เรียนจบป.ตรี จากออสเตรเลีย หันมาเอาดี เพาะพันธุ์-ทำปุ๋ยไส้เดือนขาย รับทรัพย์ทุกวัน

ในวงการเกษตรไส้เดือนถือเป็นสัตว์ที่ทำประโยชน์ให้มากมาย การคืบคลานชอนไชในดินของสัตว์ชนิดนี้ช่วยทำให้ดินร่วนซุย การถ่ายเทน้ำและอากาศดี ดินอุ้มน้ำได้ดีขึ้น เพิ่มช่องว่างในดินทำให้รากพืชหาอาหารได้ง่าย ไม่เพียงเท่านั้นไส้เดือนยังเหมือนเครื่องชี้วัดสารเคมีในดิน เพราะถ้าดินบริเวณนั้นมีสารเคมีตกค้าง จะไม่พบไส้เดือนสักตัว อาจกล่าวได้ว่าบริเวณใดมีไส้เดือน บริเวณนั้นมีความอุดมสมบูรณ์

สำหรับนักตกปลาแล้วไส้เดือนถือเป็นอาหารอันโอชะของบรรดาปลาทุกชนิด อีกทั้งยังพบว่าในตัวไส้เดือนมีปริมาณเปอร์เซ็นต์โปรตีนที่สูงมากหากนำมาใช้เลี้ยงสัตว์ จะช่วยลดค่าใช้จ่าย ถ้าใช้ไส้เดือนเป็นอาหารแก่นกแข่งเสียงแล้วจะทำให้มีเสียงไพเราะ มีขนสวย หรือถ้านำไปเลี้ยงหมูแล้วพบว่าคุณหมูทั้งหลายจะมีการผสมพันธุ์ที่ดี ไม่เพียงเท่านั้นมูลไส้เดือนยังเกิดประโยชน์ต่อวงการเกษตรด้วย

ด้วยเหตุผลทั้งหลายทั้งปวงจึงเกิดมีอาชีพเพาะ-เลี้ยงไส้เดือนขึ้นเพราะต้องการนำไปใช้เป็นอาหารสัตว์ และนำมาใช้ย่อยสลายวัสดุเหลือทิ้งจากภาคการเกษตรและอาหาร เช่น เศษผัก ผลไม้หรือมูลสัตว์ เพื่อผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์

“ฟาร์มไส้เดือนเดช” ตั้งอยู่เลขที่ 3 หมู่ที่ 11 ตำบลอ้อมน้อย อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร มี คุณตุลย์เดช เผดิมชิต หรือ คุณเดช เป็นเจ้าของ

เจ้าของฟาร์ม บอกว่า การเลี้ยงไส้เดือนมี 2 แบบ คือถ้าเลี้ยงแบบขนาดเล็กเพื่อใช้เองในวงจำกัดมักใช้ขยะอินทรีย์ที่เหลือใช้ เช่น ผัก ผลไม้ เป็นอาหารไส้เดือนแล้วผสมใบไม้แห้ง หรือถ้าเลี้ยงในเชิงการค้าต้องทำให้เป็นระบบมาตรฐาน ซึ่งมักใช้มูลสัตว์เลี้ยงอย่างเดียว

8

คุณเดช เรียนจบปริญญาตรีทางด้านการโรงแรมและท่องเที่ยวจากประเทศออสเตรเลีย หลังจากเรียนจบกลับมาทำงานที่เมืองไทยสักพัก แต่ต้องไปช่วยธุรกิจโรงพิมพ์ที่บ้าน ขณะเดียวกัน จะใช้เวลาว่างปลูกไม้ดอก ไม้ประดับ แล้วทดลองเพาะต้นกล้าจนประสบความสำเร็จ ทำให้เกิดกำลังใจขยายต่อยอดออกไปอีกจำนวนมาก และทำเช่นนี้อยู่ 5 ปี เห็นว่าทำอย่างไรถึงจะสร้างคุณภาพพืชที่ปลูกอยู่ให้มีความสวยงามมากขึ้นกว่าเดิม

ขณะเดียวกัน ในช่วงนั้นทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ได้เปิดอบรมการเลี้ยงไส้เดือนเพื่อทำปุ๋ยขึ้นจึงไปเข้าอบรม หลังจากอบรมเสร็จได้ทดลองเลี้ยงไส้เดือนจำนวนหนึ่งแต่ไม่สำเร็จดีเท่าไรนัก จึงพยายามค้นคว้าเพิ่มเติมแล้วทำใหม่อีกกระทั่งเกิดความชำนาญสามารถจับแนวทางได้ จึงพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ จนทำได้สำเร็จอย่างถูกต้อง

