“เต็กกอ” ร้านก๋วยเตี๋ยว…มีสไตล์

 

          เอ่ยชื่อ “สุพัฒน์ ธีรภาพสกุลวงศ์” พื้นเพเป็นชาวนครปฐม ทำอาชีพลูกชิ้นหมูขายมานานกว่า 40 ปี เชื่อว่าคนไทยกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ คงไม่รู้จักว่าเขาเป็นใครหรือมาจากไหน

แต่หากบอก บุคคลดังว่านั้นคือ“เต็กกอ” เจ้าของฉายา “ขุนแผนนครปฐม”

หลายคนคงร้องอ๋อ!และอาจบอกต่อได้ด้วยซ้ำว่า ชายผู้โด่งดังท่านนี้ ปัจจุบัน อายุอานามคงราว 72 ปีแล้ว มีภรรยาอาศัยร่วมชายคาเดียวกันถึง 7 คน มีผลงานเป็นลูกชาย-หญิง 22 คน และหลานๆรวมได้ 23 คน

นอกจากจะมีความสามารถพิเศษ ในการปกครองคนในครอบครัว ให้ช่วยกันทำมาหากิน อยู่ร่วมกันอย่างสงบเรียบร้อยแล้ว

“ลูกชิ้นหมู” ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่ง “ของดี” ซึ่งเกิดจากฝีมือการทำของ “เต็กกอ”จนกลายเป็นอาชีพหลัก สามารถเลี้ยงดูลูก-หลาน ให้ได้รับการศึกษาตามความถนัดชนิดไม่น้อยหน้าใคร

แม้จะเริ่มต้นจากโรงงานขนาดเล็กอยู่ในห้องแถว แต่ด้วยความคิดสร้างสรรค์และความอุตสาหะ กิจการของชายผู้นี้ จึงเติบโตขึ้นตามลำดับ

ปัจจุบันนอกจากโรงงานจะขยายกำลังการผลิตมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมากแล้ว ยังมีร้านก๋วยเตี๋ยวที่บรรดาทายาท นำไปต่อยอด กระจายอยู่ตามทำเลต่างๆในจังหวัดนครปฐม

สร้างจุดยืน
ต้องแตกต่าง

กระทั่งปี 2541คุณหน่อง-สมศักดิ์ ธีรภาพสกุลวงศ์ ลูกคนที่ 3 ของเต็กกอ ได้เข้ามาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง ในการขยายรูปแบบธุรกิจ จากขายส่งลูกชิ้นหมู-ลูกชิ้นปลาให้กับร้านค้ารายย่อย มาเป็นแฟรนไชส์ร้านก๋วยเตี๋ยว

“หลังฟองสบู่แตก ผมออกจากงาน มาช่วยที่บ้านทำลูกชิ้นอยู่ปีหนึ่ง ทำให้รู้จักสินค้าที่ทำเงินเลี้ยงครอบครัวมาตลอดได้ดียิ่งขึ้น เลยอยากต่อยอด เพราะถ้าอาศัยแค่การขายส่งคงโตยาก”คุณหน่อง เกริ่นให้ฟังถึงจุดเริ่ม

ก่อนเดินหน้าด้วยการสร้างร้านก๋วยเตี๋ยวเต็กกอ ที่เป็น “ต้นแบบ” เพื่อให้ผู้ลงทุนเห็นและคิดอยากจะลงทุนตามบ้าง

“ขายแฟรนไชส์ช่วงแรก เป็นแบบตั้งรับ ไม่เคยโฆษณา คนที่อยากลงทุนเป็นกลุ่มลูกค้าที่มาทานก๋วยเตี๋ยวที่ร้านแล้วรู้สึกชอบและเห็นโอกาส ติดต่อเข้ามาเอง ไม่ต้องไปง้อ ทำแบบสบายๆ เดือนละ 1 สาขาอยู่ได้แล้ว”คุณหน่อง เล่าอย่างนั้น

แต่เมื่อราว 2 ปีที่แล้ว โรงงานผลิตลูกชิ้นหมู-ลูกชิ้นปลา-หมูเด้ง-หมูหมัก ของเต็กกอ ได้ขยายกำลังการผลิตมากขึ้นจากเดิมหลายเท่าตัว การขายแฟรนไชส์ร้านก๋วยเตี๋ยว จึงต้องปรับมาเป็น “เชิงรุก” อย่างเต็มกำลัง

“พอโรงงานขยายใหญ่ขึ้น จึงอยากดึงพี่น้องให้กลับมาช่วยกันทำ หลายคนต้องการอาชีพ หลายคนอยากทำร้านของตัวเอง คนในครอบครัวทั้งหมดจึงกลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้ง”คุณหน่อง บอก

