ต่อยอด ขนมไทยรสมือแม่ ใส่แก้วชานม พร้อมทาน สร้างยอดขายปัง 300 แก้วต่อวัน

ต่อยอด ขนมไทยรสมือแม่ ใส่แก้วชานม พร้อมทาน สร้างยอดขายปัง 300 แก้วต่อวัน

พูดถึง “ขนมไทย” มีหลายร้านอร่อยให้เลือกตามใจชอบ แต่สำหรับบางคน ไม่ต้องไปร้านไหนให้ไกลตัว เพราะรสมือแม่นี่แหละ อร่อยที่สุด…จากความทรงจำในวัยเด็ก และความคิดถึง ทำให้ คุณนาย-ยุวลักษณ์ พูลเสถียร อายุ 33 ปี นำขนมไทยสูตรเด็ด 25 ปีของแม่ มาต่อยอดสู่ “ร้านวลักษณ์ ขนมไทย” เน้นสูตรโบราณ ใช้วัตถุดิบชั้นดี พร้อมสร้างไอเดียใหม่ ใส่แก้วชานมไข่มุก สร้างยอดขายสุดปังวันละ 300 แก้ว

คุณนาย เล่าให้ฟัง คุณแม่ยึดอาชีพขายขนมไทยรถเข็นในต่างจังหวัด ซึ่งขายดีมาก ไม่เกิน 2 ชั่วโมงหมดเกลี้ยง แต่หลังจากท่านขึ้นมาทำธุรกิจในกรุงเทพฯ เปิดร้านข้าวเหนียวมะม่วงเจ๊เตียง จึงไม่มีโอกาสได้ทานขนมรสมือแม่อีกเลย กระทั่งวันหนึ่งได้ร้องขอให้คุณแม่ทำขนมไทยให้ทานอีกครั้ง เพราะทนความคิดถึงไม่ไหว

“แม่ทำให้ชิม 2-3 เมนู รสชาติยังอร่อยเหมือนเดิม ขนมแม่เราเริ่ดที่สุด หาซื้อที่ไหนไม่ได้ นั่งคุยกันเล่นๆ กับคนในครอบครัว เดี๋ยวนี้แก้วชานมไข่มุกมีไซซ์เล็ก ถ้าทำขนมไทยใส่แก้ว ต้องดีมากแน่ๆ ขนส่งสะดวกเพราะซีลฝาปิด แกะทานง่าย ไม่เป็นภาระลูกค้า” คุณนาย เล่าจุดเริ่มต้นไอเดีย

ประจวบเหมาะไม่ใช่หน้าข้าวเหนียวมะม่วง จึงพอมีเวลาให้คุณแม่ช่วยสอนสูตรขนมไทย โดยคุณนายและแฟนช่วยกันตั้งใจเรียน ร้านวลักษณ์ ขนมไทย จึงเริ่มต้นขึ้น และเริ่มได้เร็ว เพราะมีพื้นฐานจากธุรกิจร้านข้าวเหนียวมะม่วงมาก่อนแล้ว

ถึงปัจจุบันผ่านเวลามา 1 ปี คุณนายยังทำขนมขายครบทุกเมนู ไม่ว่าจะเป็น กล้วยบวชชี, บวดฟักทอง, บวดข้าวโพด, บวดเผือก, บวดมันม่วง, ครองแครงกะทิสดงาคั่ว, สาคูกะทิสดข้าวโพด, สาคูถั่วดำ, สาคูบวดข้าวโพด, ข้าวเหนียวถั่วดำ, ข้าวเหนียวดำเผือกกะทิสด, เต้าส่วนกะทิสด, ถั่วเขียวต้มน้ำตาล, ข้าวเหนียวเปียกลำไย, มันเชื่อม, เผือกเชื่อม, กล้วยไข่เชื่อม, ซ่าหริ่มมะพร้าวอ่อน, ทับทิมกรอบมะพร้าวอ่อน และอีกหลายอย่าง

“ร้านเรามีหลายเมนูให้เลือก แต่ถ้าเลือกไม่ถูก ขอแนะนำเมนูขายดี อย่างกล้วยบวชชี บวดฟักทอง ข้าวเหนียวถั่วดำ และข้าวเหนียวเปียกลำไย เมนูนี้เพิ่มเข้ามาใหม่ กระแสตอบรับดีเกินคาด” คุณนาย กล่าวเสริม

