“Tip Top คลีนฟู้ด Delivery” เสิร์ฟสด ลดความอ้วน

 

             สร้างอาชีพเสริม ดูแลสุขภาพ ลดน้ำหนัก

สามความปรารถนาข้างต้นนี้ นำมาสู่ “Tip Top คลีนฟู้ด Delivery” ธุรกิจที่ผุดขึ้นท่ามกลางเทรนด์รักสุขภาพ ที่มีคุณอรอุษา พุกจินดาหรือคุณนุ่นสาวหน้าใสวัยเพียง 28 ปี เป็นหนึ่งในเจ้าความคิด กับการผลิตอาหารคลีนฟู้ดบรรจุกล่องจำหน่ายผ่านเฟซบุ๊ก จนมียอดขายวันละ 300-400 กล่อง

ทำทาน สู่ทำขาย
สุขภาพดี ต้องคลีน

            

คุณอรอุษา เล่าว่าธุรกิจนี้เกิดจากความคิดเบื้องต้นต้องการสร้างอาชีพเสริมที่จะส่งผลให้เกิดความมั่นคงทางการเงินและคุณภาพชีวิต แต่จะทำอะไรนั้น เธอขอถามตัวเองก่อนว่า ชอบอะไร

ความชอบเข้าครัวปรุงอาหารทานเอง เลือกวัตถุดิบสดใหม่ สะอาด แบบที่เธอเรียกว่าคลีนนั้นนอกจากจะส่งผลให้สุขภาพดีแล้ว เธอยังมองว่าเหมาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์เช่นเดียวกัน หรือโดยเฉพาะคนรักสุขภาพ

“อาชีพประจำของนุ่นเป็นแอร์โฮสเตส ซึ่งรูปแบบการใช้ชีวิตจะไม่ค่อยเป็นเวลา แม้การนอน นอนดึก จึงทำให้น้ำหนักตัวขึ้นง่ายมาก ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และก็ต่อการทำงานด้วย จึงคิดว่าคงต้องหาวิธีลดน้ำหนักและสร้างสุขภาพที่ดี ซึ่งโดยส่วนตัวนุ่นชอบทำอาหารทานเอง จึงเลือกเมนูสุขภาพ โดยซื้อหาจัดเตรียมวัตถุดิบด้วยตัวเอง อย่าง ผักออร์แกนิก ทานเนื้อปลา เนื้อไก่”

หันมองเทรนด์สุขภาพ คุณอรอุษา ว่าเริ่มมาแรง แต่ว่ากระแสช่วงกว่า 1 ปีก่อนหน้านี้อาจอยู่ในรูปแบบออกกำลังกาย เข้าฟิตเนส แต่ในขณะที่เธอมองว่าอาหารคือส่วนสำคัญมาก ประจวบกับเพื่อนหุ้นส่วนประกอบอาชีพจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริม จึงเห็นความเติบโตของตลาดสุขภาพว่าไปได้อีกไกล

“ด้วยเพราะนุ่นให้ความสนใจกับสุขภาพ ทำอาหารทานเองอยู่แล้ว จึงคิดว่าถ้าทำขายก็น่าจะไปได้ โดยเลือกช่องทางผ่านโลกออนไลน์ ในรูปแบบดีลิเวอรี่เพราะมองว่าไม่ต้องลงทุนในส่วนของหน้าร้าน ซึ่งเบื้องต้นนำเมนูออกมาจำหน่ายเพียง 6 รายการ เปิดเพจแล้วถ่ายรูปโพสต์ลง ถือเป็นความโชคดีก็ว่าได้ เพราะเพียงวันแรกยอดสั่งก็ตามมาทันที”

            ปัจจุบันเมนูอาหารของ Tip Top มี 10-13 เมนู โดยเน้นอาหารจาน ผัก ปลา ไก่ และมีกุ้งบ้างในช่วงฤดูกาล ส่วนเมนูได้รับความนิยมได้แก่ แซลมอนฮันนี่เลม่อน, ผัดเขียวหวานแห้ง เป็นต้น

จัดคอร์สเพื่อรูปร่าง
สวย หุ่นดี ใน 14 วัน

           

สำหรับราคาขาย กำหนดไว้กล่องละ 100 บาท ส่วนเมนูปลาแซลมอน150 บาท แต่ทั้งนี้สำหรับผู้ที่ต้องการทานอย่างต่อเนื่อง Tip Topจัดโปรโมชั่นซื้อมากลดมาก อย่าง ถ้าซื้อ 20 กล่อง ราคา 1,900 บาท 30 กล่อง ราคา  2,700 บาท แต่ถ้าซื้อ 50 กล่องราคา 4,000 บาท โดยสามารถทยอยรับอาหารได้ตามความสะดวก

