบันมีไร่กาแฟของสมาชิกในเครือข่ายอยู่ราว 100 ไร่ที่จังหวัดชัยภูมิ และจะขยายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยรอบ ใช้วิธีการส่งต้นกล้ากาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าที่เพาะเองให้กับชาวบ้านเพื่อปลูกในความสูงและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

คุณอาลักษณ์ เล่าถึงปัญหาอุปสรรคในการปลูกกาแฟที่ชัยภูมิว่า เจอเรื่องของภาวะน้ำแล้ง การควบคุมปริมาณปุ๋ย และปัจจัยต่างๆ แต่ก็ได้เชิญนักวิจัยทางการเกษตรขึ้นไปให้ความรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติกับชาวบ้าน ดูแลเรื่องระบบชลประทาน เพื่อให้น้ำอย่างทั่วถึงกับไร่กาแฟโดยเฉพาะหน้าแล้ง และเน้นใส่ปุ๋ยช่วงที่ต้นกาแฟใกล้ติดดอกเพื่อให้เกิดดอกที่สมบูรณ์ และหลังจากติดดอกแล้วก็คงบำรุงเพิ่มเพื่อให้ดอกกาแฟเปลี่ยนเป็นผลกาแฟสุกสีแดงที่สมบูรณ์ต่อไป ทุกวันนี้ถึงแม้ทางไร่จะไม่ใช่ออร์แกนิก 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ทุกๆ ส่วนผสมที่ใส่ลงไปในดินและต้นกาแฟนั้น ได้ทำการตรวจสอบและควบคุมอย่างละเอียดว่า ไม่มีสารเคมีหรือสารที่ก่อให้เกิดอันตรายต่างๆ อย่างแน่นอน

สำหรับแผนธุรกิจในอนาคต เขาอธิบายว่า มีแผนออกผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มคนรักสุขภาพคือ กาแฟพรีเมี่ยมฟรีซดรายผสมน้ำผึ้ง และกาแฟพรีเมี่ยมฟรีซดรายผสมนมสด รวมทั้งขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ในกลุ่ม CLMV ทั้งนี้ ได้เริ่มลุยตลาดเวียดนามและลาวแล้ว โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

กาแฟ44

เจ้าตัวแจกแจงสาเหตุที่ลุยตลาดลาวและเวียดนาม ทั้งที่ 2 ประเทศนี้ก็เป็นแหล่งปลูกกาแฟเยอะว่า ถึงแม้เวียดนามจะปลูกกาแฟเยอะแต่ส่วนใหญ่เป็นกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้าและกาแฟสำเร็จรูปก็มักจะผลิตจากกาแฟสายพันธุ์นั้น ขณะที่กาแฟสายพันธุ์ที่ดีกว่าในแง่รสชาติและกลิ่น ทั้งเอกลักษณ์แบบกาแฟสดอย่างอาราบิก้ายังมีอยู่น้อย ประกอบกับเทรนด์คนรุ่นใหม่หันมาดื่มกาแฟสดกันมากขึ้น ทางบริษัทจึงเห็นช่องและเข้าไปทำตลาดกาแฟสำเร็จรูปอาราบิก้าที่ได้เอกลักษณ์ใกล้เคียงกับกาแฟสด

ส่วนในประเทศลาวนั้น ตัวเลือกสำหรับกาแฟสำเร็จรูปอาราบิก้าก็ยังมีน้อยมากเช่นกัน อีกทั้งคนลาวเปิดรับสินค้านำเข้า เพราะเห็นว่าเป็นทางเลือกใหม่และสนใจลองสินค้าใหม่ๆ นอกเหนือจากการผูกขาดสินค้าจากรายใหญ่ในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งของคุณภาพจากประเทศไทย ทำให้ได้รับผลตอบรับดี และมีตัวแทนสนใจนำเข้าไปทำตลาดอย่างต่อเนื่อง

สนใจกาแฟอีสานแบรนด์ “แบล็คฮิลล์” เข้าไปดูข้อมูลได้ที่ www.blackhillsbeverage.com IG : Blackhillscoffee E-mail : [email protected] FB : Blackhills Coffee หรือสอบถามที่ โทรศัพท์ (085) 646-9153, (081) 174-0250