เหตุผลที่คุณเดชสนใจการเลี้ยงไส้เดือนเพราะต้องการนำมูลมาใช้เป็นปุ๋ยให้แก่ไม้ดอก ไม้ประดับที่เขาปลูกให้มีความงอกงาม เจริญเติบโตแข็งแรง อีกทั้งเมื่อนำมาใช้กับการตอนกิ่ง การปักชำ จะช่วยทำให้ออกดอกเร็ว ดอกมีขนาดใหญ่ แข็งแรง

“แต่ภายหลังจำนวนไส้เดือนเพิ่มขึ้นอย่างมากและรวดเร็ว พร้อมกับมูลที่เพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน พอเป็นเช่นนั้นจึงมองเห็นลู่ทางธุรกิจด้วยการเพาะพันธุ์ไส้เดือนขาย พร้อมกับแปรรูปมูลไส้เดือนเป็นปุ๋ย”

ไส้เดือนที่คุณเดชใช้เป็นพันธุ์แอฟริกัน เป็นสายพันธุ์ที่เหมาะสมที่สุดเพราะมีคุณสมบัติโตเร็ว ขยายพันธุ์เร็ว มีขนาดใหญ่ เจ้าของฟาร์มชี้ว่าไส้เดือนของไทยก็มีคือ พันธุ์ขี้ตาแร่ มักมีจำนวนมากในจังหวัดแถบภาคเหนือ และไม่ค่อยพบในภาคกลาง กับอีกพันธุ์ในบ้านเราคือ สายพันธุ์สีน้ำเงิน แต่ไม่แพร่หลายเพราะมีขนาดเล็กเกินไป

ดังนั้น ในปัจจุบันธุรกิจของคุณเดชคือการทำฟาร์มไส้เดือน ซึ่งได้แก่ การขายพันธุ์ไส้เดือนแอฟริกัน กับการขายปุ๋ยมูลไส้เดือน นอกจากนั้น มีธุรกิจคู่ขนานคือการเพาะกล้าพันธุ์ไม้ในกลุ่มที่ใช้สำหรับจัดสวนหลายชนิด

wf2-%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%a1%e0%b8%b9%e0%b8%a5%e0%b9%84%e0%b8%aa%e0%b9%89%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%96%e0%b8%99

การเลี้ยงเพื่อขายพันธุ์

เจ้าของฟาร์มไส้เดือนให้รายละเอียดขั้นตอนการเพาะ-ขยายพันธุ์ว่า ควรเลือกสถานที่ให้เหมาะสม ซึ่งควรเป็นสถานที่ที่มีร่มเงาทั้งวัน มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่อบอ้าว และมีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 20-30 องศา จากนั้นจัดเตรียมภาชนะสำหรับเลี้ยง ซึ่งสามารถเลือกใช้วัสดุเลี้ยงได้หลายชนิดตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นกะละมังพลาสติกที่ควรมีความกว้างไม่น้อยกว่า 30 เซนติเมตร หรือในวงบ่อซีเมนต์ กระสอบปุ๋ย หรือแม้แต่ในกระถางมังกร

ให้เตรียมวัสดุที่ใช้เลี้ยง ได้แก่ มูลสัตว์ อย่างมูลวัว แพะ กระต่าย ช้าง แต่ในกรณีที่เป็นมูลสัตว์ปีกควรปล่อยทิ้งไว้ให้เย็นก่อน ซึ่งอาจต้องใช้เวลานานจึงไม่ค่อยนิยม สำหรับสัดส่วนที่ผสมให้ใช้มูลสัตว์ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ กับใช้ดินผสมใบไม้แห้งหรือฟางหรือหญ้าแห้งประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์

ทั้งนี้ ดินที่ใช้ควรเป็นดินชีวภาพหรือดินอินทรีย์ ไม่ควรใช้ดินที่มีส่วนผสมของสารเคมี และอาหารที่ใช้เลี้ยงไส้เดือนอาจเป็นขยะอินทรีย์ อย่างผัก ผลไม้ นำมาฝังกลบให้เป็นอาหารของไส้เดือน

อย่างไรก็ตาม หากเป็นการเลี้ยงไส้เดือนเชิงธุรกิจขนาดใหญ่มักใช้มูลสัตว์เป็นหลักอย่างเดียว ใช้มูลวัวนมที่ผสมกับขุยมะพร้าวหรืออาจใช้มูลวัวนมล้วน โดยมีวิธีทำคือนำมูลวัวมาทุบหรือป่นให้ละเอียด แล้วจึงนำไปใส่ในภาชนะอย่างกะละมังหรือวงซีเมนต์ จากนั้นรดน้ำเพื่อให้คลายความร้อน ให้รดทุกวัน วันละ 1 ครั้ง

