นักศึกษาเอแบคเปิดร้านคุ้กกี้ ตั้งเป้าเศรษฐีที่ยั่งยืน เหตุชอบค้าขาย

ไม่ง่ายเลย หากใครสักคนอยากจะเริ่มต้นการเป็นเจ้าของธุรกิจอะไรบางอย่างที่เราสามารถดูแลและบริหารจัดการได้ด้วยตนเอง และไม่ได้ยากเช่นกัน หากใครที่มีความฝันว่าอยากจะมีธุรกิจเล็กๆ เป็นของตัวเองและทำมันให้ประสบผลสำเร็จอย่างที่ตั้งใจเอาไว้

แม้ว่าวันนี้จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นและลงมือทำ แต่ถือได้ว่าประสบความสำเร็จไปอีกก้าว ทั้งยังมีทิศทางการขยายกิจการเล็กๆ นี้ให้ก้าวไปเป็นกิจการที่ยั่งยืนในอนาคตด้วย

 

ฝันตั้งแต่เรียนประถม

อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ

คุณสุพิชญา คุปพิทยานันท์ หรือ คุณโอปอ ในฐานะเจ้าของกิจการมิลค์เท่น คุกกี้ เพียงวัย 24 ปี นักศึกษาสาวสวยที่กำลังศึกษาอยู่ในคณะบริหารธุรกิจโรงแรม มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เธอมีความฝันในวัยเยาว์ชัดเจนว่า อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ ด้วยเพราะชอบทำมาค้าขาย

เธอเล่าว่า ตัวเธอมีหัวคิดเรื่องการทำมาค้าขายตั้งแต่เป็นเด็กประถม น่าจะประมาณ ป.3 ป.4 ตอนนั้นขายของเล่นให้เพื่อนๆ ที่โรงเรียน จุดเริ่มต้นมาจากตรงนี้ จึงเป็นเหมือนความฝันตั้งแต่นั้นมาว่าอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองเมื่อโตขึ้น

พอเริ่มมองหาว่า จะทำอะไรดี ช่วงนั้นหันไปเห็นโอกาสจากการเชื่อมโยงสิ่งที่คุณพ่อทำเอาไว้

2701-160314095717

โดยเล่าต่อว่า คุณพ่อเปิดโรงเรียนกวดวิชาอยู่ที่เขาใหญ่ อำเภอปากช่อง ซึ่งที่นั้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีคนผ่านไปผ่านมาค่อนข้างเยอะ อีกทั้งพ่อแม่หรือผู้ปกครองเวลามาส่งบุตรหลานมาเรียนที่โรงเรียน ก็ต้องนั่งรอ หลายคนมองหากาแฟหรือร้านเบเกอรี่ เพื่อนั่งคอยบุตรหลาน จึงเกิดเป็นไอเดียทางธุรกิจ ว่าควรทำสิ่งที่มีความเชื่อมโยงกันกับโรงเรียนกวดวิชาของคุณพ่อ โดยตอนนั้นคิดทำร้านกาแฟและขายเบเกอรี่ เพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่มาโรงเรียนกวดวิชา

แต่ปัญหาอยู่ตรงที่ ทั้งบ้านไม่มีใครเป็นเลยรวมถึงตัวเธอเองด้วย แต่ด้วยความชอบทานเบเกอรี่มากและอยากทำเป็นทุนเดิมอยู่ เลยตัดสินใจลองผิดลองถูก ทำจนสามารถทำได้สำเร็จและสามารถคิดสูตรขึ้นมาเป็นของตัวเองได้

เมื่อทุกอย่างดูลงตัว จึงปั้นร้านกาแฟ โดยมีชื่อว่า “Milktain DESSERT FARM” (มิลค์เท่น ดิสเซิร์ต ฟาร์ม)

2701-160314100520

ต่อยอด มิลค์เท่น คุกกี้

ของฝาก รสชาติเฉพาะถิ่น

ดูแลกิจการร้าน Milktain DESSERT FARM มาได้ 5 ปี เกิดปิ๊งไอเดีย คิดขยายธุรกิจเพิ่ม โดยมองเห็นจุดแข็งในพื้นที่ของอำเภอปากช่อง ซึ่งมีเขาใหญ่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว นอกเหนือจากคนมาเที่ยว มาพัก และมากินแล้ว ของฝากก็สำคัญไม่น้อย จึงต่อยอดจากธุรกิจเบเกอรี่เดิม มาสู่การทำคุกกี้รสชาติเฉพาะถิ่น

คุณสุพิชญา เผยถึงที่มาของไอเดียว่า มิลค์เท่น คุกกี้ รสชาติเฉพาะจังหวัดนี้ว่า ได้ไอเดียมาจากประเทศญี่ปุ่น ที่แต่ละจังหวัดของญี่ปุ่นที่จะมีของดี ของเด่นเฉพาะตัว เป็นเอกลักษณ์ ให้คนที่ได้ไปเยือนถิ่นนั้น ซื้อกลับมาเป็นของฝากได้ และไม่มีขายทั่วไป ต้องไปถึงที่ตรงนั้นเท่านั้นถึงจะสามารถซื้อหามาฝากกันได้

เราเลยหันกลับมามองประเทศไทย พบว่า บ้านเราก็มีของดีเฉพาะถิ่น และถือเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดนั้นก็มาก  จึงอยากนำเสน่ห์ของแต่ละพื้นที่ตรงนั้นมาสร้างเป็นเอกลักษณ์ของฝาก โดยตั้งใจจะทำมิลค์เท่น คุกกี้ รสชาติเฉพาะของแต่ละจังหวัดนั้นๆ ขึ้นมา

