รู้จัก ‘พอลร์ ผู้พิชิตไพร’ หนุ่มกะเหรี่ยงตาบอด สู่เจ้าของกิจการเนยถั่ว

รู้จัก ‘พอลร์ ผู้พิชิตไพร’ หนุ่มกะเหรี่ยงตาบอด สู่เจ้าของกิจการเนยถั่ว

“ความพิการทางสายตา ไม่สามารถทำร้ายจิตใจที่แข็งแกร่งเหมือนหินผาของเขาได้เลยพี่”

ฉันได้ยินเรื่องราวของผู้ชายคนนี้จากน้องรักคนหนึ่ง เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่สู้ชีวิตยิบตาน่าชื่นชม แต่เธอบอกฉันว่าเรื่องราวของผู้ชายคนนี้ทำให้เธอรู้สึกว่าชีวิตเธอเบาหวิวยิ่งนัก

“เขาสู้มากจริงๆ พี่  ฟังแล้วรู้สึกตัวเองจะท้อไม่ได้เลย”

“พอลร์ ผู้พิชิตไพร” ผู้ชายเชื้อสายกะเหรี่ยงที่เราพูดถึงวันนี้ เป็นรุ่นน้องเรียนมัธยมต้นมากับเธอ เขาเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาดี ท่าทางร่าเริงแจ่มใส แยกย้ายกันไปกว่า 20 ปี เธอจำได้เลือนรางเท่านี้

จนไม่นานนี้พี่ชายของพอลร์มาขอเบอร์โทรศัพท์เธอไป บอกว่าพอลร์ต้องการติดต่อเพื่อขอให้ช่วยเรื่องสื่อโฆษณาในกิจการที่เขาทำ

วันหนึ่งเขาก็โทรกลับมา “ผมพอลร์นะ พี่จำผมได้ไหม?” แน่นอนเธอจำได้ดี เสียงเขาไม่เปลี่ยน ยังคงร่าเริงอยู่เช่นนั้น

2 คนพูดคุยสนุกสนาน เธออธิบายงานให้เขาฟัง พยายามอธิบายให้เขาเห็นภาพ กระทั่งประโยคหนึ่ง ทำให้เธอนิ่งอึ้ง

“พี่ ผมตาบอด”

พอลร์ เล่าให้ฟังว่า เขาเป็นโรคเบเซ็ต (Behcet’s) ซึ่งทำให้เกิดอาการอักเสบเรื้อรังในหลอดเลือดทั่วร่างกาย เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน ส่งผลให้ตาของเขาบอดลงช้าๆ

มันเริ่มตั้งแต่ปี 2541 เขาเริ่มเรียนมหาวิทยาลัยปี 1 ความสามารถในการมองเห็นของเขาลดลงเรื่อยๆ แต่เพื่อนๆ ไม่มีใครรู้ เพราะเขายังใช้ชีวิตปกติ ไปนั่งเรียนร่วมกับเพื่อน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังลงเรือที่คลองแสนแสบจากบ้านไปมหาวิทยาลัยอยู่ทุกวัน

ทำแบบนั้นจนเรียนอยู่ปี 3 เขาจึงต้องยุติทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อตาบอดสนิท เพื่อนๆ พากันตกใจที่อยู่ๆ เขาบอกว่าเขาตาบอด ก็เห็นปกติอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

“ผมทำตัวเหมือนคนปกติทั่วไป ตอนนั้นตาผมมองเห็นได้แค่ 10 เปอร์เซ็นต์ มันเริ่มมืดลงเรื่อยๆ บางวันนั่งทานข้าวที่มหาวิทยาลัยผมคลำอาหารไม่เจอ ผมร้องไห้โฮออกมา แต่ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”

ปี 2544 หลังตาบอดสนิท เขารับสภาพตัวเองไม่ได้ กลับบ้านที่เชียงใหม่เพื่อรักษาตัว และเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง เขาจะเดินไกลที่สุดคือระหว่างห้องน้ำกับเตียงนอน เป็นเช่นนั้นเกือบ 2 ปี

พ่อของเขา ที่ปวดใจไม่น้อยไปกว่าลูก เห็นลูกเก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้องมาตลอดระยะเวลา 2 ปี เตือนเขาด้วยคำพูดสำคัญ “คนเราถ้าจะอยู่ ก็ต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์”

พ่อแนะนำให้เขาไปฟื้นฟูสภาพจิตใจร่วมกับคนพิการอื่น ที่สุดเขาฮึดสู้อีกครั้ง กลับไปเรียนปริญญาตรีจนจบ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่

