ผู้เขียน | เทคโนโลยีชาวบ้านออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
จากอดีตที่ผ่านมา ชาวปากพนังส่วนใหญ่ประกอบอาชีพดั้งเดิมของบรรพบุรุษ คือการทำนา แต่มีรายได้น้อย จึงเปลี่ยนมาทำนากุ้ง ที่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า ทุกพื้นที่ของอำเภอปากพนัง มองไปทางไหนก็จะสว่างไสวไปด้วยแสงไฟจากบ่อกุ้ง แต่ไม่นานก็มีอันล่มสลายเพราะสภาพสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม ส่งผลให้นากุ้งนับแสนไร่กลายเป็นนากุ้งร้าง
พื้นที่ หมู่ที่ ๓ บ้านบางพระ ตำบลปากแพรก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เกษตรกรหันมาทำนากุ้งกันเป็นจำนวนมาก ต่อมาเจอปัญหาโรคกุ้งและสภาพธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไปไม่เอื้อต่อการเลี้ยงกุ้ง ทำให้เกษตรกรประสบภาวะขาดทุน ต้องหยุดเลี้ยงกุ้งในที่สุด ภายหลังจากการก่อสร้างประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ (ประตูน้ำปากพนัง) เสร็จสมบูรณ์ บ่อกุ้งที่เคยปล่อยทิ้งร้างจึงถูกนำกลับมาใช้ประโยชน์อีกครั้ง ภายใต้โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่เข้ามาส่งเสริมการเพาะเลี้ยงปลาน้ำจืด
กศน.อำเภอปากพนังช่วยพลิกฟื้นนากุ้งร้าง
คุณสุรศักดิ์ อนันต์ ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอปากพนัง ได้ให้ความสำคัญกับการพลิกฟื้นนากุ้งร้าง จึงมอบหมายให้นางโศภิษฐา มาศแสวง ครูกศน.ตำบลปากแพรก จัดทำเวทีประชาคมเพื่อวิเคราะห์สภาพปัญหาและความต้องการของชุมชนพบว่าปัญหาเรื่องความอยากจน เป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข สำหรับชาวบ้านที่ได้รับการกระทบจากปัญหานากุ้งร้าง รองลงมาคือปัญหาหนี้สิน และปัญหาการว่างงาน กศน. ได้จัดกลุ่มชาวบ้านพูดคุยกันถึงแนวทางสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้มีพออยู่พอกิน โดยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มาใช้เป็นหลักในการประกอบอาชีพและดำเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง โดยการมองสิ่งที่มีอยู่ใกล้ตัวและเป็นต้นทุนที่มีอยู่เดิม
บ่อกุ้งร้างจำนวนมากของชุมชนแห่งนี้ ถูกนำกลับมาใช้ประโยชน์อีกครั้งในลักษณะ “การเพาะเลี้ยงปลาน้ำจืด ” ภายใต้การสนับสนุนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานประมงจังหวัดนครศรีธรรมราช สำนักงานประมงอำเภอปากพนัง กศน.อำเภอปากพนัง ศูนย์อำนวยการและประสานการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาเรื่องพันธุ์ปลา และความรู้เรื่องการเลี้ยงปลาเป็นอย่างดี”
อาชีพเพาะเลี้ยงปลานิล บ้านบางพระ
