“ล้มไม่ถอย ลุกใหม่” บทเรียนจากเด็กเกเร สู่นักธุรกิจผลิตเสื้อเชิ้ต เงินลงทุน 60 ล้าน

มีโอกาสได้ฟังเรื่องราว การประกอบธุรกิจของเจ้าของกิจการผู้ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปท่านหนึ่ง จากการลงพื้นที่ เยี่ยมผู้ประกอบการภาคเหนือตอนล่าง จังหวัดตาก  ซึ่งเป็นจังหวัดจุดเชื่อมโยงเศรษฐกิจพิเศษเมียวดี กับกระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับ กระทรวงมหาดไทย, สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม, ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และหน่วยงานเครือข่ายการพัฒนาเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นการเดินหน้าสานต่อ กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ จัด คลินิกเอสเอ็มอีสัญจรแนวประชารัฐ ครั้งที่ 7

ซึ่งมีความน่าสนใจตรงที่แนวคิด และวิธีการคิด เนื่องจากเป็นแนวคิดมาจากคนที่เคยล้มเหลวมาก่อน แถมมีหนีสิ้นตั้งแต่เดือนแรกที่เข้ามาบริหารงาน และพนักงานที่เคยทำงานด้วยกัน กว่า 300 คน ทิ้งงานและไม่กลับมาทำงานเกินกว่าครึ่ง เหลือคนที่ทำงานเพียง 50 คนเท่านั้น

จึงทำให้คิดได้อย่างหนึ่งว่า การทำงานทุกอย่าง ไม่ได้ง่ายเลย กว่าจะประสบความสำเร็จ ความรู้สึกท้อถอย อาจเป็นเพื่อนเดินเล่นที่ดีที่สุดในยามที่ล้มเหลวกับหนทางที่อยากจะก้าวไปสู่ความสำเร็จ และการลุกขึ้นใหม่ มาต่อสู้กับสิ่งที่คิดฝัน ก็คงเหมือนกับการได้พบเจอทางแยกใหม่ๆ ให้ได้ลองเสี่ยงต่อไป อาจจะกลายเป็นเรื่องดี หรืออาจจะไม่ดี ก็เป็นไปได้ทั้งสองทาง

ปี 2550 จุดเปลี่ยนชีวิตเด็กเกเร

รับช่วงธุรกิจผลิตเสื้อผ้าของครอบครัว

คุณต่อพงศ์เกียรติ จตุรเจริญคุณ หรือคุณต่อ วัย 34 ปี กรรมการผู้จัดการ บริษัท CC&C Garment จำกัด ผู้ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปชั้นนำในประเทศไทย เล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ในการบริหารจัดการบริษัทสิ่งทอที่ปัจจุบันมีการแข่งขันกันสูงมากให้ฟังว่า “ความยากของการบริหารงาน มีอยู่สองสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเสมอและเป็นหัวใจหลักสำคัญในธุรกิจ คือ 1. ลูกค้า และ 2. ลูกน้อง สองเรื่องนี้คือเรื่องที่สำคัญอย่างมาก ถ้าจัดการไม่ได้ ไม่ดี ก็จะทำให้ธุรกิจเจ๊งได้ ไม่มีทางประสบความสำเร็จ”

คุณต่อพงศ์เกียรติ ย้อนเล่าเรื่องราวในอดีตให้ฟังว่า “ผมเป็นเด็กเกเร ไม่อยากเรียนหนังสือ ก่อนจะบวชอยู่ในทางศาสนา อยู่ได้ประมาณ 1 ปี ก็จำจะต้องกลับมารับงานช่วงต่องานของที่บ้าน ตอนแรกอยากจะบวชยาวเสียด้วยซ้ำ แต่ด้วยเหตุผลหลายอย่าง ทำให้ต้องกลับมาช่วยงานที่บ้าน ช่วงนั้นอายุ 24 ปี ประมาณปี พ.ศ.2550 โดยบริษัทนี้ ได้มาจากการสืบทอดกิจการของครอบครัว ก่อตั้งโดยคุณพ่อ ตั้งแต่ปี 2538

ผมก้าวเข้ามาบริหารงานเลย เปิดมาแรกๆ นี่ ผมทำบริษัทติดหนี้ 5 ล้านบาท มีลูกค้ามาสั่งผลิตงานแค่ 1 เจ้าเท่านั้น ไม่มีทั้งงาน ไม่มีทั้งคน ช่วงนั้นแย่มาก ลูกค้าใหม่ก็หาไม่ได้ คนที่ทำงานด้วยกันมานานก็จะลาออก ผมยังจำได้ว่า บริษัทเคยติดหนี้พนักงาน 400,000 บาท ทั้งๆ ที่ตอนนั้น เงินเดือนพนักงานเดือนละ 3,500 บาทเท่านั้น บริษัทยังติดหนี้เขาได้เลย ผมก็ต้องหาเงินมาใช้หนี้ให้เขา”

สร้างเป้าหมาย “สวย เร็ว สะดวก”

