ลาออกจากงานประจำ ปลูกว่านหางจระเข้ ส่งโรงงาน ต้นทุนหลักหมื่น เก็บขายได้หลักแสน

แหล่งปลูกสำคัญอยู่ทางภาคตะวันตกที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ การปลูกว่านหางจระเข้ส่งโรงงาน ถือเป็นอาชีพสร้างรายได้ดีให้กับเกษตรกรแถวนั้นมานานกว่า 30 ปี และปัจจุบันนี้ได้สืบทอดมาถึงรุ่นลูก ตลาดก็ยังสดใสอยู่

คุณธนัชญาน์ มีสวัสดิ์ หรือ คุณจูน อยู่บ้านเลขที่ 84 หมู่ที่ 10 ตำบลบ่อนอก อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เกษตรกรสาวผู้สืบทอดงานเกษตรกรรมจากครอบครัว เล่าว่า ครอบครัวของตนทำไร่ปลูกว่านหางจระเข้ส่งโรงงานมานานมากกว่า 30 ปี ทำมาตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อเริ่มปลูก เพราะตอนนั้นมีนายทุนมาแนะนำพันธุ์ให้ปลูกและรับซื้อ จึงเริ่มปลูกมาตั้งแต่นั้น แต่ก่อนที่คุณจูนจะหันมาสานต่องานของครอบครัว คุณจูนได้ทำงานในตำแหน่งฝ่ายบุคคล ที่โรงงานแห่งหนึ่งมาก่อน เมื่อรู้สึกอิ่มตัวกับงานที่ทำ ประกอบกับที่บ้านคนไม่พอ จึงลาออกจากงานเพื่อมาช่วยที่บ้านอย่างเต็มตัว

คุณธนัชญาน์ มีสวัสดิ์ หรือ คุณจูน

คุณจูน เริ่มต้นเป็นเกษตรกรอย่างเต็มตัวมาเป็นเวลากว่า 4 ปี โดยพื้นที่แถบจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เกษตรกรส่วนใหญ่จะปลูกพืชหลักๆ อยู่ 2 ชนิด คือ ว่านหางจระเข้ และสับปะรด สาเหตุที่เลือกปลูกว่านหางจระเข้ เพราะที่บ้านเราทำมาก่อน และอีกอย่างคือ ว่านหางจระเข้ เป็นพืชที่ปลูกง่าย ใช้น้ำน้อย สารเคมีแทบไม่ต้องใช้ และเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนเหนียวถือว่าเหมาะมากกับพื้นที่ของเรา

ว่านหางจระเข้ ปลูกไม่ยาก ปลูกครั้งเดียวเก็บขายได้นาน 10 ปี

การปลูกว่านหางจระเข้ปลูกง่าย ใช้น้ำน้อย พันธุ์ที่ปลูกคือ พันธุ์บาบาเดนซิส ลักษณะเด่นคือ กาบใหญ่ เนื้อเยอะ มีสรรพคุณทางยามากมาย

วิธีการปลูก

ปลูกโดยการใช้หน่อ หากเป็นมือใหม่อาจต้องมีต้นทุนในการซื้อหน่อมาปลูก หน่อก็มีหลายราคาให้เลือก ขึ้นอยู่กับขนาดของหน่อ เริ่มต้นตั้งแต่ 10-100 บาท ถ้าหน่อใหญ่ระยะเวลาการปลูกให้ผลผลิตก็จะเร็วขึ้น

ไถเตรียมแปลงปลูก

ตอนนี้ที่ไร่ปลูกว่านหางจระเข้ประมาณ 25-30 ไร่ การปลูกไม่ยาก มีการไถดินสองรอบ รอบแรกไถดะ รอบที่สองไถแปร หากพื้นที่ตรงไหนมีน้ำขังให้ชักร่องปลูกให้น้ำไหลออก เพราะว่านหางจระเข้เป็นพืชที่ไม่ชอบน้ำ หากพื้นที่ไหนมีน้ำขังรากจะเน่า

ควรเว้นระยะห่างระหว่างร่อง 1 เมตร ระหว่างต้น 1 ศอก ระยะนี้ถือเป็นระยะที่เหมาะสม เพราะถ้าปลูกถี่เกินไปเมื่อต้นโตกาบจะชนกัน ส่งผลทำให้การเจริญเติบโตไม่ดีเท่าที่ควร และหมั่นทำความสะอาดแปลง กำจัดวัชพืชอย่าให้ขึ้นสูง

รดน้ำตอนเย็น ด้วยระบบสปริงเกลอร์ ได้ผลดี

ระบบน้ำ…ว่านหางจระเข้ เป็นพืชทนแล้ง ไม่ต้องการน้ำมาก 1 สัปดาห์ รดน้ำสัก 1 ครั้ง โดยการติดตั้งระบบน้ำสปริงเกลอร์เปิดรดช่วงตอนเย็น เพราะอากาศเย็นว่านหางจระเข้จะรับน้ำได้อย่างเต็มที่ หากรดช่วงที่อากาศร้อนจะทำให้ว่านหางจระเข้รากเน่า ระยะเวลาในการรดน้ำ 1 ชั่วโมง ถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง

