เรื่องราวของคนที่ทำงานอดิเรก หรือหาอะไรที่ชอบทำในยามว่าง

เจอมาหลายคน ที่สามารถพัฒนาเป็นอาชีพหลัก สร้างรายได้เป็นเรื่องเป็นราวหลังจากนั้น เหตุผลก็คือ การทำอะไรที่เป็นงานอดิเรก ก็คือเป็นงานที่รัก ที่ชอบ การเริ่มต้นการทำงาน จากงานที่รักที่ชอบ โอกาสประสบความสำเร็จก็มีสูง

แต่ทว่า ในช่วงเวลาที่เริ่มต้น อาจจะต้องทำงานประจำ มีเงินเดือนประจำ ควบคู่ไปก่อน เพื่อจะได้ไม่กดดันตัวเองมาก หากรายได้ประจำหดหาย ก็จะเครียด กดดัน งานเสริมหรืองานอดิเรกก็ไม่สนุกอีกต่อไป “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” พร้อมเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่หางาน หรือสิ่งที่ตัวเองชอบ และรัก จนพัฒนาไปสู่ รายได้ นอกจากกำลังใจ เราก็มีเรื่องราวตัวอย่างวิถีชีวิตคน การต่อสู้ การเริ่มต้น การพบกับปัญหา มานำเสนออยู่เสมอ อย่างน้อย การเรียนรู้ความผิดพลาด หรือเรียนรู้จากประสบการณ์ของคนอื่น ก็จะเป็นทางลัดที่ทำให้เราได้พบบทเรียนของตัวเองเร็วขึ้น

คุณปรีชา บางนกแขวก

วันนี้ พามาดูชีวิตและการทำงาน สร้างอาชีพเสริมของคุณปรีชา บางนกแขวก ปัจจุบันทำงานเป็นนักโภชนาการอาหารสัตว์ บริษัทเอกชนรายใหญ่ของประเทศ ทางด้านอาหารสัตว์น้ำ แถวสมุทรสาคร แต่มีพื้นที่ทำการเกษตรอยู่ที่จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเป็นที่ดินของภรรยา

ย้อนกลับไปเมื่อ 25 ปีที่ผ่านมา คุณปรีชา ในวัย 46 ในวันนี้ จบการศึกษาทางด้านการเกษตร จากคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทางด้านสัตวบาล โดยเรียนได้เป็นที่ 1 ของสัตวบาลในรุ่นนั้น และคว้าเกียรตินิยมอันดับ 1 มาครอง เรียกได้ว่า ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก ปรีชา บางนกแขวก หลังเรียนจบปริญญาตรี คุณปรีชาต่อปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์อีกครั้ง หันไปสนใจทางด้านโภชนศาสตร์สัตว์ สิ่งที่เขาทำก็คือ เป็นนักโภชนะอาหารสัตว์ ทำการคำนวณสูตรสำหรับอาหารสัตว์ชนิดต่างๆ สัตว์ชนิดใด วัยใด ควรกินอะไรบ้าง เพื่อการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์ นั่นเป็นงานที่อธิบายได้คร่าวๆ เร็วๆ ทำให้รู้จักตัวตน คุณปรีชา เร็วขึ้น ซึ่งจะมีผลต่อการทำงานอาชีพของเขาต่อไป

หลังจากจบการศึกษา คุณปรีชาก็ทำงานตรงสายด้านผลิตอาหารสัตว์ แต่มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศ ในหลายๆ ประเทศ เพื่อไปอบรม สัมมนา และเสาะหาวัตถุดิบในการมาทำเป็นอาหารสัตว์ ได้เปิดโลก และพบเห็นสิ่งแปลกๆ มากมาย เรียกได้ว่าไปมาแล้วเกือบทุกทวีป จนกระทั่งเมื่อราวปี 2557 คุณปรีชาเห็นว่า พื้นที่ที่บ้านของภรรยา มีพื้นที่ว่างอยู่ จึงสนใจเลี้ยงควาย เนื่องจากเขามองว่า ควายเป็นสัตว์ที่มีเหลืออยู่น้อยเต็มทีในบ้านเรา เนื่องจากพื้นที่เลี้ยงน้อยลง เกษตรกรหันไปใช้เครื่องจักรในการทำนามากขึ้น

คุณปรีชา บอกว่า เมื่อก่อนบ้านเราทำนาปีละครั้ง เวลาที่เหลือ ก็เลี้ยงควายได้ มีพื้นที่ให้ควายกินหญ้าเพียงพอในท้องทุ่งนา ได้เจริญเติบโต แต่ปัจจุบันนี้ ทำนากันเป็นระบบอุตสาหกรรม ปีละ 2-3 ครั้ง มีการใช้เครื่องจักรเข้ามาช่วยอีก ไม่ต้องการแรงงานจากควายแล้ว และพื้นที่ว่างเปล่าช่วงหลังเก็บเกี่ยวข้าวสั้นลงหรือแทบไม่มีเวลาว่างให้ควายได้ลงไปหากินในท้องทุ่งเช่นในอดีตที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณควายในบ้านเราลดลง