เริ่มลุยธุรกิจมิลค์เท่น คุกกี้ มาได้ปีกว่า ผลตอบรับจากลูกค้าถือว่าดี การทำธุรกิจต้องไปต่อ ตอบสนองลูกค้าให้มากที่สุดและไม่หยุดนิ่ง

โดยใช้จุดเด่น 3 ข้อหลัก เพื่อดึงเสน่ห์ของแต่ละพื้นที่และมาสร้างเอกลักษณ์ให้ผลิตภัณฑ์จนเหมาะที่จะเป็นของฝาก เธอบอกความตั้งใจให้เป็นจุดเด่นไว้ ดังนี้

  1. ของฝาก ต้องไม่เป็นพิษเป็นภัยกับผู้รับ มิลค์เท่น คุกกี้ จึงผลิตโดยใช้เนยสด ซึ่งไม่มีไขมันทรานส์ ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
  2. แพ็กเกจจิ้งต้องดูสวย โดยมีการห่อแบบของขวัญ ซึ่งถือว่าเป็นการเพิ่มขั้นตอนให้ยุ่งยากมากขึ้นในการทำ แต่มันแสดงออกถึงความประณีตและความตั้งใจทำ จึงให้มีการห่อทุกกล่องที่วางจำหน่าย
  3. คุกกี้รสชาติพิเศษ ไม่ได้หาง่าย การที่คนซื้อไปฝากแสดงว่าเขาต้องคิดถึงผู้รับจริงๆ จึงซื้อมาฝาก มันจึงต้องพิเศษและมีเอกลักษณ์ มีกลิ่นอายเฉพาะถิ่น คุณสุพิชญา บอก

2701-160314095730

ตอบรับดี เพิ่มแผนขยาย

จับต่างจังหวัดให้ทั่วประเทศ

คุณสุพิชญา ยังบอกต่อว่า “ธุรกิจและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเบเกอรี่หรือคุกกี้ เราโตมาทีหลังคนอื่น ดังนั้น หากเราจะโตได้เหมือนกับคนอื่นนั้นเราต้องสร้างการตลาดและเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากคนอื่น

ความจริงอยากเข้ามาขายในกรุงเทพฯ มาก แต่พอเราเป็นรายเล็ก ถ้าเกิดมีใครสักคนที่เงินทุนหนากว่าเราและพร้อมที่จะเอาไอเดียเราไป ก็เป็นการยากที่เราจะเข้าไปลงสนามต่อสู้ เราจึงใช้กลยุทธ์ ป่าล้อมเมือง คือจะพยายามวางหมากให้ครอบคลุมไปทั่วประเทศก่อน

โดยเธอบอกถึงทิศทางการตลาดของมิลค์เท่น คุกกี้ รสชาติเฉพาะถิ่นนี้ว่า “โปรโมตจากส่วนกลาง โดยจะเท้าความถึงจุดเด่นของผลิตภัณฑ์และเหมาะจะนำไปเป็นของฝากอย่างไร

ยกตัวอย่างเช่น สตรอเบอร์รี่พันธุ์พระราชทาน 80 ที่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ให้หวานขึ้น ปลูกกันมากที่เชียงใหม่ เมื่อนำเอามาทำเป็นมิลค์เท่น คุกกี้ รสสตรอเบอร์รี่ จึงมีขายที่เชียงใหม่ เพียงจังหวัดเดียวเท่านั้น ขายจุดเด่นตรงนี้

เมื่อคนเดินทางไปเที่ยวเชียงใหม่ หากมองหาซื้อผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสตรอเบอร์รี่ มิลค์เท่น คุกกี้ รสสตรอเบอร์รี่จะตอบโจทย์เขา ซึ่งเราอยากให้เป็นแบบนั้น”

ส่วนแนวคิดทางธุรกิจของเจ้าของวัย 24 คือ ทำธุรกิจใครก็อยากเป็นเศรษฐี รวยเร็วๆ กันทั้งนั้น แต่สำหรับเธอ เธออยากเป็นเศรษฐีที่ยั่งยืน ไม่ได้อยากรวยข้ามวัน จนข้ามคืน จึงค่อยๆ มองตลาด หาช่องทางและค่อยขยายธุรกิจแบบไม่รีบร้อน

2701-160314095723

ปัจจุบันวางขาย มิลค์เท่น คุกกี้ ตามร้านขายของฝากที่คนรู้จักและตามสถานที่ท่องเที่ยว มีแผนเปิดรับตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ส่วนการขายออนไลน์นั้น ขายผ่านเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม ตัวเธอเป็นคนดูแลในส่วนนี้เอง

แม้ในแง่ของเงินทุน ไม่อาจสู้ยักษ์ใหญ่ที่มีเงินทุนมากได้ แต่ก็อยากสร้างระบบนิเวศธุรกิจเป็นของตัวเอง อีกทั้งปีหน้าวางแผนจะขยายแฟรนไชส์ และเพิ่มมิลค์เท่น คุกกี้ รสชาติใหม่ ซึ่งมองไว้ว่าคือ รสผลหม่อน (มัลเบอร์รี่) ซึ่งจะวางจำหน่ายที่ภาคอีสาน เพราะถือเป็นเอกลักษณ์ของถิ่นนั้น

สำหรับใครที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ทางเฟซบุ๊ก milktain _cake, อินสตาแกรม milktain  cake, LINE ID : milktain หรือ โทรศัพท์ (089) 945-3125