ทิ้งไว้สัก 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ ขณะรดน้ำจะมีน้ำที่ผ่านมูลวัวไหลออกมาให้จัดหาภาชนะมารองเพื่อนำน้ำมูลวัวไปใช้รดต้นไม้ได้ ให้ลองใช้นิ้วจุ่มลงดินดูว่าเย็นหรือยัง ถ้าเย็นแล้วจึงค่อยปล่อยพันธุ์ไส้เดือนโดยมีอัตราการปล่อยพันธุ์ในกรณีที่มีพื้นที่สัก 1 ตารางเมตร ให้ปล่อยไส้เดือนประมาณ 1 กิโลกรัม ทั้งนี้ ในกรณีที่เป็นมือใหม่อาจน้อยกว่าก็ได้ประมาณครึ่งกิโลกรัม เพราะจะช่วยให้เลี้ยงง่าย แล้วค่อยปล่อยให้ไส้เดือนขยายพันธุ์เอง

ภายหลังปล่อยไส้เดือนลงในภาชนะเลี้ยงแล้วโดยธรรมชาติมักใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อให้ไส้เดือนคุ้นเคยกับวัสดุเลี้ยงเสียก่อน จากนั้นไส้เดือนจะผสมพันธุ์กัน แล้วออกไข่ทุกสัปดาห์ละ 3 ฟอง ต่อตัว และในไข่ 1 ฟอง สามารถให้ลูกเฉลี่ย 2 ตัว สำหรับพันธุ์แอฟริกัน ทั้งนี้ ไข่ไส้เดือนจะมีทุกสัปดาห์

wf1%e0%b9%80%e0%b8%a8%e0%b8%a9%e0%b8%9c%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b9%83%e0%b8%aa%e0%b9%88%e0%b9%80%e0%b8%9e%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b9%87%e0%b8%99%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%ab

พันธุ์ไส้เดือนที่มีขนาดเล็กจะถูกเลี้ยงไปในระยะเวลาประมาณ 1 ถึง 1 เดือนครึ่ง จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการจำหน่าย โดยไส้เดือนจะมีขนาดลำตัวยาวประมาณ 4-6 นิ้ว มีขนาดใหญ่ประมาณดินสอ ทั้งนี้ วิธีการขายจะกำหนดเป็นตัวหรือเป็นน้ำหนักแล้วแต่การตกลงกัน ขายครึ่งกิโลกรัมในราคา 400 บาท และ 1 กิโลกรัม ราคา 800 บาท

ไส้เดือน เป็นสัตว์ที่มีโปรตีนสูงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ มักนิยมนำไปใช้เป็นอาหารสัตว์เลี้ยงหลายชนิด โดยสัตว์ที่กินไส้เดือนเป็นอาหารจะมีสุขภาพแข็งแรง มีขนาดใหญ่ มีสีขนสวย นอกจากนั้น ถ้านำไปใช้เลี้ยงหมูจะพบว่าจะช่วยในเรื่องการผสมพันธุ์หมูได้อย่างดี

ในกรณีที่ลูกค้าอยู่ไกลแล้วต้องการให้จัดส่ง จะส่งเป็นไข่ไส้เดือนเป็นชุด ใน 1 ชุด มีจำนวนไข่ 150 ฟองไปให้ ซึ่งระหว่างเดินทางอาจมีการฟักตัว เหตุผลที่ต้องส่งเป็นไข่ไส้เดือนเพราะมิเช่นนั้นไส้เดือนอาจตายได้ระหว่างเดินทาง ทั้งนี้ มียอดการสั่งซื้อไส้เดือนในทุกสัปดาห์ โดยสัปดาห์ละ 3-4 ชุด โดยลูกค้าที่ซื้อมักนำไปเลี้ยงเพื่อทำปุ๋ยมูลไส้เดือน

ใครที่สนใจต้องการทำเป็นรายได้เสริมหรืองานอดิเรก คุณเดช แนะว่า ควรใช้พื้นที่เล็กน้อยเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นบริเวณข้างบ้านหรือระเบียงบ้านก็ได้ หรืออาจดัดแปลงชั้นวางของที่เป็นลิ้นชักใช้เลี้ยงไส้เดือนได้

สำหรับอาหารที่ใช้เลี้ยงไส้เดือนก็เป็นอาหารที่เหลือจากการกินประจำวัน ทั้งนี้ ถ้าเป็นกรณีของชาวสวน ชาวไร่ที่เลี้ยงตามต่างจังหวัดสามารถนำพืชผักที่เสียหายจากการเพาะปลูกนำมาใช้เป็นอาหารไส้เดือนได้ แต่เน้นว่าต้องฝังกลบในดินเพื่อป้องกันสัตว์อื่นมากิน

ระยะเวลาการให้อาหารไส้เดือนควรพิจารณาในทุก 7 วัน ว่าอาหารหมดหรือยังด้วยการใช้วิธีเขี่ยดู ถ้าอาหารหมดสามารถเติมลงไปได้ในจำนวนที่ไม่มาก และควรกระจายอาหารให้เป็นบริเวณกว้าง ไม่ควรให้เป็นกลุ่มหรือกระจุก สิ่งที่ไม่ควรนำมาเป็นอาหารไส้เดือนคือสิ่งที่มีรสเผ็ดร้อน หรือมีกลิ่นฉุน หรือรสเปรี้ยว

