“WB ORGANIC farm” คัดสรรผักอินทรีย์คุณภาพเพื่อผู้บริโภค

ถึงตอนนี้คงไม่มีใครปฏิเสธความจำเป็นที่ต้องบริโภคพืช/ผักอินทรีย์หรือผักปลอดสาร เนื่องจากตระหนักถึงภัยจากโรคร้ายหลายชนิดที่มีผลเสียต่อสุขภาพ เสียเงินทองรักษา แล้วสุดท้ายอาจตายในเวลาที่รวดเร็ว

ความจริงคนส่วนใหญ่เข้าใจว่าผักปลอดสารพิษเป็นผักที่สะอาดมากจนไม่มีสารอันตรายปนเปื้อนอยู่เลย แต่แท้จริงแล้วการปลูกผักเพื่อให้ปลอดภัยจากสารเคมีอาจไม่ใช่เรื่องง่ายในทางปฏิบัติเพราะมีข้อจำกัดและเงื่อนไข อีกทั้งยังต้องใช้เวลานานหลายปีเพื่อให้พืช/ผักที่ปลูกมีความแน่ใจว่าปลอดสารเคมีจริง

พนักงานช่วยเก็บผลผลิตผักสลัดส่งขาย

แต่สำหรับ WB ORGANIC farm ถือเป็นฟาร์มปลูกพืช/ผักอินทรีย์ขนาดใหญ่ที่ได้รับรองมาตรฐานจากหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ เป็นที่ไว้วางใจให้แก่ผู้ประกอบการตามโมเดิร์นเทรดชั้นนำของประเทศ

WB ORGANIC farm เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2557 ในพื้นที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา บนเนื้อที่กว่า 300 ไร่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้พื้นที่ว่างเปล่าระหว่างพื้นที่สวนยางนำมาทำให้เกิดประโยชน์ โดยการทำเป็นฟาร์มผักอินทรีย์ตลอดกระบวนการ เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้คนหันมาใส่ใจสุขภาพ และบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ ปราศจากสารพิษ

โรงเรือนที่มีมาตรฐาน

ขณะเดียวกัน ยังช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมและสร้างรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่ ซึ่งผักที่ปลูกในฟาร์มมีทั้งผักสลัดและผักพื้นบ้านสำหรับประกอบอาหาร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ทั้งนี้ WB ORGANIC farm ไม่เพียงจะมีฟาร์มผักอินทรีย์แล้ว ยังมีนาข้าวในอำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สำหรับปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ ซึ่งเป็นข้าวที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์และธาตุอาหารมากมาย โดยใช้การปลูกแบบอินทรีย์ตลอดกระบวนการเช่นเดียวกัน

WB ORGANIC farm เป็นฟาร์มเกษตรอินทรีย์แบบเปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษา เกษตรกร หรือผู้ที่สนใจสามารถติดต่อเข้าเยี่ยมชมฟาร์ม เพื่อศึกษาการทำเกษตรอินทรีย์และแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับการทำเกษตรอินทรีย์กับหน่วยงานต่างๆ

น้ำที่ใช้แต่ละวันในช่วงปกติเฉลี่ย 3.5 แสนลิตร

คุณถวิล ชูจันทร์ ผู้ควบคุมดูแลการผลิตผักออร์แกนิก แบรนด์ WB ORGANIC farm ตั้งอยู่ที่ตำบลคลองม่วง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เล่าว่า เดิมมีหน้าที่ดูแลสวนยางจำนวน 306 ไร่ ซึ่งปลูกในพื้นที่คลองม่วง ปากช่อง ภายหลังเมื่อเกิดปัญหาวิกฤตราคายาง ทำให้ผู้บริหารตัดสินใจเบนเข็มมาปลูกผักอินทรีย์ที่ได้มาตรฐานหลายชนิดเพื่อส่งขายตามโมเดิร์นเทรดชั้นนำแทน ขณะเดียวกัน คุณถวิลพร้อมทีมงานถูกส่งไปอบรมเติมความรู้การปลูกผักอินทรีย์ตามมาตรฐานที่แม่โจ้

“จนกระทั่งในปี 2557 จึงเกิดมาเป็น WB ORGANIC farm แล้วดำเนินการเรื่อยมาจนได้การรับรองมาตรฐานจากสถาบันมาตรฐานอินทรีย์ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมไปกับเชิญชวนชาวบ้านในพื้นที่ปลูกผักอินทรีย์สร้างรายได้”

