ลูกตาลกระป๋อง ของไทย ฮิตหนักตลาดคนจีน ขายดีผลิตส่งขาย 6 แสนกิโลฯ/ปี ไม่พอ

จังหวัดสงขลา เป็นพื้นที่ที่มีต้นตาลมากอีกพื้นที่หนึ่งของประเทศไทย ด้วยสรรพคุณของลูกตาลที่สามารถช่วยแก้ไอ แก้เจ็บคอ ช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายได้ รับประทานแล้วให้ความอร่อย หอมหวาน เนื้อนุ่มเป็นเอกลักษณ์ โดยลักษณะของต้นตาลคือ เป็นไม้ยืนต้น ใช้ระยะเวลาปลูกนานถึง 10 ปีกว่าจะให้ผลผลิต จึงทำให้ไม่มีคนนิยมปลูกกันมากนัก ทั้งเป็นพืชยืนต้นที่มีอายุยาวประมาณ 100-200 ปี

ตาล หรือ โหนด ในประเทศไทยมีชื่อหลายชื่อคือ ภาคกลาง เรียกว่า ต้นตาลโตนด หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ต้นตาล”  ภาคใต้ เรียกว่า ตาลโตนด หรือ ต้นโหนด ชาวจังหวัดยะลาหรือปัตตานี เรียกว่า ปอเก๊าะตา

คุณศิรินภา แสงทักษิณ วัย 39 ปี เจ้าของกิจการลูกตาลส่งออกรุ่นที่ 2 บริษัท หาดใหญ่ แคนนิ่ง จำกัด เล่าว่า “หลังเรียนจบปริญญาโท ที่ประเทศมาเลเซีย ก่อนที่จะเข้ามาบริหารงานที่บริษัทหาดใหญ่แคนนิ่ง ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัว ต้องไปทำงานเป็นลูกจ้างของบริษัทอื่นก่อน เพื่อเรียนรู้การทำงานถึง 3 ปี ก่อนจะมาบริหารงานที่บริษัทและเข้ามาดำเนินงานต่อในฐานะทายาทรุ่นที่ 2 โดยคุณพ่อเป็นผู้ก่อตั้ง

หากย้อนกลับไปเมื่อประมาณเกือบ 20 ปีก่อน ครอบครัวของเธอก่อตั้งธุรกิจเกี่ยวกับลูกตาลบรรจุกระป๋อง ซึ่งเป็นของดีในพื้นที่จังหวัดสงขลา โดยไอเดียแรกที่คุณพ่อท่านมาทำลูกตาลบรรจุกระป๋องนี้ เพราะมองเห็นว่าพื้นที่จังหวัดสงขลาเป็นจังหวัดที่มีต้นตาลมาก”

“จากข้อมูลตัวเลขเท่าที่ทราบเมื่อปี 2540 จังหวัดสงขลามีต้นตาลกว่า 3 ล้านต้น ถือว่ามากที่สุดในประเทศไทยในตอนนั้น แต่ปัจจุบันไม่แน่ใจเรื่องตัวเลข เนื่องจากพื้นที่มีการเปลี่ยนแปลง เกษตรกรบางรายในหลายพื้นที่ของจังหวัดสงขลา ต้องการใช้พื้นที่ในการทำเกษตรอย่างอื่น หรือหันไปทำนากุ้ง สวนปาล์ม และไม่นิยมปลูกต้นตาลกันอีก เพราะกว่าต้นตาลจะให้ผลผลิตก็ใช้เวลาค่อนข้างนาน” คุณศิรินภา บอก

ทั้งยังเล่าต่อด้วยว่า ด้านไอเดียในการทำลูกตาลบรรจุกระป๋องนั้น คุณพ่อมีไอเดียจากพื้นที่ที่มีต้นตาลเยอะ ว่าน่าจะสามารถนำลูกตาลมาแปรรูปสร้างเงินได้ ทั้งยังมีไอเดียอีกว่าอยากทำลูกตาลให้เป็นผลไม้บรรจุกระป๋องที่มีความแตกต่างจากผลไม้บรรจุกระป๋องชนิดอื่น ซึ่งพอดีกับที่ท่านเลี้ยงผึ้งอยู่ด้วย จึงคิดถึงน้ำผึ้ง ทำให้คิดว่าอยากนำเอาลูกตาลกับน้ำผึ้งมาทำเป็นผลิตภัณฑ์

