“ข้าวเงี้ยว” เมนูนี้…อร่อยอย่าบอกใคร

“ข้าวเงี้ยว” หรือ “ข้าวกั้นจิ้น” นั้นชาวล้านนารู้จักกันดี คำว่า “เงี้ยว” ได้บอกที่มาของอาหารชนิดนี้ไว้ชัดเจนว่ามาจากชาวเงี้ยวที่เรียกตนเองว่า “ไตโหลง” (ไทหลวง) หรือที่ชาวสยามนิยมเรียกว่า “ไทใหญ่” หรือ “เงี้ยว” นั่นเอง ส่วนคำว่า “กั้นจิ้น” เป็นภาษาคำเมือง “กั้น” หมายถึง คั้น บีบนวดคั้น ประมาณนี้ ส่วนคำว่า “จิ้น” หมายถึงเนื้อ เช่น จิ้นงัว จิ้นควาย หมายถึง เนื้อวัว เนื้อควาย จิ้นส้ม หมายถึงแหนม

“ข้าวกั้นจิ้น” จึงหมายถึงข้าวที่มีการบีบคั้นกับเนื้อ โดยจะนำเลือดหมูสดไปคั้นกับตะไคร้เพื่อดับคาว แล้วคลุกลงไปในข้าวสวยที่หุงไว้คลายร้อนแล้วพร้อมกับหมูสับ ปรุงรสด้วยเกลือ เหยาะซีอิ๊วสักหน่อยก็หอมดี ใครติดหวานก็ใส่น้ำตาลลงไปนิดหน่อย และที่จะทำให้อร่อย คือ น้ำมันกระเทียมเจียว ใส่ลงไปแล้วคลุกไปนวดไปให้เครื่องทั้งหลายนั้นเข้ากันดี จึงนำมาห่อใส่ใบตองมัดด้วยตอก หรือกลัดด้วยไม้กลัดแล้วนำไปนึ่งให้สุก

เปิดห่อใบตองมาควันฉุยหอมฟุ้ง ตักกระเทียมเจียวราด จะให้เด็ดก็มีกากหมูด้วย กินแนมกับพริกแห้งทอดและผักสดที่เข้ากันดี คือ หอมแดง แตงกวา และผักชี อร่อยอย่าบอกใคร นึกภาพตามแล้วน้ำลายปุ๊ ก็มันของโปรดของฉันเลยนี่นา ตามปกติเขาก็กินกันเท่านี้ แต่ใครจะประยุกต์ไปกินกับกับข้าวอย่างอื่นก็อร่อย ส่วนตัวฉันชอบกินกับแกงฮังเล รู้สึกเอาเองว่ามันเข้ากันดี

ข้าวเงี้ยวนี้ น่าสนใจตรงที่ใช้ข้าวเจ้าแตกต่างจากข้าวที่นิยมกินกันในล้านนาที่จะเป็นข้าวเหนียว การห่อข้าวใส่ใบตองก็คงเพื่อความสะดวกในการพกพาเป็นเสบียงกรังยามเดินทางไปกับกองคาราวานวัวต่างไปค้าขายไกลบ้านของชาวไตโหลงในอดีต สำหรับชาวเหนือแล้วนิยมกินกันทั่วไปดังจะเห็นว่ามีขายในตลาดสดและร้านอาหารเมือง

 ชาวไตเพิ่งจะเฉลิมฉลองวันชาติไต ปีที่ 70 ไปเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ดอยไตแลงซึ่งเป็นพื้นที่ของกองกำลังกู้ชาติไทใหญ่ (S.S.A.) ภายใต้การนำของ พล.ท. เจ้ายอดศึก มีชาวไตจากทั่วทุกสารทิศที่กระจายตัวอยู่ในรัฐฉาน รวมทั้งจากประเทศไทยทั้งเชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอนที่ข้ามชายแดนไป “ใหม่สูงข้า” เพื่อพบปะสวัสดีพี่น้องร่วมชาติพันธุ์กันอย่างคึกคัก