เกษตรสาวเจนวาย ปลูกฟักแม้ว เป็นงานสร้างเงิน ผลผลิตดี มีขายตลอดปี

เกษตรสาวเจนวาย ปลูกฟักแม้ว เป็นงานสร้างเงิน ผลผลิตดี มีขายตลอดปี

คุณทศพร เขมาชะ อยู่บ้านเลขที่ 11 หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านปง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นสาววัย 26 ปี ที่มีหัวใจรักงานเกษตร ได้เรียนรู้และปลูกฟักแม้วจนประสบผลสำเร็จ นำผลผลิตที่ได้ส่งเข้าโครงการหลวงเป็นอาชีพที่ทำเงินให้กับเธอได้เป็นอย่างดี

คุณทศพร สาวเหนือผู้มากด้วยรอยยิ้ม เล่าให้ฟังว่า เมื่อจบการศึกษาระดับชั้นมัธยมปลายแล้ว ก็ได้มาช่วยทางบ้านทำงานด้านการเกษตร เพราะอาชีพทางด้านนี้เป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงและทำเงินให้กับครอบครัวของเธอ ซึ่งตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กก็จะเห็นคุณพ่อกับคุณแม่ทำสวนปลูกพืชผักมาอย่างยาวนาน ต่อมาเมื่อเจริญวัยจนสามารถทำงานได้ สิ่งที่พบเห็นเป็นสิ่งที่อยู่ในสายเลือด จึงทำให้ได้มาจับอาชีพทางด้านนี้

“ช่วงนั้นเราก็มีแผนที่จะเรียนต่อ แต่ด้วยความที่ต้องอยู่กับพ่อกับแม่ ก็เลยไม่อยากไปที่ไหนไกลๆ บ้าน เลยคิดว่าอาชีพที่ทำงานอยู่กับบ้าน ก็เป็นอาชีพที่สร้างเงินได้เหมือนกัน และที่สำคัญเรายังสามารถดูแลคนที่เรารักได้ ก็เลยยิ่งไม่อยากจะออกไปทำงานไกลจากที่บ้าน มีบางครั้งบางคนถามว่าน้อยใจไหม ก็ตอบอย่างภาคภูมิใจว่า ไม่เสียใจในสิ่งที่เราเลือก เพราะเราอยากทำงานทางด้านนี้มากกว่า มันมีอิสระ ได้เป็นนายตัวเองและที่สำคัญทำได้มาก เราก็ได้เงินมากตามไปด้วย” คุณทศพร เล่าถึงที่มาของการได้ใช้ชีวิตเป็นเกษตรกร

ซึ่งที่บ้านของเธอมีผักหลากหลายชนิดที่ปลูก แต่ผักที่รับผิดชอบและทำจนชำนาญหรือเรียกได้ว่าเป็นตัวยงในเรื่องนี้ คือ การปลูกฟักแม้ว เพราะเป็นพืชที่ตลาดยังมีความต้องการ จึงทำให้เธอสนใจและปลูกอย่างจริงจังจนเป็นรายได้เลี้ยงตัวเอง หรือเรียกง่ายๆ ว่า อาชีพที่สร้างเงินและเก็บออมให้กับเธอได้อีกด้วย

ใช้ไม้ไผ่ทำร้านง่ายๆ

การปลูกฟักแม้วให้ได้ยอดงามๆ นั้น คุณทศพร บอกว่า ในขั้นตอนแรกจะเตรียมแปลงปลูกด้วยการไถพรวนดินเสียก่อน จากนั้นยกร่องให้แปลงมีความสูงเล็กน้อย โดยแต่ละสันร่องของแปลงปลูกมีระยะห่าง อยู่ที่ 1.50 เมตร จากนั้นนำปุ๋ยคอกและปุ๋ยขี้ไก่มาใส่ลงคลุกเคล้าให้ทั่วแปลง วันต่อมาสามารถนำเมล็ดมาปลูกได้ทันที

โดยเมล็ดที่ใช้ปลูกจะเป็นเมล็ดที่ได้จากผลแก่ของฟักแม้วที่เก็บไว้ เมื่อเตรียมแปลงพร้อมปลูกแล้ว จึงนำเมล็ดลงมาหยอดภายในแปลง ให้แต่ละหลุมห่างกันประมาณ 1 คืบ ผ่านไปได้ประมาณ 7 วัน เมล็ดที่ปลูกไว้จะเริ่มงอกออกมาให้เห็นใบอ่อน จึงค่อยๆ หาไม้มาปักเพื่อสร้างเป็นร้านให้ฟักแม้วเกาะ จากนั้นเมื่อต้นฟักแม้วมีอายุได้ประมาณ 1 เดือน จึงใส่ปุ๋ยเม็ดอินทรีย์เพื่อเป็นการบำรุงต้นให้มีการเจริญเติบโตมากขึ้น

รดน้ำในช่วงเช้า

“ช่วงแรกที่เริ่มปลูกก็รดน้ำแค่ช่วงเช้าอย่างเดียว เพราะที่นี่อากาศค่อนข้างชื้น ไม่จำเป็นต้องรดน้ำมาก เมื่อฟักแม้วได้อายุประมาณ 1 เดือน ก็จะเริ่มใส่ปุ๋ยอินทรีย์ทุก 2 อาทิตย์ครั้ง ใส่ประมาณ 1 กำมือ ต่อต้น จากนั้นเมื่อเห็นต้นเริ่มเจริญเต็มที่ จะค่อยๆ เปลี่ยนจากรดน้ำมาเป็นให้วันเว้นวัน เมื่อฟักแม้วได้อายุอยู่ที่ 2 เดือน ก็สามารถเริ่มเก็บผลผลิตขายได้” คุณทศพร บอก

