จากชาวนาครอบครัวยากจน สู่เจ้าของ น้ำพริกป้าแว่น รายได้เดือนละหลักสิบล้าน!

จากชาวนาครอบครัวยากจน ผู้ไม่ท้อ สู่เจ้าของธุรกิจ น้ำพริกป้าแว่น รายได้เดือนละหลักสิบล้าน

แข่งเรือแข่งพายแข่งกันได้ แข่งบุญแข่งวาสนาแข่งไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคที่จะทำให้ เจ้าของ น้ำพริกป้าแว่น หรือ คุณบังอร วันน้อย วัย 67 ปี ย่อท้อต่อการลืมตาอ้าปากในอดีต จนปัจจุบัน น้ำพริกที่เป็นสินค้าของเธอได้กลายเป็นสินค้าขายดีในเซเว่นฯ ทั่วประเทศ!

ป้าแว่น-บังอร วันน้อย เจ้าของน้ำพริกป้าแว่น เจ้าดัง

ป้าแว่น เล่าให้ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ฟังว่า แต่เดิมเธอเป็นพี่คนโต ที่เกิดในครอบครัวชาวนายากจน และมีน้องหลายคนให้ต้องช่วยพ่อแม่ดูแล ป้าแว่นช่วยครอบครัวทำนาหาเลี้ยงชีพมาตั้งแต่ยังเด็ก แต่ก็ไม่พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง จึงปลูกผักไปขายหาเงินมาจุนเจือ

“จริงๆ ป้าอยากเป็นครูนะ แต่บ้านจน จบแค่ ป.4 มาช่วยพ่อแม่ทำนา ผักเอย ข้าวเอย ป้าปลูกขายมาหมดแล้ว เรียกว่าเป็นเกษตรกรเต็มตัวเลยก็ว่าได้ พอทำนาเสร็จก็เก็บผักไปขาย แล้วก็มาเห็นว่า ผักบุ้ง เก็บไปขาย 1 กิโลกรัม ได้ 6 สลึงเองสมัยนั้น แต่ถ้าไปซื้อกิน ราคามันตั้ง 5 บาท มันก็แพงนะ แต่เราทำอะไรไม่ได้ ชีวิตวนเวียนอยู่อย่างนั้น แต่งงานมีลูกก็ปากกัดตีนถีบยิ่งกว่าเก่า ชีวิตมันมีจุดพลิกมากมาย จุดเปลี่ยนอีกจุดคือป้ามีลูก 3 คน แล้วจะเข้าโรงเรียนกันทั้ง 3 คนพร้อมกัน แต่ป้าไม่มีเงินพอขนาดนั้น ก็กัดฟันขายผักขายข้าวไป”

“แต่เงินมันน้อย และลูกต้องใช้เงินทุกวันเพราะเขาไปเรียน ทีนี้จะทำยังไงล่ะ ปลูกผักมาขายแบบนี้ไปเรื่อยๆ กว่าผักจะออกก็รอนาน กว่าจะได้เงิน ไม่ใช่แค่อาทิตย์สองอาทิตย์แล้วเก็บมาขายได้ ตอนแรกไปสมัครงานโรงงานทองเหลือง แต่สิ้นเดือนเงินเดือนถึงจะออก แต่ป้าอยากได้เงินทุกวัน จะได้ให้ลูกไปโรงเรียน ทีนี้ เพื่อนรุ่นน้องในโรงงาน เขาแนะนำให้ป้าไปค้าขายดีกว่า เพราะป้าก็ทำน้ำพริกไปกินทุกวัน พวกเขาก็มีโอกาสได้ชิมบ้าง เขาบอกว่ามันอร่อย ทำขายเลย”

“ป้าก็มานั่งคิดนะว่าจะขายดีไหม หรือขายอะไรดี ด้วยความที่เป็นลูกคนโตต้องหุงหาข้าวให้ที่บ้านประจำ เลยมีวิชาทำอาหารติดตัว ป้าไม่ได้คิดจะขายน้ำพริกหรอก แต่มันไม่มีตัวเลือก เลยมาตำน้ำพริกขายในตลาด ตำเองด้วยมือทุกครก พริก กะปิ ก็ย่างเองทำเอง ตำทีเสียงดังลั่น กลิ่นก็หอมเรียกคนเลยแหละ ก็ทำเป็นน้ำพริกกะปิ พริกแกง กับพวกมะพร้าวขูด ขายวันแรกนะ ได้เงิน 300 กว่าบาท มันเยอะมากในสมัยนั้น” ป้าแว่น เล่า

หลังจากที่ขายในตลาดนาน กระทั่งปี 2540 ป้าแว่นจึงตัดสินใจทำน้ำพริกขายเลี้ยงชีพอย่างจริงจัง และตัดสินใจขยายกิจการให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม โดยการหยิบยืมเงินทุนจากคนสนิทรอบตัวที่พอช่วยเหลือได้ มาเซ้งร้านห้องแถวเล็กๆ เปิดร้านขายน้ำพริก

