วิกฤตมาถ้าไม่ตาย ต้องดำเนินชีวิตต่อ ปรับตัวให้ได้ จะล้มลุกคลุกคลานก็ต้องไป

จากวันแรกถึงวันนี้ คุณปุ๊บปับ-พหล สิริเวชชะพันธ์ วัย 43 ปี ยึดอาชีพขายราดหน้ามานานกว่า 14 ปี เริ่มจากร้านรถเข็นข้างทาง สู่เจ้าของร้านราดหน้า “แป๊ะ ราดหน้า มหาชน” ซึ่งมีเมนูเด่นประจำร้าน คือ ราดหน้า ผ่านการคัดสรรวัตถุดิบ เครื่องปรุงอย่างพิถีพิถัน ขายมาตั้งแต่จานละ 30 บาท จนปัจจุบันจานละ 50 บาท และราคาแพงสุดในร้านจานละ 30,000 บาท

ก่อนเกิดโควิด คุณแป๊ะ เล่าว่า ร้านได้รับความนิยมจากลูกค้าต่างประเทศ ทั้ง คนจีน เกาหลี ญี่ปุ่น บางครั้งมาเป็นรถทัวร์ก็มี เพราะร้านอยู่ในลิสต์ทัวร์คนจีนที่ต้องมากิน ตอนหลังได้รับรางวัลสตรีตฟู้ด ระดับโลกที่มาเลเซียด้วยยิ่งทำให้มีชาวต่างชาติตามมากิน ส่วนลูกค้าคนไทยก็มาก เพราะสามารถนั่งทานเป็นครอบครัวได้ มีเมนูเป็นร้อยอย่าง มากินแต่ละครั้งไม่มีเบื่อ

กระทั่งเจอโควิด เหมือนหลายๆ ธุรกิจร้านแป๊ะ ราดหน้า มหาชน บอกว่า ตั้งรับไม่ทัน

“รอบแรกที่รัฐประกาศให้หยุดขาย งงมาก เพราะร้านเราไม่มีเงินเก็บมากพอที่จะเอามาหมุนได้ อาศัยปรับตัว ช่วงแรกขายใส่ห่อใส่กล่อง แต่ไม่ก็รอดเงินหมด ผมเหลือเงินหมื่นกว่าบาท ไม่พอจ่ายค่าแรงลูกน้อง 20 กว่าคน ต้องเอารถไปขาย ลูกน้องก็น่ารักวิ่งหนีตอนจ่ายเงิน เพราะไม่อยากเห็นผมเดือดร้อน ทุกคนก็ยังไม่ไปไหนอยู่ช่วยกันตลอด มีก็มีด้วยกัน อดก็อดด้วยกัน”

ก่อนเล่าต่อว่า “โควิดรอบแรกผมทำโปร 1 แถม 1 ทั้งราดหน้า ผัดซีอิ๊ว คั่วไก่ มีลูกค้าเยอะขึ้น แต่รายได้ไม่เยอะตาม บางวันเหลือถึงผม 300 บาท แต่ผมพอใจแล้ว เพราะลูกน้องได้ค่าแรง และได้ต้นทุนกลับมา ถึงจะเหนื่อยมากแต่ก็ทำให้เราผ่านแต่ละวันไปได้

พอเริ่มกลับมานั่งกินที่ร้านได้ คนก็กลับมานั่งกินปกติ แต่ก็เปิดๆ ปิดๆ เพราะสถานการณ์โควิดไม่นิ่ง จนมาถึงรอบ 3 ตอนแรกยังนั่งกินที่ร้านได้ แต่ผมขอปิดร้านเองรับแต่ไรเดอร์ เพราะเห็นว่าโควิดแรงกลัวว่าถ้าร้านเราเป็นคลัสเตอร์จะวุ่นวายไปหมด ต้องปิดร้าน 14 วันอีก จึงเลือกขายผ่านดีลิเวอรี่อย่างเดียว