เมื่อสามารถตัดยอดจำหน่ายได้แล้ว คุณทศพร บอกว่า จะเก็บแบบวันเว้นวันเพื่อให้ได้ยอดใหม่ๆ ออกมาอยู่เสมอ และช่วงที่ว่างจากการตัดยอดจะหาเวลาว่างมากำจัดวัชพืชออก พร้อมทั้งดูแลเรื่องโรคด้วยการป้องกันฉีดพ่นด้วยชีววิธี คือ การใช้เชื้อราบิวเวอเรีย และไตรโคเดอร์มา เข้ามาช่วย นอกจากจะประหยัดต้นทุนแล้วยังปลอดภัยทั้งผู้บริโภคและเกษตรกรผู้ปลูกอีกด้วย

ต้นฟักแม้วที่ปลูกเมื่ออายุครบประมาณ 1 ปี คุณทศพร บอกว่า จะรื้อทิ้งทั้งหมดและย้ายไปปลูกตรงตำแหน่งอื่นที่ไม่ใช่พื้นที่เดิม ทำหมุนเวียนอยู่อย่างนี้เสมอ เพื่อไม่เป็นการสะสมโรคของพื้นที่ปลูก

ต้นใหญ่สมบูรณ์

ในเรื่องของการทำตลาดเพื่อส่งจำหน่ายผลผลิตทั้งหมดภายในสวนนั้น คุณทศพร บอกว่า ไม่ได้มีความกังวลในเรื่องนี้มากนัก เพราะครอบครัวของเธอทำสวนมาหลายสิบปี โดยตลาดที่ส่งจำหน่ายหลักๆ จะเป็นโครงการหลวงที่เป็นศูนย์อยู่ใกล้บ้าน โดยเมื่อเจอปัญหาต่างๆ ก็จะมีเจ้าหน้าที่ของโครงการหลวงคอยให้คำปรึกษาอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ผักทุกชนิดที่ปลูกมีความปลอดภัยไม่ใช่เฉพาะฟักแม้วเพียงอย่างเดียว ผักชนิดอื่นๆ ด้วยเช่นกัน

ยอดอ่อนๆ พร้อมเก็บ

โดยฟักแม้วที่เธอแบ่งปลูก 1 ไร่ สามารถเก็บยอดส่งจำหน่ายได้ 30-50 กิโลกรัม ต่อวัน ช่วงที่ให้ผลผลิตมากที่สุดจะเป็นช่วงฤดูฝน และช่วงที่ให้ผลผลิตน้อยจะเป็นช่วงหน้าแล้งที่บางครั้งได้น้อยสุดอยู่ที่ 20 กิโลกรัม ต่อวัน

“ราคาขายที่ส่งให้กับโครงการหลวง ก็จะอยู่ที่ 28 บาท ต่อกิโลกรัม โดยทางศูนย์จะเป็นผู้กำหนดราคาให้ บางช่วงที่ผลผลิตมีน้อย ราคาก็จะเกิน 28 บาท แต่ส่วนมากจะยืนพื้นอยู่ที่ราคานี้ ถึงจะเก็บวันเว้นวัน แต่ผลผลิตที่ออกมาค่อนข้างสมบูรณ์ บวกกับมีการปลูกแบบไม่ใช้สารเคมี ก็ยิ่งทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำ ก็ได้ผลกำไรที่สามารถนำเงินมาเก็บออม และใช้จ่ายภายในครัวเรือนได้” คุณทศพร บอก

สำหรับคนรุ่นใหม่ที่มีใจรักในการทำเกษตร แต่ยังไม่กล้าที่จะลงมือทำ คุณทศพร แนะนำว่า ทุกอย่างต้องเริ่มต้องทดลอง ถึงแม้จะมีเวลาน้อยแต่ถ้าชื่นชอบในการทำเกษตร ก็จะยิ่งช่วยให้มีความสุขเหมือนได้พักผ่อน ต่อไปถ้าสิ่งที่ทำให้ผลผลิตมากและมีตลาดที่แน่นอนอยากมีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น ก็สามารถลาออกจากงานประจำมาทำเกษตรที่ชอบ เพราะไม่ได้มีความสุขเพียงอย่างเดียว แต่ยังได้อยู่ใกล้ชิดครอบครัวโดยที่ไม่ต้องจากบ้านไปไหนไกล

เตรียมส่งผลผลิตจำหน่าย

“สำหรับตัวเราเองชอบงานทางด้านนี้ เพราะไม่ชอบงานที่จะอยู่ในกฎเกณฑ์ ไม่ชอบที่จะถูกบังคับจากการทำงานในบริษัทใหญ่ ชอบที่จะเป็นนายตัวเองมากกว่า เพราะเราเหนื่อยเราก็หยุดพักได้ เราอยากได้เงินมากๆ เราก็ทำให้มากขยันให้มาก โดยที่ตัวเราเองสามารถกำหนดในเรื่องของรายได้เราเอง แต่ก่อนที่จะลงมือ ต้องศึกษาให้ดีเสียก่อน เพราะบางครั้งใจรักอย่างเดียวไม่ได้ ต้องศึกษาให้มากๆ เพราะทุกอย่างมีเงินลงทุนทั้งนั้น เมื่อประสบผลสำเร็จดีแล้วสิ่งต่างๆ ที่เราหวังก็จะได้ตามมาเอง” คุณทศพร แนะนำ

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณทศพร เขมาชะ หมายเลขโทรศัพท์ (098) 001-2824