ก่อนบอกต่อถึง จุดเด่นของร้าน คือไม่ใช้กะทิสำเร็จรูป แต่ใช้กะทิคั้นสดใหม่จากตลาด ทำให้ขนมมีรสชาติเข้มข้น หอมกะทิมากกว่าปกติ และพิเศษกว่าใครคือนำหัวกะทิมาต้มใส่เกลือนิดหน่อย ให้ลูกค้าไว้ราดบนขนม หากต้องการเพิ่มความมัน หรือลดความหวานของขนม ซึ่งไม่ได้ทำหวานมากอยู่แล้ว

ส่วนวัตถุดิบต่างๆ คุณนาย บอกว่า เลือกซื้อจากตลาดจากร้านคุณภาพดีที่คัดเลือกแล้ว โดยได้แฟนหนุ่มลงพื้นที่เลือกซื้อเองกับมือทุกเช้า

“แม่สอนมาแบบไหน เราเลือกแบบนั้น เช่น กล้วยต้องสุกห่ามกำลังดี นำมาทำกล้วยบวชชีจะได้เนื้อหนึบ อร่อยมาก เผือกต้องแก่หัวใหญ่ หัวเล็กไม่อร่อยเท่า ฟักทองต้องเนื้อเหลือง หรือ ข้าว ใช้ข้าวเหนียวเขี้ยวงูแบบเดียวกับร้านข้าวเหนียวมะม่วง จะได้กลิ่นหอมมากกว่าข้าวเหนียวพันธุ์อื่น มั่นใจได้เลยว่าวัตถุดิบของเราได้คุณภาพ ไม่ใช่ว่าสั่งแล้วให้ร้านส่งมา” คุณนาย ย้ำชัดถึงคุณภาพ

ในแต่ละวัน คุณนาย แฟน และลูกน้อง 1 คน จะช่วยกันทำขนม ทุกอย่างมีสเต็ปในการทำ แบ่งหน้าที่กันชัดเจน ตามสูตรขนมที่แม่สอนไว้ ไม่ข้ามงานกัน แม้คนน้อยก็ทำขนมเสร็จไวใน 2-3 ชั่วโมง และทำสดใหม่ทุกวัน

“ตอนแรกแฟนไม่มั่นใจ กลัวไม่อร่อย เราก็เพิ่มความมั่นใจให้เขา ถ้าทำตามสูตรของแม่ ยังไงก็เป๊ะ บวกกับวัตถุดิบที่เราเลือกมาอย่างดี ทำแล้วออกมาอร่อยแน่นอน” คุณนาย เล่าให้ฟัง

นอกจากวัตถุดิบแล้ว ในส่วนของแพ็กเกจจิ้ง อย่างที่บอก คุณนายเพิ่มไอเดียใหม่ ใส่แก้วชานมไข่มุก 12 ออนซ์ ดังนั้น ต้นทุนแพ็กเกจจิ้งจึงสูงกว่าถุงพลาสติกมัดยาง ชุดละประมาณ 3-4 บาท แต่ถ้ามองถึงความคุ้มค่า ราคานี้ไม่แพง เพราะลูกค้าทานสะดวก ขนส่งง่าย ได้รับเสียงชมไม่ขาดปาก ทั้งหมดนี้ทำให้ลูกค้าพร้อมจ่ายในราคาแก้วละ 35 บาท

“ขนมหวานพวกนี้ตอนแม่ขาย ไม่เคยมีใครมาซื้อครั้งละถุงสองถุง เขามาซื้อทีไม่ต่ำกว่า 4-5 ถุง ตอนแม่เล่าให้ฟังยังนึกภาพไม่ออก พอขายเองถึงเข้าใจ ลูกค้าซื้อคนละหลายแก้ว เพราะอยากกินหลายอย่าง ออร์เดอร์ต่อบิลไม่ต่ำกว่า 3 แก้ว” คุณนาย คอนเฟิร์ม

ช่องทางการจำหน่าย เปิดหน้าร้านที่เดียวกับร้านข้าวเหนียวมะม่วงเจ๊เตียง, แอพฟู้ดดีลิเวอรี่ แกร็บ ไลน์แมน โรบินฮู้ด ช้อปปี้ฟู้ด, เพจเฟซบุ๊ก วลักษณ์ ขนมไทย WALAK THAIDESSERT, ไลน์ @WALAK โดยได้ยอดขายจากแอพฟู้ดดีลิเวอรี่มากที่สุด ประมาณ 200-300 แก้วต่อวัน

อย่างไรก็ตาม คุณนาย เผยว่า ยังจัดส่งเฉพาะกรุงเทพฯ เท่านั้น ด้วยขนมไทยของร้านใช้กะทิสด ทำให้อายุการเก็บรักษาสั้น จึงไม่สามารถจัดส่งในต่างจังหวัดได้ แต่ถ้าซื้อแล้วเอาเข้าตู้เย็น สามารถอยู่ได้หลายวัน

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ.2565