สเต๊กถาดจานโต 699 เสิร์ฟเฉพาะเมนูถูกใจวัยโจ๋ แห่ยกแก๊งค์กันมากิน

คุณอารย จารุธาณินทร์ หรือ คุณวิว เด็กหนุ่มไฟแรงวัยเพียง 24 ปี ศิษย์เก่าวิทยาลัยดุสิตธานี คณะการจัดการครัวและศิลปะการประกอบอาหาร ลุยธุรกิจเปิดร้านสเต๊กในตู้คอนเทนเนอร์ ตั้งชื่อร้านว่า “พอร์เทอร์เฮ้าส์” โชว์จุดเด่นใช้เนื้อสัตว์อนามัย ได้รับเครื่องหมาย Q รับรองโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ครีเอตเมนู “สเต๊กถาด” เพื่อเอาใจวัยโจ๋โดยเฉพาะ เปิดขายได้เพียง 7 เดือน รายได้แต่ละเดือนราว 300,000 บาท กระแสตอบรับดีเกินคาด ขยายธุรกิจรูปแบบแฟรนไชส์  

วัตถุดิบพรีเมี่ยม
เสิร์ฟในตลาดนัด

ก่อนที่คุณวิวจะเปิดร้านสเต๊กพอร์เทอร์เฮ้าส์ ในอดีตเขาเคยเปิดร้าน เลอ มาแตง สเต็กฮัท รวมถึงขายแฟรนไชส์ ขายดีมากมีราว 50 สาขา ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แต่เจอปัญหาแฟรนไชซี (ผู้ที่มาซื้อแฟรนไชส์) ปรับเปลี่ยนวัตถุดิบ  ไม่ใช้ตามที่เงื่อนไขกำหนด หนที่สุดยุติการขายแฟรนไชส์ แล้วรีแบรนด์ใหม่ ใช้ชื่อร้านว่า “พอร์เทอร์เฮ้าส์”

“ผมชอบการทำอาหาร ชอบทานอาหาร โดยเมนูที่โปรดปรานคือ สเต๊กเนื้อวัว เลยเลือกเรียนทางด้านอาหารตั้งแต่หลังจบมัธยมศึกษาปีที่ 3 กระทั่งจบปริญญาตรีที่วิทยาลัยดุสิตธานี คณะการจัดการครัวและศิลปะการประกอบอาหาร ระหว่างเรียนก็เปิดร้านสเต๊กใช้ชื่อว่า เลอ มาแตง สเต็กฮัท เป็นสเต๊กฟิวชั่น เริ่มต้นราคาจานละ 59 บาท เปิดที่ศูนย์อาหารใกล้โรงพยาบาลธนบุรี 2 ถนนบรมราชชนนี กรุงเทพฯ ลงทุน 50,000 บาท รวมถึงขายแฟรนไชส์ด้วย เปิดร้านได้ราว 5 ปี เกิดปัญหาผู้ที่มาซื้อแฟรนไชส์ไม่ทำตามเงื่อนไขตามที่ทางร้านกำหนด เลยเลิกกิจการ”

ช่วงที่เปิดร้านเลอ มาแตง สเต็กฮัท คุณวิว บอกว่า ขายดี รายได้วันละ 7,000-8,000 บาท เมนูสเต๊กหมูขายดีที่สุด เป็นสูตรเฉพาะของทางร้านมีส่วนผสมของไวน์ ส่วนราคาแฟรนไชส์ 35,000 บาท

ภายหลังที่เลอ มาแตง สเต็กฮัท ปิดกิจการ เจ้าของหนุ่มไฟแรงไม่ท้อ เขาเลือกที่จะสู้ต่อ ด้วยการรี
แบรนด์ร้านใหม่ ใช้ชื่อว่า พอร์เทอร์เฮ้าส์ และครั้งนี้ก็เปิดขายแฟรนไชส์อีกเช่นเคย แต่เพื่อให้เข้าใจเรื่องแฟรนไชส์มากยิ่งขึ้น ไปเรียนหลักสูตรสร้างธุรกิจเข้าสู่ระบบแฟรนไชส์ ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

“กลางปี 2559 ผมเปิดร้านใหม่ ใช้ชื่อว่า พอร์เทอร์เฮ้าส์ ลงทุนราว 800,000 บาท มีเมนูให้เลือกหลากหลายมากกว่า 50 เมนู อยู่ในตลาดนัด มิตติ้ง วงแหวนปิ่นเกล้า-ถนนบรมราชชนนี (ขาเข้า) เยื้องโรงพยาบาลธนบุรี 2 สาเหตุที่เลือกทำเลนี้ เพราะใกล้บ้าน รูปแบบร้านเป็นตู้คอนเทนเนอร์ รสชาติสเต๊กสไตล์อเมริกัน ทุกจานทำสดใหม่”

