ทิ้งเงินเดือนกว่า 3 แสน มาปลูกผักขายได้ 5 แสน จากฟาร์มสู่ร้าน

ทิ้งเงินเดือนหลักแสน
สร้างความ (ฟาร์ม) ฝัน
“ตอนที่ผมทำงานก็วางแผนไว้ตลอด ว่าวันหนึ่งจะมีธุรกิจของตนเอง เพื่อรองรับในวัยเกษียณ แต่แค่อายุประมาณ 40 ผมก็ตัดสินใจออก เพื่อให้เวลากับครอบครัว ลูกๆ เป็นวัยที่ต้องการพ่อ และก็เพื่อสร้างสุขภาพกายและใจที่ดีให้กับตัวเอง ตอนนั้นผมให้เวลาตัวเอง 5 ปี โดยใน 2 ปีแรกเป็นการค้นหาตัวเอง และอีก 3 ปีลงมือทำ” คุณเจส คาลโว เริ่มต้นบทสนทนา
อะไรที่จะทำให้สุขภาพดี อะไรที่ทำแล้วยังมีเวลาให้ลูก นั่นคือ “เป้าหมาย” ในการเดินสู่เส้นทางอาชีพ
“ผมเป็นคนชอบทานผักมาก ทุกมื้ออาหารต้องมี แต่ผมไม่เชื่อว่าผักที่วางจำหน่ายจะปลอดสารพิษทั้งหมด จึงคิดว่าถ้าอย่างนั้นปลูกผักทานและขายไปด้วยดีกว่า โดยใช้พื้นที่ส่วนที่เหลือจากปลูกบ้าน ไม่ถึงครึ่งไร่ (ย่านวงศ์สว่าง-นนทบุรี) ซื้ออุปกรณ์ปลูกระบบไฮโดรโปนิกส์ แต่ทำได้ 1 ปี ต้องโละทิ้ง เพราะเราขาดความรู้ความเข้าใจ เหมือนถูกคนขายอุปกรณ์หลอก”
คุณเจส ยอมจำนนกับการสูญเงิน 600,000 บาท ในการลงทุนก้อนแรก แต่ทว่าไม่ยอมสูญเสียความหวัง เพราะเชื่อว่าทางสายนี้ เดินมาถูกแล้ว ในเมื่อขาดความรู้ ก็ไปเรียนรู้ให้ละเอียด กับครูบาอาจารย์ที่เชี่ยวชาญโดยตรง แล้วตัดสินใจลงทุนอีกครั้งกับเงิน 800,000 บาท ซึ่งจากวันนั้นจนถึงวันนี้ราว 2 ปีกว่า คุณเจส ว่า ผลผลิตผักออกมาคุณภาพดีทุกฤดูกาล
“ผมตั้งไว้เลยว่าผักที่ปลูกต้องได้คุณภาพ ปลอดสารพิษ ไม่ติดรสขม กรอบอร่อย ซึ่งทำอย่างไรจะได้ผักเช่นนี้ก็ต้องศึกษาครับ ผมปรุงสูตรสารอาหารเอง ให้เหมาะใช้ในแต่ละฤดูกาล ทำให้ผักที่ออกมาคุณภาพดี และมีสม่ำเสมอ แม้หน้าร้อน หน้าฝน ซึ่งผักเมืองหนาวจะขาดตลาด แต่ที่ฟาร์มรักดีมีต่อเนื่อง”
ต่อยอดฟาร์มสู่ร้าน
ทำรายได้ให้หลักแสน
พื้นที่ปลูกไม่มาก จะทำอย่างไรจึงจะมีรายได้งอกงาม ก็ต้องต่อยอด โดยเริ่มต้นคุณเจส นำมาแปรรูปเป็นผักสลัดบรรจุกล่อง จำหน่ายพร้อมน้ำสลัดสูตรเฉพาะฟาร์มรักดี ให้เลือก 3 รสชาติ ซึ่งผลตอบรับดีมาก จึงต่อยอดอีกครั้งกับการเปิดร้านอาหาร โดยเลือกเมนูที่สามารถต่อยอดจากผักในฟาร์มของตนเองได้
