ไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าเมืองไทยเป็นเมืองร้อน เพราะนอกจากอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร ยังเผชิญภาวะโลกร้อน อุณหภูมิสูงสุดปี 2557 กรมอุตุนิยมวิทยาวัดได้ 41.8 องศาเซลเซียสที่จังหวัดลำปาง ส่วนกรุงเทพฯ วัดได้ 39.1 องศาเซลเซียส สำหรับปีนี้ ปี 2558 กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ไว้ว่า พื้นที่ต่างจังหวัดจะทะลุ 43 องศาเซลเซียส และกรุงเทพฯ 40 องศาเซลเซียส ฉะนั้นธุรกิจที่เกี่ยวกับความเย็นนับวันจะทรงอิทธิพลและเพิ่มความหลากหลาย

รวมถึงร้านขนมหวานเกล็ดหิมะร้านนี้ “วิคเก็ต สโนว์” (WICKED SNOW) น้ำแข็งไสสัญชาติเกาหลี เข้ามาเปิดตลาดในไทย เป็นสาขาแรกในภูมิภาคอาเซียน ตั้งอยู่ที่โครงการแอมพาร์ค (I’m Park) ซอยจุฬาฯ 22

ซื้อแฟรนไชส์เมืองโสม มาบุกตลาดไทย
คุณนพมาศ ผาณิตพิเชฐวงศ์ กรรมการบริหาร บริษัท ไวท์ แคสเซิล จำกัด ผู้ที่ได้รับลิขสิทธิ์(ไลเซนส์)ร้านวิคเก็ต สโนว์ ในฐานะมาสเตอร์แฟรนไชส์ จากประเทศเกาหลี กล่าวว่า ได้ลงทุนเกือบ 10 ล้านบาท เปิดร้านวิคเก็ต สโนว์ แบ่งเป็นค่าแฟรนไชส์ 5 ล้านบาท และค่าตกแต่งร้านอีก 5 ล้านบาท ร้านนี้ตั้งอยู่ที่โครงการแอมพาร์ค (I’m Park) เป็นร้านขายขนมหวานเมนูเกล็ดหิมะ ละเอียดฟู นุ่มละมุน เหมือนหิมะสมชื่อ

สำหรับที่มาของการเลือกแฟรนไชส์ดังกล่าว คุณนพมาศ ระบุว่า เคยไปเที่ยวที่ประเทศเกาหลีในช่วงฤดูร้อน ได้ไปลองทานขนมหวานเมนูเกล็ดหิมะ หรือที่เกาหลีเรียกว่า “บิงซู” (Bingsu) ประทับใจรสชาติ และชอบโลโก้ของแบรนด์ที่เป็นตัวแม่มด เกิดความสนใจอยากนำกลับมาเปิดที่เมืองไทย ประกอบกับ วิคเก็ต สโนว์ มาออกงานแฟรนไชส์ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมไบเทค เลยติดต่อขอเป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์ผู้เดียวในประเทศไทย

“โดยส่วนตัวมองเห็นโอกาสการทำธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ ซึ่งมีจุดเด่นด้านระบบธุรกิจที่สามารถขยายการเติบโตได้ในอนาคต รวมถึงชอบรสชาติขนมหวานเมนูเกล็ดหิมะมากๆ ชอบโลโก้ของแบรนด์ ทางเจ้าของบริษัทก็มีแนวคิดอยากขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์นอกประเทศเช่นกัน”

นอกจากคุณนพมาศจะเจรจากับเจ้าของแฟรนไชส์ที่งานแฟร์ เธอยังแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงในการร่วมลงทุนทำธุรกิจด้วยการบินไปดูโรงงานผลิตเครื่องไสน้ำแข็ง และกระบวนการผลิตบิงซูทั้งหมดที่ประเทศเกาหลีหลายหน ความมุ่งมั่นนี้สามารถชนะใจเจ้าของแบรนด์ วิคเก็ต สโนว์จากประเทศเกาหลี

