บัวลอยเกตุแก้ว ร้านเด็ดศาลเจ้าพ่อเสือ สีพาสเทล แป้งหนึบ เครื่องแน่น ขายดีกว่า 10 ปี

บัวลอยเกตุแก้ว ร้านเด็ดศาลเจ้าพ่อเสือ สีพาสเทล แป้งหนึบ เครื่องแน่น ขายดีกว่า 10 ปี

ลัดเลาะไปบริเวณย่านศาลเจ้าพ่อเสือ แวะชิมขนมบัวลอยที่ว่ากันว่า อร่อยเด็ด เป็นร้านดังของย่านนี้เลยก็ว่าได้ ชื่อร้าน บัวลอยเกตุแก้ว ที่หลายคนขนานนามให้ว่าเป็น บัวลอยพาสเทล มาจากแป้งที่มีหลากหลายสีนั่นเอง

บัวลอยเกตุแก้ว เป็นร้านขนาดเล็ก แต่อยู่สร้างความอร่อยมายาวนานกว่า 10 ปีแล้ว โดย คุณอ๋อย-รัชนี เกตุแก้ว อายุ 54 ปี เจ้าของร้านท่าทางใจดี เล่าให้ฟังถึงที่มาว่า สมัยก่อนนั้น เธอยึดอาชีพทำรองเท้าขายอยู่นานหลายปี แต่ด้วยเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้รายได้ซบเซาลงไปมาก จึงเปลี่ยนอาชีพมาเปิดร้านขายบัวลอยถึงปัจจุบัน

“สูตรบัวลอยที่ทำขาย พี่คิดเอง เพราะชอบกินบัวลอยมาก ชอบรสชาติไหน พี่ก็ทำรสชาตินั้น ปรับสูตรไม่นานก็ได้สูตรที่อร่อยที่สุดจนเปิดร้านขายได้”

ก่อนเล่าต่อว่า เปิดร้านช่วงแรก ยังขายไม่ดีมากนัก เพราะเป็นร้านเปิดใหม่ ลูกค้ายังไม่เคยทาน ทำไปเรื่อยๆ ลูกค้าเริ่มติด เพราะติดใจสูตรของทางร้าน จากขาจรกลายเป็นขาประจำ

“เปิดช่วงแรกท้อมาก ลูกค้าเข้าน้อย ต้องใช้ความอดทนเพราะต้องหารายได้ ระหว่างทำก็พิจารณาตัวเองด้วยนะ ว่าลูกค้าเก่ากลับมาซื้อซ้ำมั้ย แล้วลูกค้าหน้าใหม่มีเข้ามาบ้างหรือเปล่า ดูวันต่อวันเลย ได้ลูกค้า 2 กลุ่มนี้แวะมากินทุกวัน ร้านพี่ก็ไปได้เรื่อยๆ ช่วงหลังมีโซเชียลมีเดียช่วยเป็นตัวโปรโมต จากทั้งเพจรีวิว ทำให้มีลูกค้าเพิ่มขึ้นจากแต่ก่อนเยอะมาก”

จุดเด่นของบัวลอยเกตุแก้ว คุณอ๋อย บอกเสียงเข้มว่า ตักคำแรกจะสัมผัสได้ถึงความเหนียวนุ่มของแป้งที่นวดวันต่อวัน และสนุกไปกับการทานมากขึ้น เพราะสีพาสเทลของแป้งที่ได้จากธรรมชาติ ทั้ง ใบเตย อัญชัน งาดำ บีทรูท และแคร์รอต

ส่วนน้ำกะทิจะเข้มข้นเพราะใช้หัวกะทิเน้นๆ ใส่เนื้อมะพร้าวลงไปด้วยเข้ากันได้ดีกับเนื้อบัวลอย ไม่หวานจนเกินไป ทานแล้วกลมกล่อม หอมกะทิ ที่ขาดไม่ได้เลยคือ ท็อปปิ้ง มีให้เลือกหลากหลายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น เผือก ฟักทอง ข้าวโพด ไข่หวาน และไข่เค็ม

“ถ้าเป็นคนเก่าคนแก่จะกินแบบไม่ใส่ท็อปปิ้ง ถ้าคนรุ่นใหม่จะชอบใส่ท็อปปิ้ง ราคา ธรรมดา 20 บาท ใส่ไข่ 30 บาท ใส่ไข่คู่ 40 บาท”

ถามถึงกิจวัตรประจำวัน ว่าในแต่ละวันต้องทำอะไรบ้าง คุณอ๋อย เล่าว่า ต้องตื่นตั้งแต่ 7 โมงเช้า เตรียมวัตถุดิบ เช่น ต้มน้ำเชื่อม นวดแป้ง ทำเสร็จทั้งหมดพร้อมตั้งร้านประมาณ 10 โมง เปิดร้านขายยาว หากขายดีหมดเร็ว 1 ทุ่มจึงปิดร้าน หรือบางครั้งอาจเลยเวลาไปจนถึง 4 ทุ่มก็มี

“ใน 1 วัน ใช้แป้งเพียง 5 กิโล กะทิประมาณ 20-30 กิโล ขายเท่านี้แหละ ไม่ได้เอาอะไรมากมาย”

ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาทานนั้นมีหลากหลายกลุ่ม เพราะย่านที่ตั้งร้านเป็นย่านออฟฟิศและสถานที่ราชการ ลูกค้าจึงสลับหมุนเวียนกันมา

นอกจากขายหน้าร้านแล้ว ทางร้านยังมีบริการสามารถสั่งผ่านแอพพลิเคชั่น ไลน์แมน แกร็บ เก็ท (Get) คุณอ๋อย บอกว่า บริการเหล่านี้ช่วยให้ยอดขายดีขึ้นและขายหมดเร็ว

“เมื่อก่อนไม่มีบริการพวกนี้ เคยอยู่ดึกยัน 4 ทุ่ม กว่าจะขายหมด ตอนหลังมีแอพ ทำให้ขายหมดเร็ว ทำให้พี่มีเวลาพักผ่อน ช่วยได้เยอะมากเลย”

ด้วยเป็นขนมที่มีคนนิยมขายจำนวนมาก ถามถึงต้นทุน เจ้าของร้านคนเก่ง บอกว่า ต้นทุนขนมชนิดนี้ไม่สูง แต่ที่ร้านใช้หัวกะทิเน้นๆ ทำให้สูงกว่าร้านอื่น ใน 1 วัน สามารถขายได้ราวๆ 4,000-5,000 บาท บางวันอาจมากหรือน้อยกว่านี้ เป็นรายได้ที่พออยู่ได้

ร้านตั้งอยู่บริเวณ ศาลเจ้าพ่อเสือ (ตรงข้ามธนาคารกรุงเทพ) ถนนตะนาว แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กรุงเทพฯ เปิดทุกวัน 10.30-20.00 น. หรือติดตามได้ที่เฟซบุ๊ก บัวลอยเกตุแก้ว

หมายเหตุ : เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ 14 พ.ค. 2562