ลงเงินก้อนสุดท้าย เปิดร้านซาเล้ง ยำแซ่บซิ่ง ก่อนดังพลุแตก 10 นาที คิวหมด

ร้านอาหารไปต่อไม่ได้ กัดฟันลงเงินก้อนสุดท้าย เปิดร้านซาเล้ง “ยำแซ่บซิ่ง ชลบุรี” ดังพลุแตก 10 นาที คิวหมด 

ปัจจุบัน ร้านอาหารอร่อยๆ ผุดขึ้นมาให้ไปล่าท้าลองกันมากมาย ซึ่ง แซ่บซิ่ง ชลบุรี ร้านยำซาเล้งเล็กๆ ร้านนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งร้านที่แม้จะขายมาได้ 2 ปี ก็ยังฮอตฮิตไม่สร่างซา แต่กว่าจะมีวันนี้ได้ ก็เคยล้มจนแทบลุกไม่ไหวเลยทีเดียว

เจ๊ฝน เจ้าของร้าน เล่าให้ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ฟังว่า ก่อนที่จะมาเป็นร้านยำสุดแซ่บ อย่าง แซ่บซิ่ง อย่างทุกวันนี้ เธอเคยได้รับมรดกจากพ่อแม่เป็นกิจการร้านอาหารอีสานรูปแบบนั่งทาน ขายสารพัดเมนูทั้ง ยำ-ตำ-ปิ้ง เปลี่ยนชื่อร้านเป็น สวยสะบัดสาก พอทำร้านเข้าสู่ปีที่ 5 ก็เกิดโควิด ทำให้เจ๊ฝนถึงกับบอกว่า เป็นวิกฤตที่ หนักมาก สำหรับเธอ

“โควิดซีซั่นแรกก็โดนหนักเลยค่ะ ลูกน้องที่ช่วยงานก็ทยอยออกกัน ซึ่งเราไม่ได้ไล่นะ และมันเป็นช่วงที่ต้องลดค่าใช้จ่าย พอมีคนออกเราก็ลงมาทำเอง วิ่งเอง ส่งเอง ประมาณนี้ มันก็ประคองร้านมาแบบลุ่มๆ ดอนๆ เพราะทุกคนก็โดนกันหมดแหละ จนโควิดซีซั่น 3 เรากลับไปอยู่บ้านแฟน ก็มานั่งคิดนั่งปรึกษากันว่า ไม่ว่าจะเรื่องเมนูอาหารหรือทุกอย่างที่เราพอจะทำได้ เราทำเต็มที่แล้ว ทำดีที่สุดแล้ว ร้านมันก็ยังทำท่าจะไปต่อไม่ไหว จะทำยังไงกันดี”

(ซ้าย) คุณวัฒน์ และ (ขวา) เจ๊ฝน เจ้าของร้าน ยำแซ่บซิ่ง

“แต่ต้องบอกก่อนว่า ลูกค้าไม่ได้หายนะคะ 5 ปีที่ร้านสวยสะบัดสากเปิดมา เราได้ผลตอบรับดี มีลูกค้าประจำ แต่ด้วยเศรษฐกิจและโควิดที่มันเกิดขึ้น มันทำร้านเราไม่เดินหน้า ด้วยความที่ฝนกับแฟน เราก็รักสวยรักงามกันทั้งคู่ และเราก็เห็นว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เรายังสวยกันอยู่ หน้าสวย แต่งตัวสวยแบบจัดเต็ม แต่คนไม่มากินที่ร้าน ไม่เห็นความสวยของเรา งั้นเราแต่งตัวไปขายของโชว์ความสวยให้ลูกค้ากัน ก็เอาเงินทุนก้อนสุดท้ายที่มี มาลองปรับร้านเป็นแบบซาเล้ง คิดชื่อใหม่เป็น แซ่บซิ่ง”