หัวใจหลักคือ “ขวัญ กำลัง ใจ” ที่ดี

จุดเปลี่ยนของคุณต่อพงศ์เกียรติ คือ ความคิด และรู้ตัวว่าทำงานผิดมาตลอดชีวิต การจะทำถูกมันไม่ง่าย ทุกครั้งที่เราทำผิด มันไม่ได้เสียป่าว เพราะมันคือการเรียนรู้ และได้เรียนรู้มาตลอดว่าว่าการยื่นอยู่ที่เดิม มันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น เมื่อรู้ว่าล้มมาแล้วกี่ครั้ง และถึงแม้ว่าจะล้มต่ออีกสักครั้งก็ไม่เป็นไร แต่ล้มแล้วต้องลุกและตั้งตัวใหม่

“ผมทำอะไรก็ล้มมาตลอด จนกระทั่งได้อาจารย์ท่านหนึ่ง บอกให้ผมลองไปอ่านหนังสือของบริษัทโตโยต้าเล่มหนึ่ง ผมถึงได้รู้ว่า วิธีการที่ทำอยู่ ผมทำผิดมาตลอด ลองคิดดูสิ รถยนต์มีอะไหล่มากมาย แต่เขายังประกอบและสามารถส่งขายทั่วโลกได้ เสื้อผ้าก็เช่นกัน

ผมจึงได้หลักการและเป้าหมายของการจะทำให้กิจการไปรอดได้ คือลูกค้า และลูกน้อง โดยเป้าหมายสำหรับลูกค้า คือ สวย เร็ว สะดวก เป้าหมายของลูกน้องคือ ขวัญ กำลัง ใจ การตั้งเป้าหมายนี้ไม่ได้เพียงตั้งขึ้นมาเท่านั้น แต่มันได้มาจากการเก็บข้อมูล และสำรวจสอบถามจากลูกค้าและลูกน้อง คนที่ทำงานด้วยกันจริงๆ ว่าแท้ที่จริงเขาต้องการอะไร อย่างลูกค้า สิ่งที่เขาต้องการคือ เสื้อผ้าเขาต้องสวย เร็วคือ การทำงานที่รวดเร็ว ผลิตได้ไว สะดวกก็เรื่องของการรขนส่ง การดำเนินงาน ส่วนลูกน้อง หรือพนักงานทุกคนของบริษัท สิ่งที่เขาต้องการคือ ขวัญดี กำลังก็คือเรื่องค่าตอบแทนที่ดี เหมาะสม สามารถเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้ มีเงินสำรองในอนาคต เพราะทุกคนทำงาน ย่อมคาดหวังว่าชีวิตจะต้องดีขึ้น จึงต้องมีการจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ มีเงินให้กู้สำรองต่างๆ และใจดี คือกำลังใจ แรงบันดาลใจที่ดีในการทำงานร่วมกัน

หัวใจหลักของการพัฒนาบริษัทของผมคือ คน ผมอยากให้มีวัฒนธรรมองค์กรที่ดี เพราะมันเป็นเหมือนทิศทางของการทำงานร่วมกันของพนักงานทุกคน” คุณต่อพงศ์เกียรติ บอก

โดยเจ้าของกิจการแนะเทคนิค ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนของเขาจากการมีหนี้สิน มาสู่บริษัทที่ประสบความสำเร็จได้ในระดับที่น่าพึงพอใจ มีเงินลงทุนกว่า 60 ล้านบาทว่า “ผมคิดได้ 2 ข้อ ข้อที่หนึ่ง คือ พัฒนาตัวเราเอง ให้สามารถสร้างคุณค่าตัวเราเองได้ แล้วนำไปสร้างให้กับผู้อื่น และสังคม ถ้าเรามีความฝัน ก็จงทำตามความฝันที่มี และทำให้สำเร็จ พัฒนาตัวเองให้ไปถึงสิ่งที่ฝัน ข้อสองคือ จุดที่เรามองเห็นภาพว่าเราอยากจะไปยื่นอยู่ตรงนั้น จะต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ที่ต้องมี และจำเป็นต้องทำ ก็ต้องสร้าง ทำ และพัฒนาคุณสมบัติเหล่านั้นให้ดี เช่น อยากเป็นแอร์โฮสเตจ ต้องพูดภาษาอังกฤษ สื่อสารได้ ก็ต้องพัฒนาตัวเองให้ไปถึงคุณสมบัติอันนั้นให้ได้ ผมมองว่าทุกปัญหา ก็คือโอกาสใหม่ สองอย่างนี้มันจะเข้ามาพร้อมกัน และเข้ามาหาเราทุกวัน ปัญหากับโอกาสมันคือเรื่องเดียวกัน ก็ต้องลองพิจารณาดูว่าจะทำอย่างไร”