“ผู้เลี้ยงท่านใดที่คิดในเชิงการค้าควรเลี้ยงให้มีความชำนาญเสียก่อน แล้วเมื่อมั่นใจจึงลงทุนซื้อหาวัสดุมาเลี้ยง ที่สำคัญควรหาตลาดไว้ก่อนเพราะเมื่อไส้เดือนมีการแพร่ขยายพันธุ์รวดเร็วมาก”

9

การทำปุ๋ยมูลไส้เดือน

หลังจากไส้เดือนกินอาหารหมดแล้ว (จากการสังเกตด้วยตาเปล่า) ก็จะเหลือเฉพาะมูลที่ถ่ายไว้เท่านั้น ให้แยกไส้เดือนออกมาจากภาชนะเลี้ยง (ไส้เดือนที่แยกสามารถนำไปเลี้ยงต่อ) แล้วนำมูลไส้เดือนไปตากแห้งสัก 2 วัน เพื่อให้สะดวกต่อการร่อนในตะแกรง เมื่อร่อนเสร็จจึงได้มูลไส้เดือนล้วนก็สามารถนำมาใส่ในต้นไม้หรือพืชต่างๆ ได้ ทั้งนี้ ในกรณีที่ต้องการทำขายด้วยการแพ็กใส่ถุงต้องให้ตากแดดต่อไปอีกสัก 1 สัปดาห์ หลังจากร่อนแล้วจึงนำไปแพ็กใส่ถุงสุญญากาศ

คุณเดช ระบุว่า มูลสัตว์จำนวน 100 กิโลกรัม จะได้มูลไส้เดือนจำนวน 70 กิโลกรัม ถึงแม้น้ำหนักจะลดลง แต่ได้ตัวไส้เดือนเพิ่มมากขึ้นแทน เพราะเพียง 1 เดือน ตัวไส้เดือนเพิ่มขึ้นถึง 1 เท่า ยิ่งถ้าเลี้ยงนานถึง 2 เดือน โดยสภาพการเลี้ยงยังสมบูรณ์จะได้ตัวไส้เดือนเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า

นอกจากปุ๋ยมูลไส้เดือนแบบตากแห้งแล้ว น้ำมูลไส้เดือน ซึ่งเป็นน้ำที่ไหลออกมาจากภาชนะที่ใช้เลี้ยง นิยมใช้ฉีดพ่นทางใบหรือต้น โดยน้ำมูลไส้เดือนนี้จะต้องนำไปผสมกับน้ำเปล่าในอัตรา 1 ต่อ 50 หรืออีกวิธีอาจใช้ปุ๋ยมูลไส้เดือนที่ตากแดดแล้วมาผสมน้ำในอัตรา 1 ต่อ 10 แล้วทิ้งไว้สัก 1 สัปดาห์ จึงค่อยนำมาใช้

“วิธีหลังนี้จะได้ประโยชน์มาก เนื่องจากมาจากมูลไส้เดือนล้วน ทั้งนี้ ประโยชน์ของน้ำมูลไส้เดือนมักใช้ฉีดพ่นทางใบและต้นเช่นเดียวกัน ซึ่งนอกจากจะทำให้พืชมีการเจริญเติบโตได้ดอกได้ผลอย่างสมบูรณ์แล้ว ยังเป็นการช่วยป้องกันการเกิดโรคและแมลงศัตรูพืชได้ด้วย”

การขายปุ๋ยมูลไส้เดือน โดยจะขายให้แก่เกษตรกรที่ทำสวนเกษตรหรือปลูกต้นไม้ดอก ไม้ประดับ เพราะจะช่วยให้ไม้เหล่านั้นเจริญเติบโต แข็งแรง ให้ดอกสวยงาม มีผลขนาดใหญ่ อีกทั้งถ้าเป็นไม้ผลจะช่วยเพิ่มความหวานด้วย “ธุรกิจไส้เดือนสามารถนำไปต่อยอดได้อีกหลายอย่าง ขณะเดียวกัน ยังสามารถผลิตปุ๋ยมูลไส้เดือนไปพร้อมกันอีก จึงถือเป็นการลงทุนที่ใช้เงินน้อย แต่นำไปต่อยอดได้มากมายในรายได้ที่เพิ่มมาก ทั้งยังไม่จำเป็นต้องดูแลอย่างใกล้ชิด”

สอบถามรายละเอียดได้ที่ คุณเดช โทรศัพท์ (081) 792-8277, (081) 147-8255 หรือhttp://wormhut19.blogspot.com/