“แต่จะขนเมนูทุกอย่างมาไว้ในซาเล้งเล็กๆ มันไม่ได้ ก็เลือกเมนูมา 1 เมนูที่เป็นเมนูเด็ด ก็คือ ยำ และทำให้มันมีเอกลักษณ์ จากเดิมที่ร้านนั่งกินของเราเคยมีเมนูยำ 3 ไข่ งั้นเราเพิ่มมากกว่า 3 ไข่ได้ไหม เอาวัตถุดิบคุณภาพ มาขายในราคาที่ทุกคนซื้อได้ คนที่มาจากไกลๆ ซื้อไปกินแล้วคุ้ม ซึ่งเมนูนี้มีคนมารีวิวเยอะ ทำให้มีกระแส ลูกค้าก็ให้การตอบรับกันดีค่ะ เคยถึงขนาดว่า เปิดร้านแค่ 10 นาที แจกคิวลูกค้าไปหมดแล้ว” เจ๊ฝน ว่าอย่างนั้น

โดยใน 1 วัน ร้านแซ่บซิ่งจะใช้วัตถุดิบในการทำยำเยอะมาก อาทิ ปูม้า ใช้วันละประมาณ 100 กิโลกรัม วัตถุดิบประเภทไข่ (ไข่แดงเค็ม ไข่หมึก ไข่แมงดา และไข่ปู) รวมๆ กันประมาณ 80 กิโลกรัม เป็นต้น สาเหตุที่ใช้เยอะขนาดนี้ เจ๊ฝน บอกว่า เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าที่มาจากที่ไกลๆ แล้วฝากกันสั่งซื้อมานั่นเอง

“ปกติที่ร้านเราขายไซซ์บิ๊กเบิ้มแบบนี้อยู่แล้วค่ะ ซึ่งจะเป็นเมนู ยำยกรถ ราคา 400 บาท เรียกว่าเป็นซิกเนเจอร์ของที่ร้านเลยที่ขายดีมากๆ เพราะจะมีวัตถุดิบจัดเต็มแบบจุกๆ อย่าง ปูม้า กุ้ง หอยแครง แซลมอน ไข่ปู ไข่ปลาหมีก ไข่แดงเค็ม และไข่แมงดา สามารถเลือกทานกับน้ำยำที่มีให้เลือกทั้งน้ำยาปลาร้า และน้ำยำธรรมดา ถ้าลูกค้าเลือกกินวัตถุดิบ 1 อย่าง อย่างเช่น ยำปูม้า ราคามันก็จะสตาร์ตที่ 100 บาทแล้ว วัตถุดิบ 2 อย่าง ก็ 200 บาท ซึ่งมันก็ครึ่งราคาของยำยกรถแล้ว ลูกค้าเขาก็ตัดสินใจได้เลย สั่ง 1 กล่องจบ ถ้าไม่ทานอะไรก็บอกได้จะปรับให้”

คุณวัฒน์ หนึ่งในเจ้าของร้าน

“นอกจากนั้นก็มีเมนูอื่นๆ ที่ราคาลดหลั่นกันไป เช่น ยำไข่รวม อันนี้ก็จะราคา 200 บาท มีไข่ปู ไข่ปลาหมึก ไข่แมงดา และไข่แดงเค็ม ยำแซลมอน ราคา 150 บาท ยำปูม้า, ยำกุ้งสด และยำหอยแครง จะราคา 100 บาท และกุ้งแช่น้ำปลา ก็จะอยู่ที่ 120 บาท วัตถุดิบแพงขึ้นเราก็พยายามตรึงราคาให้อยู่ประมาณนี้ กำไรมันก็ได้เหมือนเดิม แต่ได้น้อยลง อย่าง เมื่อก่อนได้กำไรกล่องละ 5 บาท ก็เหลือกล่องละ 1-2 บาท เราก็มาใช้วิธีขายให้ได้จำนวนเยอะขึ้น เพราะจะขายแค่ยำยกรถที่ราคา 400 บาท มันไม่ได้อยู่แล้ว ซึ่งเราก็เข้าใจลูกค้าที่เขาอยากทาน แต่ราคาอาจจะไม่ตอบโจทย์เขา เลยพยายามทำให้ตอบโจทย์ทุกกลุ่ม และตรึงราคาเอาไว้ ให้เราแบกรับต้นทุนเอง เพราะของมันคงไม่ได้แพงไปตลอดหรอก เราคิดกันประมาณนั้น”

