รู้จัก ‘วัลเดอร์ เซกาโต’นักกล้ามบราซิลผู้ติดการฉีด ‘น้ำมัน’ เข้ากล้ามเนื้อจนบูดเบี้ยว

เฟซบุ๊กซีซีทีวีของจีนรายงานเมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา ถึงชายชาวบราซิล รายหนึ่งที่มีกล้ามใหญ่กว่าปกติจนดูน่ากลัว พร้อมเปิดเผยวิธีการสร้างกล้ามที่ไม่ควรทำตามด้วยการฉีดสารที่มีชื่อว่า “ซินโธล” เข้าไปในกล้ามเนื้อ

รายงานระบุว่า วัลเดอร์ เซกาโต พนักงานก่อสร้างชาวบราซิล วัย 48 ปีมีกล้ามแขนที่มีขนาดวัดโดยรอบ 23 นิ้ว ทว่านั่นยังไม่พอ เพราะเซกาโต ต้องการให้กล้ามใหญ่ขึ้นไปอีก พร้อมเปิดเผยวิธีการสุดอันตรายด้วยการฉีดน้ำมันเข้าไปในกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย

%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a144

“เมื่อคุณมองไปที่ร่างกายคุณและเห็นว่ามันเติบโตขึ้น คุณก็จะต้องการให้มันโตขึ้นอีก” เซกาโตระบุ และว่า ตนเพิ่มขนาดกล้ามเนื้อต้นแขนด้านในขึ้นมาสองเท่าเป็น 60 เซ็นติเมตร แต่ก็ยังคงอย่างให้มันใหญ่ขึ้นไปอีก

เซกาโต เล่าว่าตนเคยเป็นเด็กติดยาที่ผอมแห้งแรงน้อย ช่วงเวลาที่เซกาโต ระบุว่าเป็นช่วงชีวิตที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งผิด

“ผมมองที่ร่างผอมแห้งของตัวเอง ขณะที่ผู้คนเริ่มเรียกผมด้วยชื่ออย่าง ไอ้หมาผอม และไอ้โครงกระดูก นั่นทำให้ผมตัดสินใจเปลี่ยนชีวิตตัวเอง”เซกาโต ระบุ

เซกาโต ตัดสินใจเข้ายิมแต่ก็ต้องการให้มีผลที่สุดโต่งด้วยการใช้สาร “ซินโธล”สารประกอบด้วยน้ำมันยาแก้ปวดและแอลกอฮอล์ ที่เพื่อนในยิมแนะนำให้ในตอนแรกและใช้ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเป็นประจำจนติดนับตั้งแต่นั้นมา

%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a122

ปัจจุบันเซกาโตมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นจาก 55 กิโลกรัมเป็น 80 กิโลกรัม แต่เซกาโตระบุว่าสารดังกล่าวไม่ได้ทำให้ตนแข็งแรงขึ้น

รายงานระบุว่าการใช้สารดังกล่าวอาจทำให้เกิดปัญหาขึ้นในภายหลัง ปัญหาที่อาจหนักถึงขั้นการตัดอวัยวะ โดยเซกาโตระบุว่า ครั้งหนึ่งตนเคยฉีดสารเสตียรอยด์มากจนเกิดไปจนต้องเข้าโรงพยาบาลแล้ว
“แพทย์เคยบอกให้ผมเลิกใช้มัน แต่ผมตัดสินใจใช้มันต่อเพราะผมอยากใช้ และชอบใช้มัน”เซกาโตระบุ

เซกาโตเล่าด้วยว่ากล้ามเนื้องที่บวมพองผลจากการฉีดสาร “ซินโธล” นั้นทำให้ตนประสบปัญหาเหมือนกันเช่นไม่สามารถหาคู่รักได้เนื่องจากกล้ามเนื้อทำให้ผู้หญิงส่วนใหญ่ตกใจกลัว ขณะที่บางคนมองว่าตนเป็นตัวประหลาด

“ผมไม่แคร์หรอกว่าใครจะพูดอะไร แค่ผมชอบตัวผมเองก็พอแล้ว” เซกาโตระบุ

%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a133

%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a1555

ที่มา มติชน