มีถนนตัดผ่านในฟาร์มช่วยให้ทำงานได้รวดเร็วมีประสิทธิภาพ

สำหรับพืชผักอินทรีย์ที่ทาง WB ORGANIC farm ปลูกไว้ ได้แก่ ผักตระกูลสลัด ผักพื้นบ้าน ข้าวโพด มะเขือ พริก แตงกวา ฟักทอง และล่าสุดเป็นหน่อไม้ฝรั่ง โดยใช้พื้นที่ทั้งหมดจำนวน 60 ไร่ จัดสรรปลูกพืชผักดังกล่าว

ลักษณะการปลูกพืชผักจะใช้ต้นยางที่หยุดการกรีดน้ำยางแล้วมานานกว่า 8 ปีแล้วไม่มีการใส่ปุ๋ยดูแล สร้างเป็นแนวกันชนตามธรรมชาติเพื่อให้เป็นไปตามหลักการปลูกพืชอินทรีย์ ดังนั้น เมื่อนำพืชผักมาปลูกในส่วนที่ว่างภายในบริเวณสวนยางด้วยวิธีแบบอินทรีย์จึงทำให้ต้นยางได้รับอาหารอินทรีย์ควบคู่ไปด้วย

คุณถวิล ชูจันทร์

การดูแลพืชบำรุงดินนั้น ทาง WB ORGANIC farm ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่ผลิตเองเพียงอย่างเดียว จะมีส่วนผสมของขี้วัว ขี้ไก่ เศษพืช ต้นกระถินอ่อน ปอกระสา หญ้าที่ยังไม่มีดอก แล้วให้นำทั้งหมดมาสับผสมเข้าด้วยกัน ทั้งนี้ ปุ๋ยหมักจะใส่ในช่วงเตรียมดิน ใช้รองก้นหลุม ส่วนปุ๋ยที่ใช้ฉีดพ่นจะเป็นน้ำหมักที่ผลิตเอง ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมนนม ฮอร์โมนไข่ หรือน้ำหมักปลา

คุณถวิลใช้วิธีบริหารจัดการปลูกผักชนิดต่างๆ แบบหมุนเวียน โดยมองว่าผักแต่ละชนิดที่ปลูกในแปลงเดิมจะมีการสะสมแร่ธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์และเกื้อกูลกับพืชผักชนิดอื่น ขณะเดียวกัน เพื่อป้องกันการเกิดโรค/แมลงจึงไม่มีการปลูกผักซ้ำในแปลงเดิม แต่จะเปลี่ยนเป็นผักชนิดอื่นปลูกแทน

ผลผลิตหน่อไม้ฝรั่งรุ่นแรกดีเกินคาด

ส่วนผักเดิมอาจจะกลับมาปลูกในแปลงเดิมได้เมื่อสลับกับผักชนิดอื่นๆ ไปหลายรอบแล้ว อย่างไรก็ตาม จะมีการพักแปลงผักไว้ไม่ต่ำกว่า 10 วันก่อนที่จะลงมือปลูกในรอบต่อไป อย่างไรก็ตาม พืชผักทั้งหมดต้องพิจารณาความเหมาะสมในแต่ละช่วงการผลิต ขณะเดียวกัน จะต้องผลิตตามความต้องการของลูกค้าด้วย ทั้งนี้ จะต้องรู้ยอดการสั่งผักแต่ละชนิดก่อน จึงนำมาวางแผนปลูกต่อไป

ขั้นตอนการใส่ปุ๋ยบำรุงดินจะใส่ตั้งแต่ก่อนเริ่มปลูก จากนั้นหลังที่ปลูกได้สัก 10 วันจะใส่ปุ๋ยหมักอีกครั้งบริเวณโคนต้นผัก จากนั้นอีก 15 วันจะใส่น้ำหมักฮอร์โมนไข่/นมเพื่อบำรุงแล้วเติมความหวานกรอบให้แก่ผัก นอกจากนั้น ยังใช้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงฉีดพ่นทางใบด้วย และการป้องกันโรค/แมลง จะฉีดพ่นด้วยพืชสมุนไพรที่หมักจากธรรมชาติ ด้วยการฉีดพ่นภายหลังที่ปลูกไปแล้วประมาณ 7 วัน

มีป่ายางพาราล้อมรอบเป็นแนวกันชน

คุณถวิล ชี้ว่า พืช/ผักอินทรีย์ต้องให้น้ำอย่างทั่วถึงและเพียงพอ จึงต้องขุดแหล่งน้ำไว้จำนวนหลายไร่ รวมถึงยังต้องขุดบ่อบาดาลอีกจำนวนหลายบ่อ เนื่องจากปริมาณน้ำที่ใช้แต่ละวันในช่วงปกติเฉลี่ย 3.5 แสนลิตร อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมายังไม่เคยประสบปัญหาขาดแคลนน้ำเพราะมีการเตรียมพร้อมไว้อย่างดี