ผู้บริหารแฟรนไชส์ก๋วยเตี๋ยวเต็กกอ เล่าต่อ แผนการตลาดแนวรุกในแบบของเขานั้น เริ่มต้นจากสร้างความพร้อมของทีมงานจำนวนไม่น้อยกว่า 20 คน ให้มีความเข้มแข็ง เพื่อช่วยทำหน้าที่เป็นเทรนเนอร์ให้กับแฟรนไชซีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จากนั้นจึงทำการประชาสัมพันธ์กิจการผ่านออนไลน์เป็นสำคัญ ซึ่งได้ผลตอบรับรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะทางเฟซบุ๊กนั้นได้ผลมาก ที่ผ่านมาผู้ลงทุนสนใจเปิดแฟรนไชส์ส่วนใหญ่ติดต่อผ่านทางแฟนเพจทั้งสิ้น

นอกจากนี้ยังต้องพยายามสร้างร้านต้นแบบ กระจายไปในหลายทำเล หลายๆที่และต้องมีรูปแบบที่มีเอกลักษณ์และจุดเด่นให้ได้

“ร้านก๋วยเตี๋ยวเต็กกอ ไม่ไปเทียบกับเจ้าดังๆที่มีหลายสาขา แต่ถ้าจะอยู่ได้ด้วยตัวเองโดยไม่พึ่งใคร ต้องสร้างความแตกต่างให้ได้ หากไม่สร้างความต่างให้ชัด อีกหน่อยจะลำบาก โดนกลืนจนไม่มีที่ยืนในระยะยาวเราจึงเน้นภาพลักษณ์ความเป็นครอบครัว เพราะครอบครัวกับธุรกิจต้องไปด้วยกัน”คุณหน่อง ว่ามาอย่างนั้น

รถเข็นขอบาย
รายได้ไม่ธรรมดา

สำหรับความแตกต่างที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ เจ้าของกิจการวัย 45 ดีกรีมัณฑนศิลป์ จากรั้วมหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ใช้วิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมา ทำการออกแบบร้านก๋วยเตี๋ยวเต็กกอยุคใหม่ ให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ภายใต้แนวคิด ลงทุนไม่มาก เรียบง่ายแต่ดูดี

เกี่ยวกับขั้นตอนขอลงทุนแฟรนไชส์ คุณหน่อง อธิบาย ต้องพูดคุยทุกแง่มุม ไม่ใช่แค่มีเงินลงทุน มีทำเลก็เปิดได้ ต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันทุกเรื่อง จนบางครั้งแฟรนไชซีถึงกับท้อไปเลยก็มี

นึกสงสัยทำไมต้องทำถึงขนาดนั้น คุณหน่องยิ้มกว้างตอบจริงจัง

“เป็นห่วงไงครับ เปิดร้านง่าย แต่อยู่ต่อได้มันยากนะ”

อย่างไรก็ตามแฟรนไชส์ก๋วยเตี๋ยวเต็กกอยุคใหม่นี้ ขอจำกัดเฉพาะรูปแบบการลงทุนในแบบร้านค้าอำเภอละ 1 แห่ง และไม่มีรูปแบบรถเข็นแน่นอน

“รถเข็นเราไม่เปิดเด็ดขาด เว้นแต่ร้านที่เคยเปิดไปก่อนหน้านี้ ไม่ได้ไปยกเลิกเขา แต่แนวคิดใหม่ต่อจากนี้จะไม่ทำแฟรนไชส์รถเข็น เพราะแม้จะโตเร็วก็จริง เปิดง่ายก็จริง แต่ควบคุมลำบาก ทั้งรสชาติ ทั้งทำเลที่ตั้ง”เจ้าของกิจการ ย้ำมาอย่างนั้น

ถามถึงจุดแข็งด้านรสชาติ คุณหน่องคิดครู่หนึ่งก่อนแจง

“เป็นเรื่องรสนิยมของแต่ละคน ไม่สามารถบอกได้ว่าของฉันอร่อย พ่อผมสอนตลอดว่าอย่าไปโฆษณาแบบนั้น เราจะบอกแค่ว่าของที่นำมาทำนั้น มีคุณภาพยังไง ลูกชิ้นทำจากเนื้อแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่งั้นคงอยู่ไม่ได้มานานกว่า 40 ปีหรอก”

เมื่อถามถึงผลตอบแทนจากกิจการร้านก๋วยเตี๋ยวสักแห่ง คุณหน่อง ตอบยิ้มๆส่งท้าย

          “ทุกวันนี้ผมขับรถเบนซ์ มีรายได้เดือนละแสนกว่าบาท แต่ยอมรับว่าเป็นงานที่ต้องดูแลเอาใจใส่ตลอดนะ”