นอกจากจะเป็นสเต๊กสไตล์อเมริกันเรียบง่าย รสชาติดี เจ้าของร้าน บอกต่อว่า ทางร้านจะแยกน้ำเกรวี่ หรือน้ำราดสเต๊กมาให้ลูกค้าราดบนสเต๊กเอง นอกจากนั้นยังมีสลัดผักออร์แกนิกที่ทานคู่กับสเต๊ก ซึ่งจุดเด่นอยู่ที่น้ำสลัดเทาส์ซันไอแลนด์มีส่วนผสมของน้ำผึ้ง เป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน และขนมปังนมสด แผ่นหนานุ่ม ปิ้งให้พอสุก ทำให้การทานสเต๊กออกรสชาติมากขึ้น

อร่อยอย่างเดียวไม่พอ
ยุคนี้ต้องคุ้มค่าด้วย

สำหรับเมนูซิกเนเจอร์ เจ้าของร้าน บอกว่า “สเต๊กถาด” เพราะคุ้มค่ามาก เอาใจคนทานจุ มาเป็นแก๊ง คนที่ชอบความคุ้มค่า 1 ถาด สามารถทานได้ 4 คน ราคาถาดละ 699 บาท สเต๊กถาดมี 3 สไตส์ คนไม่ทานเนื้อ (จะเสิร์ฟเมนูปลา  ปลาแซลมอน ปลาค็อด) คนที่ทานไม่เลือก เเละคนรักเนื้อโดยเฉพาะ

ด้านของวัตถุดิบที่ทางร้านเลือกใช้ก็มีความพิเศษ ผลิตจากแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐาน สามารถตรวจสอบที่มาได้ เพื่อรสชาติสเต๊กที่ได้มาตรฐานเหมือนกันทุกจาน จนได้รับเครื่องหมาย Q รับรองโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เลยทีเดียว

“ผมเลือกใช้วัตถุดิบเกรดอนามัยทั้งหมด โดยเลือกซื้อจากฟาร์มปิด ใช้เนื้อหมูส่วนสันคอ เพราะมีความนุ่ม มีไขมันแทรก ราคาค่อนข้างแพง ส่วนเนื้อวัว ใช้ด้านหลังลำตัว มีริบอายและทีโบน บางส่วนนำเข้าจากประเทศออสเตรเลียและญี่ปุ่น ทางด้านเนื้อปลา ใช้ปลาแซลมอนนำเข้าจากประเทศนอร์เวย์ และเลือกใช้ปลาค็อดแทนปลาดอลลี่ เนื่องจากเนื้อแน่น มีราคาแพง

เนื่องจากลูกค้าบางคนก็ไม่ชอบทานสเต๊กทุกวัน คุณวิวเลยมีเมนูข้าวจัดให้ อาทิ ข้าวแจ่วหมู ข้าวแจ่วไก่ ข้าวไข่ข้นเบค่อนชีส สปาเกตตีผัดไทย สลัดซีฟู้ด มันบด

ทางด้านกลุ่มลูกค้า คุณวิว บอกว่า 60 เปอร์เซ็นต์เป็นกลุ่มวัยรุ่น นักศึกษา ส่วนใหญ่มาเป็นแก๊งอยากมาลองทานสเต๊กถาด เพราะคุ้มค่า ทานได้หมดจาน ตั้งแต่ชิ้นเนื้อไปจนถึงผักเครื่องเคียง กินไม่หมดห่อกลับบ้านได้ ราคาไม่แพง นักเรียน นักศึกษาสามารถจ่ายได้ เพราะบางครั้งก็จัดโปรโมชั่นลดเหลือ 599 บาท อีก 40 เปอร์เซ็นต์เป็นกลุ่มวัยทำงาน หนุ่มสาวออฟฟิศ

ในส่วนของรายได้ เจ้าของหนุ่มไฟแรง เผยว่า เปิดขายได้เพียง 7 เดือน ผลตอบรับค่อนข้างดี เพราะรายได้แต่ละเดือนราว 300,000 บาท สเต๊กแต่ละจานกำไร 30-35 เปอร์เซ็นต์