เก่งหลายเรื่อง อาจไม่ได้ดี

แต่เก่งเรื่องเดียว ทำให้ได้ ตอบโจทย์กว่า

คุณต่อพงศ์เกียรติ บอกว่า “ก่อนที่ บริษัท CC&C Garment จำกัด จะดำเนินงานมาถึงวันนี้ ที่มีเงินลงทุนกว่า 60 ล้านบาท และมีพนักงานกว่า 300 ชีวิต ยอดขายและยอดการผลิตเพิ่มขึ้นทุกปี ปีละ 1 เท่าตัว พนักงานทุกคนสามาถทำงานเป็นทีมได้ และสามารถทำงานเก่งได้ทุกฟังก์ชั่นของการตัดเย็บเสื้อผ้า ได้ก็ไม่ง่าย

ช่วงปี 2557 เป็นการลงทุนทำโรงงานใหม่ครั้งใหญ่ กู้เงินมาลงทุน เพราะเป็นความฝัน คือต้องการสร้างโรงงานให้สำเร็จให้ได้ พอมันทำได้และสำเร็จ ก็หมดความฝัน เหมือนฝันสลาย เพราะมันสำเร็จแล้ว พอช่วงปี 2558 คนงานที่เคยทำงานด้วยกันหลายร้อยชีวิต พอเขากับบ้านไปช่วงสงกานต์ ก็กลับมาทำงานเพียง 50 คน เท่านั้น ช่วงนั้นผมขาดทุนทุกเดือน เดือนละ 1 ล้านบาท ตลอด 1 ปีเต็ม เท่ากับผมขาดทุน 10 กว่าล้านบาท”

จึงต้องเปลี่ยนวิธีการทำงานใหม่ โดยวิธีการทำงานคือ “ผมไม่อยากทำงานคนเดียว ฉะนั้น ทุกคนต้องทำงานเป็นทีม เน้นการทำงานเป็นทีม เป็นหลัก โดยกลยุทธ์ คือ “ฆ่าแม่ทัพ” ที่บอกแบบนี้เพราะตลาดเสื้อผ้าการแข่งขันสูงมาก เฉพาะในพื้นที่ที่ผมอยู่ตรงนี้ จ.ตาก ก็มีโรงงานผลิตเสื้อผ้าหลายร้อยโรงงานแล้ว การฆ่าแม่ทัพของผมจึงหมายถึง ผมจะทำงานให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด คือ ต้องสวย เร็ว สะดวก และตีตลาดให้เก่งเฉพาะด้าน

ปัจจุบันโรงงานของผม เน้นผลิตเสื้อเชิ้ตโดยเฉพาะ เราอาจไม่ใช่รายใหญ่ที่สุดของประเทศ แต่ก็สามารถผลิตเสื้อผ้าให้กับแบรนด์ดังๆ ได้ อย่างเช่น Mc HARA เริ่มจากการตีตลาดภายในประเทศก่อน ซึ่งแตกต่างจากเมื่อก่อนมากที่เรารับผลิตเสื้อผ้า ชุดชั้นใน รับผลิตไปหมดทุกอย่าง เสื้อผ้า กางเกง ชุดชั้นใน มันทำให้เราไม่เก่งอะไรสักอย่าง พอเปลี่ยนมาผลิตแค่เสื้อเชิ้ต เด่นในด้านนี้ มันกลับเป็นผลดี”

การปรับวิธีคิด เทคนิค วิธีการทำงานต่างๆ และตอบโจทย์ของทั้งลูกค้า และลูกน้องได้ เพียง 3 ปีเท่านั้นมันพลิกผันมาก หาเงินใช้หนี้หมด ยอดขายโต 1 เท่า คือ 30 เปอร์เซ็นต์ของเงินลงทุน ลูกค้ามากขึ้น งานด้านการผลิตก็เติบโตขึ้นอีก 1 เท่าตัว ปัจจุบันยอดการผลิตอยู่ที่ 50,000 ตัวต่อเดือน และปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มอีก 1 เท่า คือ 100,000 ตัว ลูกน้องมีรายได้เพิ่ม 30-40 เปอร์เซ็นต์ พนักงานที่เป็นคนเก่าคนแก่ เขาก็ได้เลื่อนตำแหน่ง เงินเดือนเพิ่มขึ้น จากที่มีปัญหาเรื่องการบริหารงานคน ปัจจุบันดีขึ้นมาก เมื่อบริษัทดี วัฒนธรรมองค์กรดี คนทำงานงานก็จะอยากเข้ามาทำงาน ญาติพี่น้องที่เคยทำงานมาก่อน ก็ชักชวนเพื่อนให้มาทำงานด้วยกัน จากทีมทำงานเพียง 1 ทีม ก้าวกระโดดมาเป็น 7 ทีมทำงาน มีพนักงานประมาณกว่า 300 คน ทุกคนมีเป้าหมายว่าอยากมีเงินเก็บสำรอง เมื่อเกษียณอายุ และจะมีเงินใช้ไปตลอดชีวิต คุณต่อพงศ์เกียรติเล่าให้ฟังทิ้งท้าย

สอบถามข้อมูล บริษัท CC&C Garment จำกัด 569 ม.2 ต.แม่ตาว อ.แม่สอด จ.ตาก 63110 หรือรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ (055) 542051