ร้านวิคเก็ต สโนว์ ที่เปิดให้บริการที่ประเทศเกาหลี หญิงสาว บอกว่า ปัจจุบัน (ปี 2558) มี 70 สาขา ทั้งนี้ทางบริษัทแม่มีแผนเปิดตลาดต่างประเทศ ในลักษณะแฟรนไชส์ ทั้งในอเมริกาและในเอเชีย โดยในเอเชียเลือกไทยเป็นประเทศแรกเป็นสาขาต้นแบบของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศต่อไปจะขยายไปสิงคโปร์ จีน และมาเลเซีย ในปี 2559

ฟีดแบ็กดี ลูกค้ามีทุกวัย
ในเมืองไทยร้านวิคเก็ต สโนว์ ถูกเปิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2557 ที่โครงการแอมพาร์ค ซึ่งเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ ในย่านสามย่าน ผู้บริหารสาว ระบุเหตุผลที่เลือกคอมมูนิตี้มอลล์ โครงการดังกล่าวว่า เห็นจากความเจริญบริเวณนี้ มีทั้งรถไฟใต้ดินวิ่งผ่าน (สถานีสามย่าน) รายล้อมไปด้วยสถาบันการศึกษา โรงพยาบาล โรงแรมชั้นนำ ยังมีคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีกกว่า 400 ยูนิต กลุ่มผู้ที่อยู่อาศัยในรัศมี 3-5 กิโลเมตร มีทั้งกลุ่มครอบครัว นิสิต กลุ่มข้าราชการและคนทำงานบริเวณใกล้เคียง มีนักธุรกิจชาวต่างชาติและนักท่องเที่ยวที่พักอาศัยอยู่ตามโรงแรมในย่านนี้อีกด้วย 

สำหรับรายละเอียดของร้าน สไตล์การตกแต่งเรียกว่าแบบ “คอนเทมโพรารี่”มีมุมต่างๆ ให้บรรดาคนชอบถ่ายรูปได้โพสต์รูปเก๋ๆ ถูกใจวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา มีโลโก้ของแบรนด์คือ “แม่มด” ตกแต่งด้วยโคมไฟสวยงาม เมนูเด่นคือ “บิงซู” ขนมหวานเกล็ดน้ำแข็งที่นุ่มละมุนราวกับปุยนุ่น มีส่วนประกอบสำคัญคือ นม เสิร์ฟพร้อมท็อปปิ้งที่หลากหลายคัดสรรคุณภาพมาเต็มที่ แบบไม่หนีจากต้นฉบับ เสมือนไปนั่งทานที่เกาหลีเลยทีเดียว

“ที่ร้านมีบิงซู 6 เมนู เหมือนที่เกาหลีทุกอย่าง ได้แก่ MILK SNOW, GREEN SNOW, GOLD SNOW, BERRY  SNOW, MANGO SNOWและ CHOCOLATE SNOWทุกรสชาติเว้นช็อกโกแลต ตัวน้ำแข็งจะเป็นนม คุณภาพดี มาผ่านเครื่องทำเกล็ดหิมะที่นำเข้าจากเกาหลี ไสออกมาเป็นเกล็ดหิมะชั้นดี นุ่มละมุนส่วนท็อปปิ้ง ก็แล้วแต่ความชอบ”

6 เมนูคลายร้อน เหมือนเกาหลีเป๊ะ
รายละเอียดแต่ละเมนู เจ้าของร้าน อธิบายว่า MILK SNOWเป็นบิงซูรสนม ท็อปปิ้งเป็นโมจิ และถั่วแดง ใครชอบเปรี้ยวต้อง BERRY SNOWเกล็ดน้ำแข็งที่โปะมาด้วยผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ และชีสเค้กก้อนเล็กๆ ที่พอตักเข้าปากแล้วความเปรี้ยวของผลไม้และรสชาติของเกล็ดน้ำแข็งเข้ากันได้อย่างลงตัว 