ปุ๋ย… ไม่ต้องใส่มาก ในระยะ 1-2 ปีแรกไม่ต้องใส่ปุ๋ย เพราะว่าช่วงปีแรกๆ ว่านหางจระเข้จะสมบูรณ์มาก ถ้าใส่ไปอาจทำให้เน่า แนะนำให้เริ่มใส่ปุ๋ยช่วงปีที่ 3 ใส่เพียงปีละครั้ง ใส่สูตร 21-0-0

แมลงศัตรูพืช…มีบ้าง แต่ไม่มีผลกับว่านหางจระเข้ อาจมีรอยที่ใบบ้าง แต่ไม่มีผลต่อเนื้อข้างใน

 

ระยะเวลานาน ในการให้ผลผลิต

ว่านหางจระเข้ ถือเป็นพืชที่ลงทุนน้อยแต่ผลตอบแทนมาก เพราะปลูกเพียงครั้งเดียวสามารถเก็บผลผลิตขายได้ทุกเดือน นานถึง 10 ปี แต่การปลูกครั้งแรกต้องรอนาน 8-9 เดือน และหลังจากนั้นสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตขายได้ทุกเดือน ระยะในการปลูกครั้งแรก ประมาณ 8-9 เดือน หลังจากนั้นสามารถเก็บผลผลิตได้ทุกเดือน ในสมัยรุ่นพ่อปลูกครั้งหนึ่งเก็บได้นานเป็น 10 ปี แต่พอมาถึงรุ่นคุณจูนลดลงมาเหลือแค่ 5-6 ปี แล้วไถทิ้งปลูกใหม่ ด้วยเหตุผลที่ว่าเอาไว้นานมากกาบจะเล็ก แต่ถ้าหากตลาดรับซื้อไม่เกี่ยงขนาด ก็สามารถอยู่ได้ถึง 10 ปี

ผลผลิตต่อไร่ …ระยะเวลาการตัดแล้วแต่เกษตรกรบางรายนะ ตัดแบบ 20 วัน ตัดครั้งหนึ่ง หรือ 1 เดือน ตัดครั้ง ถ้าทิ้งไว้ 1 เดือน จะได้กาบที่ใหญ่และน้ำหนักดี ผลผลิต 3.5-4 ตัน ต่อไร่ ต่อเดือน ส่งขายได้ กิโลกรัมละ 2.5-3 บาท ถือว่าสร้างรายได้ดีมาก

ต้นทุนการผลิตหลักหมื่น เก็บขายได้หลักแสน

เจ้าของบอกว่า ที่ไร่ไม่มีต้นทุนค่าหน่อ เพราะเราคัดหน่อจากไร่เราเอง แต่ถ้าเกษตรกรมือใหม่รวมต้นทุนค่าหน่อ ค่าอุปกรณ์ ค่าคนงาน ทุกอย่างแล้วตกไร่ละไม่เกิน 20,000 บาท หน่อที่ขายมีหลายราคาให้เลือก ขึ้นอยู่กับขนาดของหน่อเริ่มต้นตั้งแต่ 10-100 บาท ถ้าหน่อใหญ่ระยะเวลาการปลูกให้ผลผลิตก็จะเร็วขึ้น ยิ่งถ้าทำกันเองเป็นครอบครัว ต้นทุนก็จะลดลง และคุ้มมากในระยะยาว

 

เก็บผลผลิตส่งโรงงาน และทำตลาดออนไลน์เอง

ผลผลิตมีเยอะเท่าไร ก็ไม่พอขาย

ปัจจุบันนี้ คุณจูน ปลูกว่านหางจระเข้ส่งทั้งหมด 5 โรงงาน ส่งโรงงานละ 3 ตัน และยังทำตลาดออนไลน์ขายเองอีกช่องทางหนึ่ง โดยการตลาดที่ทำส่งโรงงาน คุณจูน บอกว่า ตนโชคดีที่มีครอบครัวเริ่มต้นการตลาดมาให้แล้วระดับหนึ่ง เพราะคุณพ่อสร้างมาตรฐานโควต้าส่งโรงงานไว้ได้ดี ผลจึงส่งมาถึงตนในปัจจุบันนี้ ตัวเกษตรกรเองก็ต้องมีความซื่อสัตย์ ทางโรงงานก็จะสั่งออร์เดอร์มาเรื่อยๆ อย่างช่วงที่ออกมาเยอะ เราก็ไม่เดือดร้อน ไม่มีปัญหาล้นตลาด เพราะเรารักษามาตรฐานมาตลอด อย่างถ้าช่วงไหนผลผลิตหายาก ทางโรงงานก็จะโทรมาให้ช่วยหา เราก็หาส่งให้เขาตลอด จะมีมากมีน้อยก็ส่ง เราจะไม่ปฏิเสธลูกค้า โดยมาตรฐานการรับซื้อทั้ง 9 โรงงาน จะแตกต่างกันออกไป บางโรงงานส่งใบเล็ก ได้น้ำหนักต่อกาบ 3-4 ขีด บางโรงงานตั้งมาตรฐาน ต้องน้ำหนัก 5 ขีดขึ้นไป ต่อกาบ ถ้าสมมติผลผลิตเราตรงต่อความต้องการมาตลอด ทางโรงงานก็จะคัดให้เราอยู่ในผู้ส่งชั้นดี ดังนั้น เมื่อมีโควต้ามา ทางโรงงานก็จะกันไว้ให้เราเป็นอันดับต้นๆ

