นายนิพนธ์ วงษ์แสงอรุณศรี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากนี้ไปบริษัทจะจำหน่ายและทำตลาดเครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ หรือแอร์ประหยัดพลังงาน เท่านั้น โดยได้เลิกจำหน่ายแอร์ระบบปกติไปตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้ว เนื่องจากตลาดแอร์ในระบบอินเวอร์เตอร์ เป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องในตลอด 3 ปีที่ผ่านมาด้วยผู้บริโภคเปลี่ยนมาเลือกซื้อกันมากขึ้น แม้ว่าราคาจะสูงกว่าแอร์ระบบปกติ แต่ช่วยประหยัดพลังงานได้ชัดเจน และปีนี้คาดว่าจะเติบโตถึง 5 เท่าจากปีก่อน

“ตลาดแอร์รวมปีนี้คาดว่าเติบโต 10% มูลค่าเพิ่ม 33,000 ล้านบาท หรือประมาณ 1.8 ล้านเครื่อง ซึ่งสัดส่วนแอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ ประเมินว่าจะเพิ่มเป็น 40-50% ในปีนี้ จากปีที่แล้วอยู่ที่ 30% ของตลาดรวมแอร์ 30,000 ล้านบาท หรือประมาณ 1.6 ล้านเครื่อง เติบโต 18% ซึ่งการเติบโตหลักมาจากแอร์อินเวอร์เตอร์ โดยแอลจีเห็นโอกาสในการขาย จึงได้ยกเลิกขายแอร์ปกติ เปลี่ยนมาขายเฉพาะแอร์อินเวอร์เตอร์ ออกสินค้าใหม่ 5 ซีรี่ส์ๆ ละ 4 รุ่น รวมทั้งหมด 20 รุ่น จากเดิมมีเพียง 12 รุ่น วางราคาขายเริ่มต้น 14,900 บาท สำหรับขนาด 9000 บีทียู รุ่นสูงสุด ราคา 49,900 บาท ขนาด 24000 บีทียู”

พร้อมกันนี้ บริษัททุ่มงบตลาดกว่า 300 ล้านบาท สำหรับการจัดกิจกรรมการตลาดครอบคลุม รวมถึงมีแบรนด์แอมบาสซาเดอร์คนแรก คือ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ ดาราดัง เพื่อช่วยให้แอร์แอลจีเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ทั่วถึงมากขึ้น บริษัทตั้งเป้าหมายจะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 25% ในตลาดแอร์อินเวอร์เตอร์ หรือมียอดขาย 1.5 แสนเครื่อง เติบโต 15% ขึ้นเป็นอันดับ 2 ของตลาดแอร์อินเวอร์เตอร์ และขึ้นเป็นที่ 3 ของตลาดรวมแอร์ จากปีที่แล้วมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 9% ในตลาดแอร์อินเวอร์เตอร์ มีส่วนแบ่งตลาด 10%เป็นอันดับที่ 4 ในตลาดรวม

สำหรับยอดขายกลุ่มแอร์ของแอลจีปีนี้จะเพิ่มเป็น 32,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 27,000 ล้านบาท คิดสัดส่วนเป็น 20% ของยอดขายรวมบริษัท โดยยอดขายอันดับ 1 เป็นกลุ่มทีวี รองลงมาเป็นกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน แต่กลุ่มแอร์มีศักยภาพเติบโตได้ต่อเนื่อง เพราะตลาดยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก จากปัจจุบันอัตราการครอบครองของผู้บริโภคคนไทยมีเพียง 20-30% ของครัวเรือนไทย ถือว่าเป็นอัตราครอบครองน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด

ที่มา ข่าวสดออนไลน์