สางปัญหาเหาใส่หัว โอกาส ธุรกิจร้านเสริมสวย

สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่เรียกว่า “เหา” ดูจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับบรรดาพ่อบ้านแม่บ้านทุกยุคสมัย และไม่ใช่แค่เมืองไทย หรือประเทศแถบนี้ที่ต้องปวดตับกับปัญหาคันๆ ในสหรัฐก็เผชิญกับกองทัพเหาที่บุกจู่โจมถึงหัวเด็กนักเรียนในหลายรัฐ

แต่ในทุกวิกฤต ย่อมมีโอกาส เพราะภารกิจพิชิตเหาได้สร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับร้านเสริมสวย และทำรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำเสียด้วย

วอลล์สตรีต เจอร์นัล หยิบยกเรื่องราวของร้านเสริมสวยในย่านบรูกลินของนครนิวยอร์กที่ธุรกิจกำลังคึกคัก จากภารกิจกำจัดเหาของพนักงานที่แทบไม่ได้หยุดหย่อน โดยเฉพาะในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นช่วงยุ่งสุดๆ ของนักกำจัดเหาทั้งหลาย

เหล่านักกำจัดเหาจะใช้ครีมนวดทาลงบนผมของเด็กๆ เพื่อให้มีความลื่น ก่อนจะใช้หวีซี่ถี่ๆ สางเอาตัวเหาและไข่ของพวกมันออกมา

บริษัท ไลซ์ บัสเตอร์ส ธุรกิจรับกำจัดเหาโดยเฉพาะที่ “ดัลยา ฮาเรล” ก่อตั้งเมื่อปี 2532 และบริหารงานแบบครอบครัว กำลังปั๊มเงินจากการระบาดอย่างหนักของเจ้าสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก ซึ่งจนถึงตอนนี้ ร้านของเธอมีทั้งหมด 8 สาขา ในนิวยอร์ก ฟลอริดา และอิสราเอล

เช่นเดียวกับร้าน “เดอะ บรู๊กลิน ซาลอน” ที่พนักงานต้องกำจัดเหาบนศีรษะเด็กๆ มือเป็นระวิง พร้อมกับรับสายโทรศัพท์ที่ดังแทบตลอดเวลา โดยไม่ลืมหลอกล่อลูกค้าตัวน้อยด้วยอมยิ้มและลูกอมต่างๆ รวมถึงเปิดการ์ตูนให้ดู เพื่อให้เด็กๆ อยู่นิ่งๆ

lice5

เดอะ บรู๊กลิน ซาลอน เพิ่งเปิดบริการเมื่อเดือนเมษายน แต่มีงานเข้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังจากออกไปให้บริการตรวจเหาที่โรงเรียนเอกชนในท้องถิ่นแค่ 1 วัน

ข้อมูลจากศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของสหรัฐ ประเมินว่า ในแต่ละปีมีเด็กอเมริกัน อายุ 3-11 ปี เผชิญปัญหาเหาใส่หัวมากถึง 6-12 ล้านคน

แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญจะรับประกันว่า โรคเหาไม่ได้เป็นปัญหาต่อสุขภาพ แต่สิ่งมีชีวิตเล็กๆ จำนวนมากบนหัวลูกน้อย ก็สร้างความกังวลให้บรรดาพ่อแม่และครูอาจารย์ ซึ่งยอมจ่ายเงินหลายร้อยดอลลาร์ เพื่อกำจัดพวกมันให้หมดสิ้น

ปัจจุบัน เหาได้พัฒนากลายเป็น “ซูเปอร์ ไลซ์” หรือเหาที่มีความทนทานต่อยากำจัดแบบดั้งเดิม ที่ซื้อขายได้ทั่วไปโดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์

นี่ทำให้บริการใช้หวีสางเหาและไข่เหาออกจากศีรษะเด็กนักเรียน กลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้น และทำให้ร้านเสริมสวยหลายแห่งขยายสาขา เพื่อรองรับความต้องการที่มีมากขึ้น

lice1

“เดบอราห์ คาโปน” นักกำจัดเหามืออาชีพของร้านไลซ์ บัสเตอร์ส บอกว่า การใช้หวีสางอย่างพิถีพิถัน เป็นวิธีเดียวเท่านั้นที่จะกำจัดเหาและไข่เหาให้หมดไป

สำหรับขั้นตอนที่ร้านเสริมสวยทำเพื่อรักษาโรคเหาในหมู่เด็กนักเรียน จะใช้หวีซี่ถี่ๆ ที่ออกแบบมาพิเศษ แปรงไปที่เส้นผมของเด็กๆ เพื่อสางเอาตัวเหาและไข่เหาที่เกาะบนเส้นผมออกมา โดยจะต้องชโลมเส้นผมด้วยสารเพิ่มความลื่น เช่น ครีมนวด ทำให้ตัวเหาไม่สามารถเกาะได้แน่น

ภารกิจกำจัดเหาให้ลูกค้าตัวน้อยจะใช้เวลาเฉลี่ยมากกว่า 1 ชั่วโมงต่อคน เพราะต้องสางผมหลายครั้ง จนกว่าสิ่งมีชีวิตเล็กๆ จะหมดไป

“ฮาเรล” เจ้าของร้านไลซ์ บัสเตอร์ส บอกว่า สาขาในนิวยอร์ก 2 แห่ง จะคิดค่าบริการสำหรับตรวจสอบเบื้องต้น 20 ดอลลาร์ ส่วนค่ารักษาโรคเหาจะอยู่ที่ 150-250 ดอลลาร์ ขึ้นอยู่กับความยาวของผม และความหนักหนาสาหัสของโรค

ขณะที่หลังจากได้รับการรักษาแล้ว ก็จะต้องกลับมาที่ร้านเพื่อตรวจสอบซ้ำอีกว่าหายขาดแล้วหรือไม่ ซึ่งค่าบริการจะอยู่ที่ 20 ดอลลาร์

บรรดาพ่อแม่ที่พาลูกมารับบริการจากเดอะ บรู๊กลิน ซาลอน กล่าวว่า ตัดสินใจใช้บริการกำจัดเหาที่ร้าน ก็เพราะไม่ต้องการใช้สารเคมีแรงๆ กับศีรษะของลูกๆ

lice3

ด้าน “เคธี เชเพิร์ด” ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารสถาบันเชเพิร์ด อินสติติวท์ ฟอร์ ไลซ์ โซลูชั่นส์ องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ช่วยฝึกอบรมผู้คนที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจกำจัดเหา ระบุว่า ปัจจุบัน มีบริษัทรับกำจัดเหาเกือบ 1,000 แห่งในสหรัฐ เทียบกับเมื่อปี 2552 ที่มีอยู่แค่ 42 แห่งเท่านั้น

แต่อีกด้านของเหรียญ ผู้เชี่ยวชาญบางรายมองว่า ธุรกิจร้านกำจัดเหาไม่ได้ผ่านการควบคุมดูแลจากหน่วยงานต่างๆ ซึ่งพนักงานบางคนอาจจะไม่ได้รับการฝึกฝนเรื่องการกำจัดสิ่งมีชีวิตเหล่นี้ หรือความรู้เกี่ยวกับเรื่องแมลงต่างๆ ขณะที่บางคนอาจไม่สามารถแยกแยะระหว่างรังแคกับหนังศีรษะ เหา ไข่เหา และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