จึงได้คิดสูตร ลูกตาลเชื่อมรสน้ำผึ้ง ซึ่งจะมีเอกลักษณ์ความหอมของน้ำผึ้งอยู่ด้วย ถือเป็นสินค้าแปลกใหม่ในตลาดเมื่อในสมัย 20 กว่าปีก่อนโน้น ซึ่งครั้งแรกที่ทำลูกตาลบรรจุกระป๋องขายจวบจนถึงปัจจุบัน เน้นการส่งออกตลาดต่างประเทศเป็นหลัก ส่งขายไปยังหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย จีน ฮ่องกง ไต้หวัน โดยเน้นหลักไปที่ตลาดที่มีคนจีน

สำหรับลูกตาลที่นำมาบรรจุกระป๋องนั้น ใช้จาวตาลมาแปรรูป โดยเพิ่มรสชาติให้กับจาวตาล โดยใช้น้ำผึ้งมาเป็นส่วนประกอบในการสร้างรสชาติ จึงเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ลูกตาลในน้ำเชื่อมหลากรูปแบบ อาทิ จาวตาล รสน้ำผึ้ง, จาวตาลลอยแก้ว รสน้ำผึ้ง, ตาลลอยแก้ว, ลูกตาลสไลซ์อบน้ำผึ้ง เพื่อทำเป็นของฝากเฉพาะกลุ่มจำหน่ายทางภาคใต้ และลูกตาลสดส่งออก รวมทั้งยังพัฒนาคิดสูตรลูกตาลไปสู่การทำเป็นแยมลูกตาล, ลูกตาลกวนด้วย

โดยคุณศิรินภา บอกว่า “จาวตาลที่นำมาบรรจุกระป๋อง เป็นผลตาลแก่ที่นำมาบ่มเพาะ จนได้เนื้อที่นุ่มมีเอกลักษณ์ ผสมผสานกับน้ำผึ้งสูตรพิเศษ ทั้งปราศจากสารฟอกขาวและสารกันเสีย ซึ่งจาวตาลแต่ละแบบจะมีเอกลักษณ์ในการรับประทานแตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น จาวตาวลอยแก้ว รสน้ำผึ้ง สามารถนำไปปรุงร่วมกับผลไม้ชนิดอื่นๆ เช่น  ฟรุตสลัด แต่งหน้าเค้ก เบเกอรี่ได้”

ปัจจุบัน มีออร์เดอร์ส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งใช้ลูกตาลรวม 600,000 กิโลกรัม ต่อปี ยอดขายรวมกว่า  30 ล้านบาท สัดส่วนการส่งออกต่างประเทศอยู่ที่ร้อยละ 90 ในประเทศร้อยละ 10 ทั้งความต้องการของผู้บริโภคยังเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคได้ทราบสรรพคุณของลูกตาล ช่วยแก้อาการเจ็บคอ ช่วยแก้ไอ อีกทั้งต่างประเทศกินลูกตาลเพื่อเป็นยา เป็นอาหารกึ่งสุขภาพด้วย ส่งผลให้ตลาดธุรกิจเกี่ยวกับลูกตาลมีการแข่งขันกันสูงขึ้น อีกทั้งลูกตาลเป็นผลไม้ตามฤดูกาล หากจำนวนลูกตาลมีมากขึ้นกว่านี้ ยอดขายคงเพิ่มขึ้นตามด้วย

แม้ว่าการแข่งขันในตลาดจะเพิ่มขึ้น คุณศิรินภา กลับมองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะเท่ากับมีคนมองเห็นความสำคัญและคุณค่าของลูกตาลในเชิงธุรกิจ และยังช่วยยกระดับผลิตภัณฑ์ของดีพื้นถิ่นให้สามารถพัฒนาไปได้อีกไกลด้วย คุณศิรินภา กล่าว

สำหรับใครที่สนใจ ติดต่อได้ที่ เลขที่ 108 หมู่ 2 ตำบลวัดขนุน อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา 90330 โทรศัพท์ (081) 479-9933, (074) 483-031 โทรสาร (074) 355-337 หรือ www.tanthongthai.com, www.hatyaicanning.com ทาง Facebook : ลูกตาลทอง Fit Bee