ปลานิล เป็นปลาที่มีเนื้อมากและมีรสชาติดี สามารถนำมาปรุงเป็นอาหารได้หลายเมนู เช่น ทำเป็นปลาเค็มตากแห้งแบบปลาสลิด ปลากรอบ ปลาร้า ปลาเจ่า ปลาจ่อมหรือปลาส้ม และทำน้ำยาขนมจีนซึ่งเป็นอาหารที่นิยมของคนปักษ์ใต้ได้ดีเท่ากับเนื้อปลาช่อน นอกจากนี้ปลานิลยังเลี้ยงง่ายหาพันธุ์ได้ง่าย เจริญเติบโตเร็ว มีคำกล่าวว่า “คนจนก็เลี้ยงปลานิลได้” เพราะการเลี้ยงปลานิลโดยใช้ต้นทุนต่ำที่สุด ไม่จำเป็นต้องให้อาหารเนื่องจากปลานิลเป็นปลากินพืช แค่นำปุ๋ยมาใส่ในบ่อจะทำให้เกิดแพลงก์ตอนหรือไรน้ำ ถ้าเกษตรกรขยันทำปุ๋ยหมักใช้เองหรือเลี้ยงสัตว์ควบคู่กันไปก็จะประหยัด ผู้เลี้ยงจะไม่เดือดร้อน หากราคาปลาตกต่ำ นอกจากนี้ชาวบ้านยังปลูกผักบุ้งแก้ว ทำนาในบ่อกุ้ง ปลูกผักสวนครัวบนคันนากุ้ง สามารถช่วยสร้างอาชีพใหม่แก่เกษตรกรได้อย่างยั่งยืน
คุณไมตรี สกุณา ประธานกลุ่มเลี้ยงปลานิล เล่าให้ฟังว่า ตนเองประสบปัญหาขาดทุนจากการทำนากุ้ง และต้องการนำนากุ้งร้างมาใช้ประโยชน์โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม โดยการเลี้ยงปลานิล เริ่มจากปรับสภาพบ่อให้เหมาะสมสำหรับเลี้ยงปลาน้ำจืด เนื่องจากมีบ่อเดิมอยู่แล้ว เพียงแต่ทำความสะอาดบ่อโดยการขุดลอกบ่อ นำดินโคลนที่อยู่ในบ่อออก นำปูนขาวโรย ตากแดดทิ้งไว้ ประมาณ 1 เดือน จึงค่อยปล่อยน้ำเข้าและปล่อยทิ้งไว้สักระยะหนึ่งก่อน นำลูกปลาที่เตรียมไว้ลงมาอนุบาลในกระชังภายในบ่อเพาะเลี้ยง ประมาณ 10-15 วัน จนลูกปลาแข็งแรงพอที่จะปล่อยลงบ่อเพาะเลี้ยงเพื่อให้หาอาหารจากธรรมชาติ
จากการเลี้ยงปลานิลดังกล่าว ส่งผลให้สมาชิกส่วนใหญ่เริ่มเห็นทางรอดและทำอย่างจริงจัง มีการรวมกลุ่มการเลี้ยงปลานิลบ้านบางพระ จำนวน 48 คน โดยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการกลุ่มอย่างเป็นระบบ โดยมีนายไมตรี สกุณา นายเสริมสุข กระศัลย์ นางพัชรี เสือคำและมีผู้ใหญ่บ้าน นายชิราวุธ ฝอยทอง เป็นแกนหลักของกลุ่ม
เทคนิคการเลี้ยงปลานิลให้ประสบผลสำเร็จ
เทคนิคการเลี้ยงปลานิลให้ประสบผลสำเร็จ เกิดจากปรับสภาพบ่อให้เหมาะสมที่จะใช้เพาะเลี้ยงปลาน้ำจืด เริ่มจากทำความสะอาดบ่อโดยการขุดลอกบ่อ นำดินโคลนที่อยู่ในบ่อออก นำปูขาวโรย ตากแดดทิ้งไว้ ประมาณ 1 เดือน จากนั้นก็เริ่มปล่อยน้ำเข้าและปล่อยทิ้งไว้อีกสักระยะหนึ่งก่อนจะนำลูกปลาที่เตรียมไว้ลงมาอนุบาลในกระชังภายในบ่อเพาะเลี้ยง ประมาณ 10-15 วัน จนลูกปลาแข็งแรงพอที่จะปล่อยลงบ่อเพาะเลี้ยงเพื่อให้หาอาหารจากธรรมชาติขนาดบ่อเพาะเลี้ยง จะมีความกว้าง ยาว ลึก ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับขนาดของแต่ละพื้นที่ แต่โดยรวมแล้ว บ่อที่เกษตรกรเพาะเลี้ยงกันทั่วไปจะกินเนื้อที่ประมาณ 3-4 ไร่ส่วนอัตราการปล่อยลูกปลานิลลงไปเลี้ยงในแต่ละบ่อ