“ถามว่าขายได้วันเท่าไหร่ มันบอกยาก เพราะเราจะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ ต้นทุนต่อวันประมาณหลักแสน ก็จะได้กำไรประมาณ 30% แต่ตอนนี้ก็เหลือ 15% ทำไมร้านยำเจ๊ฝน แซ่บซิ่ง ถึงครองใจลูกค้า มีคนมารับหิ้วไปขายต่อ โดยส่วนตัวคิดว่าอาจเป็นเพราะเอกลักษณ์ รสชาติอร่อย ของสด แม่ค้าแต่งตัวสวย สองคือ ราคาที่จับต้องได้และเข้าถึงง่าย สามคือ ด้านการบริการ ฝนพูดได้เลยว่า เราเป็นร้านที่ ในยุคแรกๆ ที่เริ่มขาย โดนคอมเมนต์ติเยอะมาก แต่เป็นการที่ลูกค้าเขาติเพื่อก่อนะคะ เราก็เอากลับมาปรับปรุงต่อ จนเป็นรูปเป็นร่างอย่างทุกวันนี้ ก็ต้องขอบคุณลูกค้าทุกคนมากๆ ที่อุดหนุนติชมให้กิจการมันเดินต่อมาได้ขนาดนี้” เจ๊ฝน ว่า

เจ๊ฝน หนึ่งในเจ้าของร้าน

ปัจจุบัน นับๆ รวมแล้วเป็นเวลากว่า 8 ปี ที่เจ๊ฝนยึดอาชีพค้าขาย รวมถึงเป็นเจ้าของ ยำแซ่บซิ่ง ร้านดังใน TikTok ที่ใครมากินก็ต้องถ่ายอวดถ่ายรีวิว เจ้าของร้านสุดแซ่บเผยต่อว่า ในช่วงที่ทำร้านผ่านมาทั้งรูปแบบการนั่งทานที่ร้าน กับรูปแบบขายห่อกลับบ้าน ทั้ง 2 รูปแบบนี้มีความต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เพราะในรูปแบบร้านนั่งทาน แน่นอนว่ามีค่าใช้จ่ายที่เยอะกว่า

ทั้งค่าที่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่านั่นค่านี่อีกจิปาถะ แต่เมื่อมาทำเป็นแบบรถซาเล้ง ขับมาจอดขายตามตลาด ต้นทุนดังกล่าวก็ลดลงไป รวมถึงมีการชำระภาษีนิติบุคคลอย่างต่อเนื่อง ทำให้กิจการมันขับเคลื่อนไปข้างหน้าและมีเงินเก็บมากกว่า สามารถนำเงินไปลงในเรื่องของวัตถุดิบให้มีคุณภาพมากขึ้น สดมากขึ้น เยอะขึ้นเพื่อให้เพียงพอในการขาย

“นอกจากขายตรงตลาดตรงนี้แล้ว เราก็มีทำแซ่บซิ่งออนทัวร์ด้วย จากปกติที่ วันจันทร์ถึงพฤหัส เราจะแบ่งคิวให้ลูกค้าที่มารับหิ้วไปขายต่อได้สั่งสินค้าเรา จะได้ไม่ไปปนกับลูกค้าขาจรที่เขาอยากมาเจอมาคุยกับเราในวันศุกร์ถึงอาทิตย์ เราก็จะเหลือประจำการที่ชลบุรีวันเดียวคือวันอาทิตย์ แล้วก็ปรับไปออนทัวร์ โดยนำร่องในเขตแหล่งท่องเที่ยวชลบุรี ปริมณฑล แล้วก็ที่ กทม. ซึ่งก็จะแจ้งให้ลูกค้าที่อยากมาเจอเราในเพจ ว่าเราจะไปที่ไหน ผลตอบรับก็โอเคเลย”