พร้อมทั้งยังบอกว่าคุณภาพดินในพื้นที่ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี ในบางจุดดินอาจจะเหนียวไปบ้างแต่แก้ไขด้วยการใช้แกลบใส่แล้วปรับปรุงดิน ขณะเดียวกัน ตอนนี้ได้ทดลองปลูกหน่อไม้ฝรั่งไปแล้วรุ่นแรก ได้ผลผลิตและมีคุณภาพดีมาก กำลังเตรียมพื้นที่ปลูกรุ่นที่สองจำนวน 50 ไร่ พร้อมกับได้เข้าไปส่งเสริมให้ชาวบ้านในพื้นที่ปลูกเพื่อให้มีรายได้

พืชผักบางชนิดต้องปลูกกลางแจ้ง

ผักสลัดใช้เวลาปลูกจนเก็บผลผลิตทั้งหมด 45 วัน ผักแต่ละชนิดจะให้น้ำหนักประมาณ 8-12 ต้น ต่อกิโลกรัม สำหรับผักพื้นบ้านใช้วิธีปลูกและบริหารจัดการเช่นเดียวกับผักสลัด อย่างแปลงปลูกผักสลัดมีขนาดความกว้างประมาณ 1 เมตร ยาว 30 เมตร สามารถปลูกแล้วให้ผลผลิตได้ถึง 50 กิโลกรัม

ลักษณะการปลูกมีทั้งแบบกลางแจ้งและในโรงเรือน โดยผักแต่ละชนิดจะปลูกกลางแจ้งหรือในโรงเรือนจะพิจารณาดูจากฤดูเป็นหลัก อย่างเช่น ถ้าเป็นช่วงเดือนธันวาคม-เมษายน สามารถปลูกผักสลัดและผักพื้นบ้านได้กลางแจ้ง แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนจะต้องปลูกผักสลัดในโรงเรือนเท่านั้น

พืชผักบางชนิดต้องปลูกในโรงเรือน

WB ORGANIC farm มีการบริหารจัดการแบบมืออาชีพด้วยการจัดแบ่งหน้าที่การทำงานอย่างเป็นระบบ เป็นสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นทีมเพาะต้นกล้า ทีมปลูก-ดูแล ทีมเก็บผลผลิต ไปถึงทีมตัดแต่งแล้วแพ็กใส่หีบห่อเพื่อส่งขายตามโมเดิร์นเทรดชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็นเดอะมอลล์ สยามพารากอน เอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์ ฟู้ดแลนด์หรือแม้แต่ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต

สำหรับราคาขายถ้าเป็นผักสลัดส่งขายกิโลกรัมละ 100 กว่าบาท แต่เมื่อผักเหล่านี้ผ่านกระบวนการตัดแต่ง แพ็กใส่หีบห่อที่สะอาดปลอดภัยเพื่อส่งขายตามห้างในราคากิโลกรัมละกว่า 200 บาท

“ตอนนี้หลายพื้นที่สามารถปลูกพืช/ผักอินทรีย์ได้อย่างมีคุณภาพตรงตามมาตรฐาน แล้วยังปลูกขายให้แก่ผู้บริโภคทั้งใน/ต่างประเทศ เพราะต่างยอมรับแล้วว่าสินค้าของไทยมีคุณภาพ ฉะนั้น ขอเชิญชวนทุกท่านหันมาบริโภคผักปลอดสารกันดีกว่า เพื่อสุขภาพที่ดี แล้วยังห่างไกลจากโรคร้ายแรงด้วย” คุณถวิล กล่าวในตอนท้าย

ผลิตภัณฑ์พืชผักแบรนด์ WB Organic Farm

ถึงแม้ว่าการตื่นตัวเรื่องสุขภาพทำให้ผู้บริโภคต่างต้องมองหาพืชผักที่ปลอดภัยไว้รับประทาน แต่ต้องพึงระวังตรวจสอบแหล่งผลิตที่เชื่อถือควบคู่ไปด้วย เพราะมิเช่นนั้นแทนที่จะเกิดประโยชน์ กลับมีโทษซ้ำเติมไปอีก

การปลูกผักอินทรีย์ตามมาตรฐานทำให้ได้ผักคุณภาพสมบูรณ์ ต้นใหญ่ ใบเขียว

สอบถามรายละเอียดสั่งซื้อผักอินทรีย์ปลอดสารได้ที่ “WB ORGANIC farm” โทรศัพท์ (081) 865-5225, (038) 480-020-1 หรือเข้าไปดูกิจกรรมต่างๆ ได้ที่ fb : ดับเบิ้ลยูบี ออร์แกนิ ฟาร์ม WB Organic Farm