“พอขายไปเรื่อยๆ รายได้มันก็เปลี่ยน เป็นวันละ 2,000 กว่า แต่ป้าทำคนเดียว มันก็เหนื่อย ไหนจะต้องเลี้ยงลูกอีก ก็เลยให้แฟนไปขาย ส่วนป้าก็มานั่งตำน้ำพริกไปเลี้ยงลูกไป จนวันหนึ่ง ทางตำบลเขามาเห็น เขาก็ผลักดันให้ป้าไปเข้า OTOP แต่ป้าไม่เอา เพราะไม่มีเงินเยอะพอจะไปลงตรงนั้น เขาก็ตื๊ออยู่นาน หลายรอบเข้า ป้าก็เลยบอกให้เขาว่า ถ้าจะให้เข้า คุณก็ไปจัดการให้ฉันสิ ก็เลยได้จัดตั้งเป็นกลุ่มอาชีพก่อน จากนั้น 2 ปี ก็มีการคัดสรรของดีประจำตำบล น้ำพริกป้าก็ได้เป็นสินค้า 5 ดาว คนแรกเลยในชลบุรี ทีนี้แหละ ก็ดังเป็นพลุแตก ก็ได้สินค้า 5 ดาวมาติดกัน 3 สมัยเลยนี่แหละ” ป้าแว่น เล่าให้ฟังอย่างเมามัน

หลังจากที่ดังเป็นพลุแตก ก็เป็นช่องทางให้ น้ำพริกป้าแว่น ได้เติบโตอีกขั้น ถึงขนาดเคยเข้าไปวางขายในสยามพารากอนมาแล้ว โดยมีน้ำพริกแจ้งเกิดอย่าง กุ้งเสียบตำสด ต่อมาจึงได้เข้ามาวางขายในร้านสะดวกซื้อ เซเว่น อีเลฟเว่น ยิ่งทำให้น้ำพริกป้าแว่นกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นไปอีก

“วันหนึ่ง ป้าก็มีโอกาสเข้าไปขายในร้านเซเว่นฯ มีทีมงานของเซเว่นฯ คอยให้ความรู้เรื่องมาตรฐานต่างๆ เขาก็ให้ป้าทำให้สินค้ามันมีมาตรฐานมากขึ้น ก็เลยเริ่มจากพัฒนาโรงงาน รวมไปถึงเรื่องคุณภาพสินค้า มาดูแลให้คำแนะนำทุกๆ 3 เดือน ป้าใช้เวลาค่อนข้างนานเพราะไม่มีเงินทุน เซเว่นฯ ก็ให้ความช่วยเหลือตลอด ใช้เวลาทั้งหมด 2 ปี กับ 3 เดือน ในปี 2555 จึงได้เข้าไปขาย เริ่มจากการนำน้ำพริกแห้งเข้ามาวางขาย เช่น น้ำพริกตาแดง น้ำพริกนรกกุ้ง น้ำพริกลงเรือ น้ำพริกทะเล และน้ำพริกเห็ดหอมเจ”

“และตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา ได้เริ่มนำน้ำพริกสดเข้ามาขายในตู้แช่เย็นเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวของประเทศไทย โดยเริ่มจากน้ำพริกเจขายในช่วงเทศกาลกินเจ ตามมาด้วยน้ำพริกกะปิ น้ำพริกปลาทู น้ำพริกปลาร้า และล่าสุด น้ำพริกปลาดุกฟู ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างรายได้มากมายให้กับธุรกิจน้ำพริก แล้วก็พัฒนาต่อยอดให้มีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ป้าลองผิดลองถูกมาเยอะ เอาวัตถุดิบต่างๆ มาสร้างสรรค์น้ำพริกให้มีความแตกต่างและคงความเป็นเอกลักษณ์” ป้าแว่น ว่าอย่างนั้น

น้ำพริกป้าแว่นมีหลากหลายกว่าหลักร้อยเมนู ซึ่งตัวที่สร้างชื่อและขายดิบขายดีเป็นดาวค้างฟ้า ก็หนีไม่พ้น น้ำพริกกะปิ น้ำพริกปลาทู น้ำพริกลงเรือ น้ำพริกตาแดง น้ำพริกปลาสลิด เป็นต้น ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้ป้าแว่นได้กว่า 9 ล้านบาทต่อเดือน!

“ป้าพูดเลยนะว่า ป้าสู้ชีวิตมาก เตี่ยกับแม่ ให้แต่ชีวิตมา แต่ป้ามาสร้างตัวเองจนมีทุกอย่างในวันนี้ ทั้งที่ดิน โรงงาน มาจากน้ำพักน้ำแรงของป้า กัดฟันสู้เองทั้งหมด”

สนใจสั่งซื้อ สอบถามได้ที่ เฟซบุ๊ก น้ำพริกป้าแว่น By ป้าแว่น

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ.2565