หลังจากที่จบมา เขาตระเวนสมัครงานที่เปิดโอกาสให้คนพิการ แต่ก็ผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะทุกกิจการจะเลือกผู้พิการน้อยที่สุด ขณะที่อาการของเขานับเป็นความพิการที่อาจมีผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน เขาจึงไม่เคยได้รับเลือก

วันหนึ่งเขาคิดได้ว่า ตนเองมีปัญหาสุขภาพจนทำให้เขาต้องตาบอด จึงอยากทำอะไรที่เป็นการรักษาสุขภาพ และตัดสินใจจะทำธุรกิจส่วนตัว

สินค้าอย่างแรกที่นึกถึงคือ เนยถั่ว เพราะครอบครัวของเขามักพบปะชาวต่างชาติอยู่เสมอ แทบทุกคนชอบทานเนยถั่วกับขนมปัง

พอลร์จึงเริ่มคิดค้นสูตรและวิธีการทำ ลองผิดลองถูก ช่วงแรกๆ ก็เพื่อนต่างชาติช่วยกันชิม ช่วยกันติ แล้วปรับปรุงไปเรื่อยๆ จนลงตัวตั้งแต่ปี 2550 มาจนถึงปัจจุบัน

จากที่เริ่มจากเขากับเพื่อน 2 คน ทุกวันนี้กิจการผลิตเนยถั่วของเขา มีโรงงานทันสมัยลงทุนเรือนล้าน พนักงานประจำ 40 คน สินค้าภายใต้แบรนด์ Paul Food วางขายในซุปเปอร์มาร์เก็ต จับตลาดกลุ่มผู้รักษาสุขภาพ

Paul Food ดำเนินการภายใต้ ห้างหุ้นส่วนจำกัด พีเอยูแอล เทรดดิ้ง ตั้งอยู่ที่ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่

พอลร์ บอกว่า เขาเน้นผลิตอาหารคุณภาพสูง เน้นความปลอดภัยในกระบวนการผลิต โดยใช้โจทย์จากปัญหาสุขภาพของตนมาเป็นแนวทางการผลิต

แม้จะเป็นเนย แต่สินค้าของเขาทุกชนิด ปราศจากไขมันชนิดทรานส์  ซึ่งเป็นไขมันที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ทำให้คอเลสเตอรอลในร่างกายสูงขึ้น

ไขมันชนิดทรานส์ นิยมใช้ในอุตสาหกรรมทำอาหารทั่วไป เนื่องจากเป็นไขมันที่มีอายุยาวนาน เก็บไว้ได้นาน ราคาถูก ผู้ประกอบการจึงนำมาใช้เพราะช่วยลดต้นทุนการผลิต แต่ไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพผู้บริโภค

ทุกวันนี้ Paul Food ผลิตและจำหน่าย เนยถั่ว , เนยอัลมอนด์  มีทั้งชนิดหยาบ (รสจืดและรสหวาน), นํ้ามันงาดำ ผลิตด้วยกรรมวิธีสกัดเย็น , น้ำมันรำข้าวจมูกข้าว และน้ำมันถั่วลิสง

ทั้งถั่วและรำ ที่นำมาเป็นวัตถุดิบสำคัญ จะผ่านการดูแลและคัดเลือกอย่างดี เพื่อให้ปลอดสารตกค้างทุกชนิด ทั้งน้ำตาลและส่วนประกอบทุกชนิดใช้แบบผ่านการปรุงแต่งน้อยที่สุด เพื่อให้คุณสมบัติของถั่ว ของอัลมอนด์ และเนย ที่มีไขมันดีและโปรตีนสูง ทำหน้าที่ในการเป็นอาหารกึ่งยาเพื่อคนรักษาสุขภาพและคนที่มีปัญหาสุขภาพได้เลือกใช้

รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายของกิจการเขายังได้จัดตั้งมูลนิธิการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวิต สนับสนุนให้เด็กด้อยโอกาสทางการศึกษา ได้รับการศึกษาตามความถนัดของตนเองเพื่อเป็นการช่วยเหลือสังคมด้วย พวกเขาพักอาศัยอยู่ในอาคารไม่ไกลจากโรงงานและบ้านพักของพอลร์

ฉันขอบคุณ รพิรัตน์ สุขแยง น้องรัก ที่นำพาให้ฉันได้รู้จักผู้ชายคนนี้