ทั้งนี้กับผู้สนใจต้องการดูแลรูปร่าง Tip Topจัดคอร์ส คลีนฟู้ด 14 วัน ราคา 4,200 บาท โดยภายในคอร์สประกอบด้วยอาหารกล่องวันละ 3 มื้อ (สามารถเลือกเมนูได้ตามต้องการ) บวกนมถั่วเหลืองออร์แกนิก 1 ขวดต่อวัน

จากกลุ่มเป้าหมายแรกเริ่ม ได้แก่ วัยทำงาน แต่ทว่าปัจจุบันได้ลูกค้ากลุ่มแม่บ้านเพิ่มมากขึ้น โดยเหตุผลหลักกับการตัดสินใจซื้อสินค้า เพราะต้องการ “ลดน้ำหนัก”

“การขายของเราไม่ได้มีเงื่อนไขผูกมัด ฉะนั้นซื้อ 1 กล่องก็ส่งให้ค่ะ แต่ขอให้ลูกค้ารับผิดชอบค่าขนส่ง แต่ด้วยขณะนี้มีลูกค้าจำนวนมากต้องการลดน้ำหนัก จึงเลือกซื้อแบบจัดคอร์สคลีนฟู้ด 14 วัน”

คุณอรอุษา ยังกล่าวถึงกลุ่มลูกค้าที่ต้องการลดน้ำหนักว่าที่ผ่านมามีผู้สามารถทานอาหารของ Tip Top อย่างมีวินัย สามารถลดน้ำหนักได้ 2-5 กิโลกรัมภายใน 2 สัปดาห์

ฉะนั้นการคำนวณแคลอรี เป็นสิ่งสำคัญกับอาหารรูปแบบคลีน โดยเฉพาะในด้านลดน้ำหนัก โดย Tip Top จะมีนักโภชนาการมาดูแลโดยตรง ทำให้ลูกค้ามั่นใจว่า อาหารที่ทานไปนั้น ไม่เกินกว่าร่างกายต้องการ

สุขภาพดี คือหัวใจของอาหารคลีน และนั่นหมายถึงวัตถุดิบตลอดจนกระบวนการปรุงรส ต้องได้มาตรฐาน ซึ่งคุณอรอุษา ว่าในเบื้องต้นตนคือผู้ลงมือคัดสรรวัตถุดิบและปรุงรสด้วยตนเอง แต่เมื่อตัวเลขยอดขายแตะที่หลักร้อยกล่องจึงต้องจ้างผู้ปรุงเข้ามาช่วย โดยปัจจุบันมี 3 คน

“แม้ตอนนี้นุ่นไม่ต้องลงมือปรุงเอง แต่ว่าทุกจานต้องผ่านการตรวจสอบค่ะ ส่วนวัตถุดิบเมื่อก่อนไปซื้อด้วยตัวเอง แต่พอค้าขายไปได้ระยะหนึ่งเริ่มมีบริษัทจัดจำหน่ายเข้ามาติดต่อส่งสินค้าให้ แต่ว่าเราก็ต้องเลือกให้ได้คุณภาพจริงๆ อย่างผักนุ่นมีเพื่อนที่ทำฟาร์มผักออร์แกนิกอยู่ จึงรับซื้อจากเขาค่ะ ส่วนข้าวใช้ไรซ์เบอร์รี่ออร์แกนิก สำหรับน้ำมันใช้น้อยมาก เราใช้น้ำซุปในการผัด แต่ถ้าต้องการจะเจียวหอมกระเทียมก็จะใช้น้ำมันมะกอกแทน ส่วนกะทิ จริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะคะ สามารถใส่ได้ เพียงแต่ว่าที่เราไม่ทำเมนูกะทิ เพราะจุดประสงค์ของผู้ทานตอนนี้คือลดน้ำหนัก และอีกประการหนึ่งคือ อาหารจานกะทิ มีอายุการเก็บสั้น ซึ่งเมนูที่ทำอยู่ทุกวันนี้สามารถเก็บในตู้เย็นช่องธรรมดาได้ 3-4 วัน ช่องแช่แข็ง 7 วัน”

