รู้ไว้ใช่ว่า! 10 ข้อ สัญญาณอันตรายบอกคุณว่า “รถใกล้พัง”

รถยนต์เป็นเครื่องจักรประเภทหนึ่ง จึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาซ่อมบำรุงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อยืดอายุการใช้งาน ยานยนต์ “มติชน” ขอนำเสนอข้อมูลสัญญาณอันตรายรถยนต์ใกล้พัง หากเกิดเหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้

1.ไฟเตือนคือสัญญาณไฟเตือนบนแผงหน้าปัด หากมีไฟเตือนสัญลักษณ์ใดเกิดขึ้นมาก็ตาม สงสัยไว้ก่อนเลยว่าอาจมีอะไรขัดข้อง และควรจะรีบตรวจสอบทันที อย่าปล่อยทิ้งไว้เรื่องเล็กจะกลายเป็นเรื่องใหญ่

2.พฤติกรรมการขับรถ ถือว่ามีผลอย่างมาก ต่ออายุการใช้งานของรถยนต์ เพราะบางคนมีพฤติกรรมการขับแบบบ้าระห่ำ กระชากเกียร์ เหยียบคันเร่ง ราวกับแข่งแรลลี่ สามารถสร้างความเสียหายกับเครื่องยนต์ เกียร์ และช่วงล่างได้อย่างใหญ่หลวง

3.มีร่องรอยของน้ำมันหยดที่พื้น ถือว่าค่อนข้างไม่ปลอดภัย ควรรีบนำรถเข้าเช็กโดยด่วน

4.สตาร์ตเครื่องนานกว่าปกติ มีแนวโน้มว่าแบตเตอรี่รถอาจเสื่อม หรือใกล้หมดเต็มที่แล้ว จึงควรรีบนำรถเข้าเช็ก เพราะถ้ารถไปดับแล้วสตาร์ตไม่ติดในที่ไม่คุ้นเคยอาจเกิดอันตรายได้

5.มีควันขาวออกมาจากท่อไอเสีย อาจเป็นสัญญาณว่าเครื่องยนต์เริ่มมีปัญหาแล้ว ก่อนจะลุกลามไปมากกว่านี้ ควรนำรถเข้าตรวจเช็ก เพราะสัญญาณนี้หมายถึงระบบหล่อเย็นของเครื่องยนต์มีปัญหา โดยเฉพาะปะเก็นที่อยู่ระหว่างเครื่องยนต์ท่อนบนและล่างและเกิดปริ ทำให้น้ำเล็ดรอดเข้าห้องเผาไหม้ และเผาออกมาเป็นไอน้ำ เห็นเป็นควันสีขาวออกมา ถ้าอาการหนัก น้ำอาจจะปนเข้ากับน้ำมันเครื่อง ท้ายที่สุดทำให้น้ำมันเครื่องเป็นโคลน ทำให้เครื่องยนต์น็อกในที่สุด

6.กลิ่นเหม็นไหม้ ถ้ามีกลิ่นไหม้ แสดงว่าเกิดความเสียหายแน่นอน ควรนำเข้าอู่ด่วน

7.เสียงแปลก บางครั้งอาจเกิดเสียงแปลกๆ ที่ไม่คุ้นเคยดังในรถ โดยปกติแล้วเสียงเครื่องยนต์ การขับขี่ต่างๆ เราจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี ถ้าเมื่อใดเราได้ยินเสียงแปลกๆ ดังขึ้นเป็นประจำ ก็ควรหาตำแหน่งที่เสียงดัง แล้วรีบนำรถเข้าตรวจสอบโดยด่วน

8.มีเสียงแหลมขณะเบรก ส่วนใหญ่จะเป็นเสียงดังแบบจี๊ดๆ อาจเกิดจากผ้าเบรกใกล้หมด จึงไม่ควรปล่อยไว้นาน

9.เร่งไม่ขึ้น แม้จะไม่มีร่องรอยน้ำมันรั่ว แต่หากเกิดอาการดังกล่าว อาจถึงเวลาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง กรองอากาศ กรองน้ำมันเชื้อเพลิง ถ้าปล่อยไว้ไม่ได้แน่

10.รถนุ่มนวลผิดปกติ อาจมีโอกาสช่วงล่างเริ่มมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นโช้กเสื่อม ลมยางอ่อน และอื่นๆ อีกหลายสาเหตุ จึงไม่ควรเสี่ยงขับไปนานๆ

 

ที่มา มติชน