โดยทั่วไปเกษตรกรจะปล่อยปลาไม่เกิน 5,000 ตัว/บ่อ อัตราการรอด 90 เปอร์เซ็นต์ ระวังไม่ปล่อยปลามากจนเกินไป เพราะหากจำนวนปลาหนาแน่น จะทำให้ปลาโตช้า เพราะแย่งอาหารกัน และทำให้ต้นทุนอาหารเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ปลานิลกินอาหารได้ทุกชนิด และให้ผลผลิตสูง โดยเฉพาะพวกอาหารธรรมชาติที่มีอยู่ในบ่อ เช่น ไรน้ำ ตะไคร่น้ำ ตัวอ่อนของแมลงและสัตว์เล็ก ๆ ที่อยู่ในบ่อ ตลอดจนสาหร่ายและแหน
หากต้องการให้ปลาโตเร็วควรให้อาหารเสริมประเภท รำ ปลายข้าว กากถั่วเหลือง กากถั่วลิสง กากมะพร้าว กล้วยน้ำว้า แหนเป็ดและปลาป่น เป็นต้น การให้อาหารแต่ละครั้งไม่ควรให้ปริมาณมากจนเกินไป ควรกะให้มีปริมาณเพียงพอแก่ความต้องการของปลาเท่านั้น ส่วนมากควรเป็นน้ำหนักราวร้อยละ 5 ของน้ำหนักปลาที่เลี้ยง ถ้าให้อาหารมากเกินไปปลาจะกินไม่หมด เสียค่าอาหารไปโดยเปล่าประโยชน์ และยังทำให้น้ำเน่าเสียเป็นอันตรายแก่ปลาได้
คุณไมตรีบอกว่า หากใช้อาหารเม็ดสำเร็จรูป ควรให้ตามช่วงอายุ สำหรับปลาช่วงอนุบาลต้องใช้อาหารเม็ดสำเร็จรูป เบอร์ 1 ต่อเนื่องกัน 20 วันก่อน จะเปลี่ยนเป็นอาหารเม็ดสำเร็จรูป เบอร์ 2 และค่อยๆ ปรับเปลี่ยนเป็นอาหารเม็ดสำเร็จรูป เบอร์ 3 โดยจะให้อาหารวันละ 2 เวลา คือ ช่วงเวลาเช้าและเย็นของทุกวัน” (ช่วงเดือนที่ 3 ก่อนจับขายประมาณ 15-20 วัน จะให้วันละ 3 เวลา เช้า กลางวัน เย็น เนื่องจากต้องขุนปลาให้มีน้ำหนักเต็มที่)
การเลี้ยงปลานิลในบ่อดิน
ปัจจุบันการเลี้ยงปลานิลในบ่อดินแบ่งตามลักษณะของการเลี้ยงมีการเลี้ยงปลานิลแบบเดี่ยว โดยปล่อยลูกปลาขนาดเท่ากันลงเลี้ยงพร้อมกันใช้เวลาเลี้ยง 6 – 12 เดือน แล้ววิดจับหมดทั้งบ่อและการเลี้ยงปลานิลหลายรุ่นในบ่อเดียวกัน โดยใช้อวนจับปลาใหญ่คัดเฉพาะขนาดปลาที่ตลาดต้องการจำหน่ายและปล่อยให้ปลาขนาดเล็กเจริญเติบโตต่อไป
ขั้นตอนการเลี้ยงปลานิลในบ่อควรกำจัดวัชพืชและพรรณไม้ต่างๆ เช่น กก หญ้า ผักตบชวา ให้หมดโดยนำมากองสุมไว้เมื่อแห้งแล้วนำมาใช้เป็นปุ๋ยหมักในขณะที่ปล่อยปลาลงเลี้ยงถ้าในบ่อเก่ามีเลนมากจำเป็นต้องสาดเลนขึ้นโดยนำไปเสริมคันดินที่ชำรุด หรือ ใช้เป็นปุ๋ยแก่พืชผัก ผลไม้ บริเวณใกล้เคียง พร้อมทั้งตกแต่งเชิงลาดและคันดินให้แน่นด้วยศัตรูของปลานิล ได้แก่ ปลาจำพวกกินเนื้อ เช่น ปลาช่อน ปลาชะโด ปลาหมอ ปลาดุก นอกจากนี้ก็มีสัตว์พวก กบ งู เขียด เป็นต้น ดังนั้นก่อนที่จะปล่อยปลานิลลงเลี้ยงจึงจำเป็นต้องกำจัดศัตรูดังกล่าวเสียก่อน โดยวิธีระบายน้ำออกให้เหลือน้อยที่สุด
ปลานิลเป็นปลาที่กินอาหารได้ทุกชนิด จึงเป็นปลาที่ให้ผลผลิตสูง โดยเฉพาะพวกอาหารธรรมชาติที่มีอยู่ในบ่อ เช่น ไรน้ำ ตะไคร่น้ำ ตัวอ่อนของแมลงและสัตว์เล็ก ๆ ที่อยู่ในบ่อ ตลอดจนสาหร่ายและแหน ถ้าต้องการให้ปลาโตเร็วควรให้อาหารสมทบ เช่น รำ ปลายข้าว กากถั่วเหลือง กากถั่วลิสง กากมะพร้าว แหนเป็ดและปลาป่น เป็นต้น การให้อาหารแต่ละครั้งไม่ควรให้ปริมาณมากจนเกินไป ควรกะให้มีปริมาณเพียงพอแก่ความต้องการของปลาเท่านั้น ส่วนมากควรเป็นน้ำหนักราวร้อยละ 5 ของน้ำหนักปลาที่เลี้ยง ถ้าให้อาหารมากเกินไปปลาจะกินไม่หมด เสียค่าอาหารไปโดยเปล่าประโยชน์ และยังทำให้น้ำเน่าเสียเป็นอันตรายแก่ปลาได้