เมนูสเต๊ก เนื้อ หมู ไก่ ปลาแซลมอน สลัด และอาหารฝรั่งราว 40 รายการ ผุดขึ้นรองรับลูกค้าที่เดินทางมา 100-500 คน ต่อวัน นำพารายได้มาสู่ฟาร์มรักดีรวมแล้ว 300,000-500,000 บาท ต่อเดือน ตัวเลขความเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 300 เปอร์เซ็นต์
ทำเลไม่ต้องตา แล้วอย่างไรลูกค้าจึงเดินทางมากันหนาแน่น คุณเจสให้เหตุผลว่า โซเชียล คือสื่อสำคัญ ส่งกระจายออกไปได้รวดเร็ว ฉะนั้น การทำการค้าในวันนี้ ทำเลดีจึงไม่ใช่ปัจจัยหลัก แต่ต้องโฟกัสกันที่ผลิตภัณฑ์ และบริการ ซึ่งคุณเจสยืนยันว่า 2 สิ่งนี้ มีอยู่ที่ฟาร์มรักดี
“ผมยกมือไหว้ลูกค้าทั้งไปและกลับเสมอเหมือนกันทุกคน สร้างความอบอุ่นและเป็นกันเองให้เขา ผมว่าสิ่งนี้พิสูจน์ความเป็นมืออาชีพในด้านการค้าปลีกนะ ส่วนอีกสิ่งหนึ่งที่จูงใจลูกค้า คือ ธรรมชาติ ฟาร์มรักดีอยู่ห่างจากเมืองแค่ 1 กิโลเมตร แต่ที่นี่เงียบ สงบ สิ่งนี้แหละครับที่คนยุคนี้แสวงหา”
เมื่อเลือก “บ้าน” เป็น “ร้าน” ทำให้ลดปัญหารายจ่ายค่าเช่าพื้นที่ และนี่จึงเป็นเหตุผลให้สามารถผลิตสินค้าคุณภาพดีในราคาถูกได้ โดยเมนูสเต๊กเริ่มต้น อย่างสเต๊กปลาแซลมอนเพียง 120 บาท หรือสเต๊กเนื้อโคขุนนำเข้าจากออสเตรเลียจานละ 390 บาทเท่านั้น ส่วนสลัด เมนูที่ลูกค้ามาเป็นต้องสั่งชามโต ราคา 80 บาท บวกน้ำสลัด 3 รสชาติ
“ลูกค้าพอมาทานแล้วเขาประทับใจ ทั้ง อาหาร ราคา และบริการ ก็เกิดการบอกต่อ โดยเฉพาะในโลกโซเชียล เกิดการโพสต์ การแชร์ ขึ้นมา ทำให้วันนี้ฟาร์มรักดีมีลูกค้ามาจากหลายแห่ง ต่างจังหวัดก็เดินทางมา อย่างในวันพุธ เราจัดโปรโมชั่น ทานสลัดไม่อั้นท่านละ 60 บาท ลูกค้าแน่นมาก หรืออย่างเสาร์-อาทิตย์ ลูกค้ามาชมฟาร์ม เพราะเราทำฟาร์มสวย สะอาดตา มาทานอาหารกัน 3 วันนี้จึงต้องมีการโทรสั่งจองโต๊ะ และเราจะบอกกับลูกค้าว่า ถ้ามาทานอาหารที่ร้านต้องใจเย็นๆ นะครับ เพราะอาหารเราทำสด ไม่มีการสต๊อกไว้”
และนี่จึงเป็นอีกเหตุผลทำให้ ฟาร์มรักดี กลายเป็นที่รู้จักในเวลาอันรวดเร็ว
สนใจเดินทางไปชมฟาร์ม ลิ้มรสอาหารอร่อย ติดต่อ “ฟาร์มรักดี” ได้ที่โทรศัพท์ (092) 281-7788  หรือ www.facebook.com/Farmluckdee หรือจะโทรศัพท์สั่งเมนูอร่อยให้ไปส่งถึงหน้าบ้าน ฟาร์มรักดี ยินดีให้บริการทั่วประเทศไทย