“คือที่เลี้ยงครั้งแรกก็เพราะชอบ และก็ต้องการพัฒนาไปสู่การเลี้ยงในเชิงการค้า แต่หลังจากเลี้ยงไปได้ 3 ปี ก็พบว่า ไม่คุ้ม ให้ผลตอบแทนไม่มาก คือการขายควาย ขายเหมาตัว ไม่ได้ชั่งกิโลขายเหมือนวัว นั่นหมายความว่า การขายควายขุนก็ได้กำไร แต่ไม่ใช่กำไรสูงตามการลงทุน ถ้าจะทำแบบนี้ไปทำวัวขุนดีกว่า น้ำหนักมาก ได้เงินตามน้ำหนักที่ได้ จากนั้น ก็มาเลี้ยงเป็นพ่อแม่พันธุ์ คิดว่า น่าจะดีกว่า จากช่วงแรกก็มีอยู่ 100 กว่าตัว ปัจจุบันเหลือฝูงแม่พันธุ์อยู่ 50 ตัว ผมมองว่า เป็นงานอดิเรก ดีกว่า ถ้าไม่รักจริง มันอยู่ไม่ได้ หรือมันไม่ได้ทำรายได้ให้มาก ต้องปลูกหญ้าให้กิน มีการเกี่ยวหญ้า ต้องใช้แรงงาน พอสมควร”

การเลี้ยงควาย เริ่มต้นต้องทำอย่างไร ทีมงานเส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ถามต่อ “เริ่มจากอาหารของควายก่อน นั่นก็คือหญ้า ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสุดในการเลี้ยงควาย ต้องเตรียมแปลงปลูกหญ้าก่อนให้พร้อมก่อนที่จะเริ่มเลี้ยง โดยสัดส่วนควาย 1 ตัว ต่อพื้นที่ปลูกหญ้า 1ไร่ เพื่อให้อาหารเพียงพอ หากไม่พอต้องเสริมอาหารอีก แล้วก็ไปหาพันธุ์ตามตลาดทั่วไป ไปซื้อจากชาวบ้านที่เขาขายทิ้ง คือชาวบ้านส่วนใหญ่ก็มีแนวโน้มไม่อยากจะเลี้ยง เพราะไม่มีพื้นที่เลี้ยง และไม่ได้เอามันมาใช้ประโยชน์ ต้องเสียเวลาดูแลมัน ขนฟาง ขนหญ้าไปให้มันกิน”

คุณปรีชา เผยว่า ราคาพ่อแม่พันธุ์ ตัวผู้ ราคา 50,000 บาท ตัวเมีย 30,000-40,000 บาท (ตัวเมียมีขนาดเล็กกว่าตัวผู้) ราคานี้อยู่ที่อายุ 2 ปีครึ่ง ถึง 3 ปี ส่วนความยากง่ายในการเลี้ยง ควายต้องมีบ่อน้ำให้มัน ในคอกควาย ขนาด 2 ไร่ ต้องมีสระน้ำขนาด 2 งาน และต้องมีแรงงานคอยดูแล ส่วนอาหาร คุณปรีชาก็เป็นคนผสมสูตรอาหารตามที่เขาคำนวณให้พวกมันกิน

“ช่วงแรก ที่เราคิดว่าจะทำควายขุน ส่งโรงเชือด แต่เอาเข้าโรงเชือดไม่ได้ เพราะติดเขา เขาควายยาว เข้าคอกเชือดไม่ได้ คนที่โรงเชือด ก็บอกผมว่า คุณเลื่อยเขามันออกสิ เลื่อยมันออกตั้งแต่ตอนที่เลี้ยงมัน แต่ผมบอกว่า ผมไม่อยากตัดเขามัน คือมันเป็นควาย มันก็ต้องมีเขา ถ้าเสียเขาไป มันก็จะเสียเอกลักษณ์ความเป็นควาย คืออย่างวัว ถ้าไม่มีเขา นี่เราชินตา แต่ควายนี่ ผมทำใจไม่ได้” คุณปรีชา เล่าพร้อมหัวเราะ สรุปก็เลยต้องขายเป็นพ่อแม่พันธุ์ไป โดยคิดว่า เลี้ยงอยู่ราวๆ 50 ตัวนี่ล่ะ ไม่ทำมากไปกว่านี้ ให้มันกินหญ้า กินอาหารดีๆ เป็นพ่อแม่พันธุ์ดีๆ เน้นให้มันตัวโต ไม่เน้นปริมาณ บางอย่างอาจจะไม่ได้ทำให้คุณมีกำไรสูงสุด แต่ทำให้คุณสุขใจ เพียงแค่ได้มองมัน คุณปรีชา สรุปมาอย่างนั้น อ่านมาถึงตรงนี้ ใครที่คิดว่า อยากจะเลี้ยงควายบ้าง ไม่ว่าจะเพื่อเป็นงานอดิเรก อาชีพเสริม หรืออาชีพหลักก็คงพอจะมองเห็นภาพบ้างแล้ว

 

คุณปรีชา บอกว่า ใครที่สนใจติดต่อไปที่ ภรรยาคุณปรีชา ได้ที่ คุณอิงครัตน์ ธัญศิรธนารมย์ เลขที่ 61 หมู่ 11 บ้านหนองโสน ตำบลหนองข่า อำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ 36120 โทรศัพท์ ‭(‭‭085) 023-6202‬‬‬