ปัญหาอุปสรรค
คุณไมตรีบอกว่า ส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาโรค และสภาพอากาศ ซึ่งสำนักงานประมงอำเภอปากพนัง กศน.อำเภอปากพนัง ก็จะมาช่วยดูแลแก้ไขปัญหา แต่ในเบื้องต้นนั้นตัวเกษตรกรจะแก้ไขปัญหาตัวเองก่อนที่จะขอความช่วยเหลือ จากหน่วยงานอื่น ๆ ชาวบ้านมีการแบ่งปันองค์ความรู้ ที่ได้รับจากการเลี้ยงปลานิล เมื่อเจอปัญหาอุปสรรคจะร่วมกันแก้ปัญหาไปด้วยกัน มีการทำบัญชีกลุ่มและบัญชีครัวเรือนเพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมต้นทุนและ รู้จักการออมเงิน
ด้านการตลาด
แม่ค้าจากจังหวัดกระบี่ สุราษฎร์ธานีและที่ต่างๆ แต่ละเดือนจะมีพ่อค้าแม่ค้าเข้ามารับซื้อถึงหน้าบ่อ โดยน้ำหนักปลาที่ส่งขายอยู่ที่ตัวละ 80๐กรัม ส่งขายในราคากิโลกรัมละ 60 บาท ซึ่งราคาซื้อ-ขายทางกลุ่มผู้เพาะเลี้ยงจะตกลงกับพ่อค้าแม่ค้าเอง โดยสมาชิกไม่ต้องจัดการขายตรงแต่ผ่านทางกลุ่มเท่านั้นทำให้เกิดการต่อรองราคาได้กลุ่มสามารถกำหนดราคาด้วยตนเอง แต่ละรอบที่เลี้ยงสามารถจับปลาขึ้นมาจำหน่ายได้มากถึง 3 ตัน/บ่อ ซึ่งหากคิดรวมเป็นรายปีแล้วจะได้ประมาณ 20.2 ตัน/ราย นับว่าเป็นปริมาณที่มากระดับหนึ่งสำหรับการประกอบอาชีพใหม่ในชุมชน
นางพนิดา เรืองดิษฐ์ หัวหน้ากลุ่มโซน และนางลำดวน คล้ายโสม ผู้ประสานตำบล ได้ติดตามผลการดำเนินงานอย่างเป็นระบบและได้นำผลจากการติดตามมาวิเคราะห์ พร้อมร่วมหาแนวทางในการสนับสนุนกลุ่ม การเลี้ยงปลานิลได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและราบรื่น
นางโศภิษฐา มาศแสวง ครูกศน.ตำบลปากแพรก มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้กลุ่มเลี้ยงปลานิลและสมาชิกในชุมชนมีความรู้ที่แปลกใหม่จากวิทยากรสามารถนำไปประกอบอาชีพได้ให้อยู่ดีมีสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นโดยการพึ่งพาตนเองช่วยเหลือ ซึ่งกันและกันหนี้สินลดลงมีเงินออมตลอดจนมีความรักความสามัคคีในชุมชนและเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนเป็นหลักร่วมคิดร่วมวางแผนร่วมดำเนินการร่วมแก้ปัญหาอย่างมีระบบ
ณ วันนี้ อาชีพเพาะเลี้ยงปลานิล บ้านบางพระ ได้พัฒนามาเลี้ยงในกระชัง เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการ ทั้งเรื่องของอาหารและการจับสำหรับท่านใดที่สนใจปลานิลกลุ่มเลี้ยงปลาน้ำจืดบ้านบางพระ ตำบลปากแพรก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ติดต่อสอบถามราคาและข้อมูลได้ ที่ คุณไมตรี สกุณา โทรศัพท์ (087) 886-5681