ช่วงนั้นโรบินฮู้ดส่งฟรี ผมทำโปรผัดซีอิ๊ว 1 แถม 1 โห…ไรเดอร์แน่นมาก ผมขายดีสุดๆ เส้น 200 โลต่อวันก็ทำมาแล้ว แต่พอไรเดอร์มาเยอะ ก็มีคนโทรแจ้งตำรวจมีเจ้าหน้าที่มาดู ผมไม่โทษคนโทรแจ้งหรอกครับ เพราะคนเยอะจริงๆ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผมต้องทบทวนว่าเราขายดี แต่ถ้าคนมาเยอะ ชาวบ้านเดือดร้อน หรือมีใครสักคนเป็นโควิด ผมคงไม่มีความสุขแน่ๆ ตอนนั้นเลือกปิดร้านจริงจัง งดรับไรเดอร์ทุกค่าย”

แต่สุดท้ายกลับมาขายอีกรอบ คุณปุ๊บปับ เล่าต่อว่า เป็นการขายในรูปแบบและระบบที่เซฟทั้งลูกค้า เซฟทั้งลูกน้อง คือให้สั่งตรงกับร้าน มีจุดรับ-ส่ง ใช้วิธีการโอนเงิน แม้รายได้ไม่มาก แต่อย่างน้อย ลูกน้องได้ทำงาน มีเงินพอประทังชีวิต

“ลูกน้องผมน่ารัก จากเคยรับวันละ 600 บาท ก็ขอรับวันละ 400 บาท ซึ่งผมไม่เคยต้องเอ่ยปากขอ เขารู้เห็นทุกอย่างว่าร้านเป็นอย่างไร เงินเข้ามากน้อยแค่ไหน หากผมลำบากเขาจะไม่ยอมรับเงินค่าจ้างเลย ผมต้องขอบคุณลูกน้องทุกคนจริงๆ ในยามทุกข์ยากพวกเขาคือคนที่ไม่ยอมทิ้งผมไปไหนเลย”

ถามว่า ไหวมั้ย คิดเลิกกิจการหรือเปล่า

คุณปุ๊บปับ ตอบทันควัน “ไม่เคยคิด เพราะอาชีพพ่อค้าขายราดหน้า เป็นอาชีพที่ผมใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กๆ ก็ตั้งใจทำจนตายนั่นแหละ โควิดมันมาถ้าเราไม่ตาย ต้องดำเนินชีวิตต่อ ปรับตัวให้ได้ จะล้มลุกคลุกคลานก็ต้องไป ตอนนี้ผมให้คนออกแบบร้านใหม่ด้วยเพื่อเปิดร้านใหม่ ในวันที่เรากับโควิดเป็นเพื่อนกัน ค่อยสะสมไอเดียมีเงินค่อยสร้างครับ”

แม้จะเหนื่อยแต่ก็ได้ครอบครัวเป็นแรงผลักดัน ชายหนุ่ม บอกว่า “กำลังใจที่สำคัญมากๆ คือลูกชาย คุณแม่ ภรรยา คอยอยู่ข้างกันตลอด ครอบครัวทุกคนยังเชื่อมั่นในตัวผม รวมถึงลูกน้องทุกคน ที่ยืนหยัดไม่ทิ้งกันไปไหนในช่วงที่ยากลำบากที่สุด รวมถึงความฝันของผมด้วย วันนี้ผมได้ทำฝันให้เป็นจริงแล้ว ถ้ายอมแพ้เพราะแค่นี้ มันไม่แฟร์กับผมเท่าไหร่ ผมสู้มาตั้งนาน กว่าคนจะรู้จักร้าน “แป๊ะ ราดหน้า มหาชน” ก็ต้องทำไปให้สุดชีวิตก่อน

อีกสิ่งสำคัญ ลูกค้าที่น่ารักของผม เขาอุดหนุนมาตลอด แม้ในช่วงที่ออกจากบ้านไม่ได้ พวกเขาก็ยังอุดหนุนผม เขาคือคนทำให้ฝันผมเป็นจริง และในวันนี้เขาก็ยังช่วยประคองฝันของผม ไม่ให้ล้มเพราะโควิด ทั้งหมดนี้ ทำให้ผมก้าวเดินต่อไป…ไม่คิดจะล้มเลิกเลยสักวัน”

สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก แป๊ะ ราดหน้า มหาชน