CHOCOLATE SNOWเกล็ดหิมะจะเป็นนมช็อกโกแลต มีซอสน้ำเชื่อมช็อกโกแลต โอรีโอ และขนมกรุบกรอบรสช็อกโกแลตต่างๆ MANGO SNOWที่เกาหลีใช้มะม่วงนำเข้าจากฟิลิปปินส์ แต่สาขาในไทย จะใช้มะม่วงน้ำดอกไม้ของไทย ให้รสชาติที่อร่อยกว่า ส่วน GOLD SNOWจะเป็นเกล็ดหิมะ โรยด้วยผงถั่วเหลือง ท็อปปิ้งเป็นโมจิ และ GREEN SNOW โรยด้วยผงชาเขียว ท็อปปิ้งเป็นโมจิและถั่วแดง

ด้านวัตถุดิบในการผลิต เจ้าของร้าน บอกว่า ได้รับการคัดเลือกและตรวจสอบคุณภาพจากเกาหลี เพื่อให้ได้มาตรฐานคุณภาพและรสชาติแบบเดียวกับที่เกาหลี มั่นใจว่าทุกเมนูที่เสิร์ฟจากร้านนั้นมีคุณภาพคุ้มราคาแน่นอน

สำหรับราคาขนมหวาน ทางผู้บริหารต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเด็กนักเรียน นักศึกษา มีโอกาสได้ทานขนมหวานอร่อยๆ ในราคาที่จ่ายได้ เลยมี 2ขนาดให้เลือก ถ้วยเล็กราคา 120 บาท ส่วนถ้วยใหญ่ ราคา 240 บาท

ขายไม่อิงกระแส เน้นโซเชียลมีเดีย
ในช่วงแรกของการทำตลาดในไทย คุณนพมาศจะมุ่งให้ความสำคัญในการสร้างแบรนด์ วิคเก็ต สโนว์ ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ช่วงแรกจะเน้นการสื่อสารกับลูกค้าด้วยช่องทางโซเชียลมีเดีย เนื่องจากเป็นสื่อที่ตรงและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่สุด และเน้นการกระตุ้นให้เกิดการทดลองมาใช้บริการ

ถามถึงแนวโน้มธุรกิจร้านขนมหวานเกล็ดหิมะในไทย ผู้บริหารสาว แสดงความคิดเห็นว่า ในอนาคตยังมีโอกาสขยายการเติบโตเพิ่มสูงขึ้น มาจากหลายปัจจัยสำคัญ อาทิ สไตล์การบริโภคอาหารของคนไทยที่เริ่มเปลี่ยนไปชอบความหลากหลาย ชอบความแปลกใหม่ ที่สำคัญสภาพอากาศในบ้านเราค่อนข้างร้อนยาวนานบรรดาเมนูให้ความเย็นเลยถือโอกาสเข้ามาบุกตลาด ไม่ว่าจะเป็นไอศกรีม น้ำแข็งไส

กรณีหากกระแสเกาหลีฟีเวอร์ตกลง จะกระทบต่อธุรกิจหรือไม่ ทางกรรมการผู้บริหาร เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อยอดขาย เพราะความตั้งใจคือ อยากให้คนไทยได้ทานเมนูบิงซูอย่างมีความสุข ได้มาพักผ่อนในร้านขนมที่บรรยากาศดี ขนมอร่อย ไม่ได้ขายตามกระแสเกาหลีฟีเวอร์

นอกจากเมนูขนมหวานเกล็ดหิมะ ทางร้านยังมีเมนูโทสต์ (TOAST) เนื้อขนมปังที่ไม่หนาจนเกินไป ในขนาดกำลังอิ่ม และเครื่องดื่มร้อน เย็น ไว้ให้บริการ

ร้านวิคเก็ต สโนว์ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 โครงการแอมพาร์ค (I’m Park) ซอยจุฬาฯ 22 เปิดให้บริการตั้งแต่ 11.00–20.00 น. (ปิดวันจันทร์)