แซ่บซิ่ง ตอนไปออกอีเวนต์

“มันก็ทำให้เราคิดเรื่องการเปิดสาขาเพิ่มนะ และเคยถามลูกค้าแล้วว่า ถ้าเกิดมีสาขา แต่ฝนไม่ได้ประจำการอยู่ที่สาขานั้น คุณลูกค้าจะเข้าสาขาไหม ปรากฏว่า ลูกค้าแทบพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากมาหา มาคุยกับเรา การออนทัวร์เลยตอบโจทย์ทำให้เราได้ออกนอกพื้นที่ ได้เจอลูกค้าน่ารักๆ ด้วยตัวเราเอง ก็เป็นเรื่องที่ทำให้เราได้ข้อมูลได้ประสบการณ์และให้ผู้ประกอบการท่านอื่นๆ ได้คิดว่า ถ้าจะขยายสาขาหรือทำแฟรนไชส์ เราควรดูแลลูกค้าด้วยตัวเอง อันนี้ดีที่สุด” เจ๊ฝน ว่าอย่างนั้น

นอกจากนั้น เจ๊ฝน ยังกล่าวว่า ในอนาคต อาจจะมีเพิ่มเมนูอื่นๆ เข้ามาเป็นทางเลือกให้ลูกค้ามากขึ้น อย่างเช่น เมนูทะเลดอง และของทอด อย่าง หมูสามชั้นทอดน้ำปลา หรือปีกไก่ทอดน้ำปลา เพราะมีสูตรเด็ดจากคุณแม่ที่เจ๊ฝนได้รับการถ่ายทอดมา ซึ่งเป็นเมนูที่สามารถทานคู่กับยำได้ แต่ต้องดูตลาดและความต้องการของลูกค้าก่อนว่าต้องการแบบไหน

“การจะทำธุรกิจ ฝนคิดว่าเราอย่าละทิ้งความเป็นตัวเอง ให้ชัดเจนกับคาแร็กเตอร์ตัวเองว่าเป็นแบบไหน ไม่จำเป็นต้องเดินตามรอยเท้าคนอื่น เลี่ยงออกไปนิดหน่อยเสมอได้ไม่ว่ากัน ธุรกิจมันมีความเหมือนและต่างกันอยู่แล้ว ทำในแบบของเราแล้วดันให้เป็นจุดเด่น อย่างฝนเป็น LGBTQ+ ชอบแต่งตัวสวยๆ ก็แต่งมาเลย ถามว่าร้อนไหม มันก็ร้อน แต่มันเป็นความสุขของเรา คนอื่นเขาก็ชอบเหมือนกันที่แม่ค้าแต่งตัวสวยๆ แบบนี้ และก็รับฟังเยอะๆ อะไรดีหรือติชมเพื่อก่อ ก็รับมาพัฒนา อะไรแย่ๆ ก็ทิ้งมันไป เน้นฟังเพื่อนำมาปรับปรุง แค่นั้นเลย อย่าไปสนใจข้างนอก สนใจแค่ตัวเอง แล้วมันจะทำได้ดีเอง” เจ๊ฝน ทิ้งท้ายอย่างนั้น

หากใครสนใจอยากไปพูดคุยหรือลองทานยำแซ่บๆ ของร้านเจ๊ฝน ร้านเปิดทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 15.30-20.00 น. โดยประมาณ (เริ่มแจกบัตรคิวตั้งแต่ 15.30 น.) ตั้งอยู่ที่ ลานตลาดนัดบางทราย หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก แซ่บซิ่ง ชลบุรี