สด สะอาด อร่อย
ได้มาตรฐาน ได้ใจ

ทั้งนี้คุณอรอุษา ยังกล่าวถึงอาหารคลีนในทัศนะของเธอว่า อาจไม่ได้หมายความรวมว่าทุกอย่างต้องออร์แกนิกทั้งหมด แต่ว่าทุกอย่างต้องคุณภาพดี ไม่มีวัตถุกันเสีย ไม่ใช้ของหมักดอง มีความปลอดภัย ได้มาตรฐาน สด สะอาด นั้นหมายถึงกรรมวิธีการปรุงด้วย ฉะนั้นการผลิตสินค้าจึงต้องวันต่อวัน

เพียงแค่ สด ใหม่ สะอาด ดีต่อสุขภาพ เท่านั้นคงไม่เพียงพอต่อการทำธุรกิจอาหาร แต่ทว่าความอร่อยต้องเข้าขั้น “ที่ผ่านมาปีกว่าๆ นี้จะรับฟังความคิดเห็นของลูกค้าตลอด ซึ่งแรกๆ ปรับปรุงหลายด้าน ทั้งปริมาณต้องเหมาะสมกับการทานต่อมื้อ รสชาติยิ่งสำคัญ หรือแม้กระทั่งบรรจุภัณฑ์ก็ต้องคำนึงถึงกระบวนการจัดส่งด้วย เพราะเมื่อไปถึงลูกค้าแล้วหน้าตาอาหารต้องดูดี ไม่หกเลอะเทอะ”

ทุกวันนี้ Tip Top เดินทางส่งสินค้าให้ลูกค้า โดยจะตระเวนส่งไปทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ และเคยไปไกลสุดแถวพระราม 2 โดยมีเงื่อนไขการสั่งซื้อสินค้าก่อนล่วงหน้า 1 วัน (ก่อนเวลา 23.00 น.) พร้อมโอนเงิน จึงจัดส่งให้

“การจัดส่งจะมีบริษัทขนส่งโดยตรงที่ใช้บริการประจำอยู่ โดยรถมอเตอร์ไซค์มีกล่องบรรจุอาหารเรียบร้อย ส่วนราคาค่าจัดส่งเป็นไปตามความจริง โดยเริ่มต้นตั้งแต่ 50 บาท แถวย่านเกษตร ไปจนถึงอย่างพระราม 2 เอกชัย ค่าจัดส่งอยู่ที่ 500 บาท ซึ่งตรงนี้ก็จะแจ้งให้ลูกค้าทราบก่อน แต่ถ้าลูกค้าท่านใดสะดวกมารับเอง เราก็ยินดีค่ะ เดินทางมาได้เลย แต่ว่าครัวจะปิดวันพุธ”

กับการก้าวสู่ธุรกิจนี้ คุณอรอุษา ว่าแม้จะมีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้นตามความเติบโตของตลาด “ช่วงแรกๆ ที่นุ่นเข้ามาทำธุรกิจนี้ แทบไม่มีผู้ผลิตเช่นเดียวกันเลย แต่มาถึงวันนี้ตัวเลขสูงขึ้น และสำคัญคือ เริ่มแข่งขันกันที่ราคา ขายแค่ 59 บาท 69 บาท ก็มี ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว อาหารคลีน หรืออาหารสุขภาพจริงๆ ขายราคานี้ไม่ได้ เพราะราคาวัตถุดิบสูงอยู่”

ฉะนั้นถ้ามีผู้สนใจก้าวมาสู่เส้นทางสายนี้ คุณอรอุษาฝากบอกถึงความซื่อสัตย์ควรมีต่อลูกค้า “คนอยากทานอาหารคลีนเยอะมากแต่ใช่ว่าทุกคนจะทำเป็น ไหนจะเรื่องวัตถุดิบที่หาได้ไม่ง่ายนัก ฉะนั้นอาชีพนี้จึงเป็นอาชีพที่ไปต่อได้สบายค่ะ”

ด้วยภาพความเติบโตที่มีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้น คุณอรอุษาจึงวาดโครงการแตกไลน์สินค้าเพิ่ม ไม่เพียงเท่านั้นยังคิดก้าวสู่ผู้ปลูกผักออร์แกนิกอย่างจริงจัง

“ทุกวันนี้ขายอาหารได้วันละ 300-400 กล่อง ก็ถือว่าตัวเลขยอดขายมากกว่าอาชีพประจำ ซึ่งกับการลงทุนก็ถือว่าน้อยมาก และไม่เสี่ยง เพราะเราให้ลูกค้าโอนชำระเงินก่อนลงมือผลิต และหน้าร้านก็คือเฟซบุ๊ก แต่ทว่าถ้าจะให้ยั่งยืนและเติบโตต่อไปได้ ก็ต้องรักษาคุณภาพสินค้าไว้ให้ดีที่สุดค่ะ”