ขนาดกาบสดใหญ่ มาตรฐานส่งโรงงาน น้ำหนัก 5 ขีดขึ้นไป

สำหรับการตลาดออนไลน์… นอกจากจะทำส่งทั้ง 5 โรงงานแล้ว คุณจูน ยังหาช่องทางการตลาดเพิ่ม คือเปิดทางเฟซบุ๊ก ไลน์ ด้วยเหตุผลที่ว่าลองหาตลาดเล่นๆ ได้เงินเป็นรายสัปดาห์มาไว้ใช้จ่ายในครอบครัว ส่วนรายได้ที่ส่งโรงงานก็ถือเป็นเงินเก็บ การเปิดรับออร์เดอร์ทางเฟซบุ๊กและไลน์ 1 สัปดาห์ คุณจูน จะเปิดรับและส่งของทุกวันอังคารและวันพฤหัสบดี มีลูกค้าเข้ามาทุกสัปดาห์ มีเจ้าประจำหลายราย สั่งครั้งละ 20-30 กิโลกรัม ขายเป็นกาบสด ตัดมาไม่ให้เข้าเนื้อ แล้วนำมาเช็ดทำความสะอาด ราคาขายทางออนไลน์ กิโลกรัมละ 20-30 บาท ถือว่าสร้างรายได้ดีอีกทางหนึ่ง และนอกเหนือจากการขายกาบสด ก็ยังมีการแปรรูปขายสร้างมูลค่า โดยการนำว่านหางจระเข้มาปอกเปลือกเป็นเนื้อใสๆ แล้วนำมาทำความสะอาด ล้างเมือกด้วยน้ำเปล่า 6 ครั้ง ส่งขาย ครั้งละ 1 ตัน ถือว่ามีรายได้ที่คุ้มมาก เพราะการปอกเปลือกขายต้องใช้ว่านห่างจระเข้ 3 ตัน เมื่อปอกเปลือกจะเหลือ 1 ตัน เทียบราคาหากขายแบบกาบสด เราจะได้เงินเพียง 9,000 บาท แต่เมื่อปอกเปลือกขาย เราขายได้กิโลกรัมละ 60 บาท คิดเป็นเงิน 60,000 บาท ต่อ 1 ตัน หักต้นทุนค่าแรงงาน ค่าปอกล้างน้ำแล้ว ยังเหลือกำไร 40,000 บาท

ว่านหางจระเข้ แบบปอกเปลือก สร้างมูลค่าเพิ่ม กิโลกรัมละ 60 บาท

 

ตลาดสดใส ตั้งแต่รุ่นพ่อสู่รุ่นลูก

คุณจูน บอกว่า ตลาดยังไปได้ ไม่น่าห่วง เพราะทำดีมีมาตรฐาน และมีช่องทางการกระจายสินค้าได้มาก หากราคาตกก็ตกในระดับที่เกษตรกรยังอยู่ได้ คุณจูน บอกว่า ที่บอกแบบนี้ไม่ได้จะให้ทุกคนมองโลกสวย เพราะกว่าที่คุณจูนและครอบครัวจะมีวันนี้ ก็ต้องผ่านอะไรมามากมาย แต่ต้องยอมรับว่า ว่านหางจระเข้ ถือเป็นพืชที่ดูแลง่าย หากวันไหนสินค้าล้นตลาด เกษตรกรสามารถเก็บไว้ ไม่ต้องเก็บเกี่ยวได้ โดยที่ไม่มีต้นทุนการดูแลเพิ่มเติม ซึ่งหากเทียบกับพืชชนิดอื่นแล้วไม่สามารถทำได้ แต่อุปสรรคก็มีบ้างในเรื่องของฝน ถ้าน้ำท่วมมาก็ต้องรีบแก้ปัญหาให้เร็ว แต่ที่ผ่านมาถือว่าการปลูกว่านหางจระเข้เป็นอาชีพสร้างรายได้ดีมาตลอด ราคารับซื้อก็อยู่ในระดับที่รับได้ อาจมีดีดมาสูงบ้างถึงกิโลกรัมละ 10 บาท แต่ก็อย่าเห่อตามกระแส

สำหรับท่านที่สนใจ สอบถามข้อมูล หรือปรึกษาการตลาด สามารถติดต่อ คุณธนัชญาน์ มีสวัสดิ์ หรือ คุณจูน ได้ที่เบอร์โทร. (088) 452-9963