ชาวบ้าน ต.บ้านถิ่น รวมกลุ่มปลูกแก้วมังกร 14 ไร่ 3,000 ต้น เก็บผลแปรรูปส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน

หลังสวนมะม่วงประสบปัญหาหนัก กำนันบันเทิง ถิ่นฐาน จึงหันมาทดลองปลูกแก้วมังกร ด้วยความคิดว่า ดูแลง่าย ทนต่อสภาพอากาศ ใช้น้ำน้อย และไม่ค่อยมีโรค โดยเริ่มจากปลูก 200 ต้น ลงต้นแก้วมังกร 1 ต้น ต่อ 1 เสาปูน ปลูกระยะห่าง 2×3 เมตร ต่อมาพบว่าผลผลิตเติบโตได้ดี จึงขยายพื้นที่ปลูกแก้วมังกรเป็น 14 ไร่ จำนวน 3,000 ต้น โดยส่วนใหญ่เป็นแก้วมังกรเนื้อสีแดง พันธุ์แดงสยาม

“การตัดแต่งกิ่งแก้วมังกรเป็นหัวใจหลัก ที่ต้องอาศัยความชำนาญในการดูว่ากิ่งใดควรตัดทิ้งเพื่อให้เกิดผลผลิตที่มีคุณภาพ โดยจะเน้นการฟันจากด้านล่างย้อนขึ้นบน เพื่อให้เกิดการแตกกิ่งใหม่ออกมาเรื่อยๆ หลังการตัดแต่งกิ่งและตัดหญ้ารอบๆ โคนต้นให้โล่งเตียน ก็จะใส่ปุ๋ยหมัก แล้วฉีดพ่นด้วยน้ำหมักชีวภาพในช่วงเตรียมออกดอก

ด้วยระบบการปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ทำให้แก้วมังกรที่นี่มีรสชาติหวาน นิ่มละมุนลิ้น เปลือกบาง ตลาดให้การตอบรับเป็นอย่างดี ชาวบ้านจึงหันมาสนใจปลูกแก้วมังกรแบบอินทรีย์มากขึ้น จนเกิดการรวมกลุ่มเป็น ‘วิสาหกิจชุมชนแก้วมังกรตำบลบ้านถิ่น’ รวบรวมผลผลิตส่งขายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

การขยายพื้นที่ปลูกแก้วมังกรของชุมชน ทำให้มีผลผลิตจำนวนมากซึ่งอาจส่งให้ผลให้ราคาขายลดต่ำลง กำนันบันเทิงจึงคิดแปรรูปสินค้า จนเป็นที่มาของ ‘แก้วมังกรอบแห้ง’ จากตู้อบพลังงานความร้อนจากอินฟราเรด ในการแปรรูปผลสดจะใช้เฉพาะแก้วมังกรเนื้อสีแดงเท่านั้น เพราะ เมื่ออบแห้งแล้ว เนื้อจะสวย นุ่ม มีรสหวาน กลิ่นหอม เป็นที่ต้องการของตลาด ซึ่งการแปรรูปในแต่ละครั้งใช้เวลาในการไล่ความชื้นและเข้าตู้อบนานถึง 8 ชั่วโมงเลยทีเดียว จากแก้วมังกรผลสด 400 กิโลกรัม จะเหลือเนื้อเพียง 35 กิโลกรัมเท่านั้น จำหน่ายตามน้ำหนัก เริ่มที่ขนาด 50 กรัม ราคา 50 บาท แตกต่างจากการขายผลสดที่จำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 10-14 บาท

ตู้อบพลังงานความร้อนจากอินฟราเรด

แก้วมังกรแปรรูป

ความสนใจด้านการเกษตรที่สืบทอดต่อกันมาทำให้ลูกไม้ที่หล่นไม่ไกลต้นอย่าง ฤชภูมิ ถิ่นฐาน บุตรชายคนโตของกำนันบันเทิงเข้าร่วมโครงการ Young Smart Farmer มีโอกาสได้แสดงความรู้ความสามารถ จนได้รับการคัดเลือกไปศึกษาดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น ในโครงการแลกเปลี่ยนยุวเกษตรกรไทยกับต่างประเทศร่วมกับวิทยาลัยเกษตรกรรมโคอิบูจิ ประเทศญี่ปุ่น คุณฤชภูมิ จึงนำความรู้และมุมมองใหม่ๆมาเป็นกำลังสำคัญในการเดินหน้าสร้างตลาดแก้วมังกร ทั้งทาง Online และ Offline ภายใต้แบรนด์ Bantin จนส่งผลให้ชุมชนบ้านถิ่นได้รับเลือกให้เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงเกษตรและวัฒนธรรมไทลื้อของภาคเหนือตอนบน 2

ความสำเร็จที่น่าพึงพอใจเหล่านี้ เป็นแรงผลักดันให้วิสาหกิจชุมชนแก้วมังกรตำบลบ้านถิ่น เตรียมเดินหน้าสร้างโรงเรือนใหม่ เพื่อขอการรับรองมาตรฐานโรงเรือน และมาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) ให้สามารถเพิ่มพื้นที่ตลาดให้กับผลิตภัณฑ์มากขึ้น

แก้วมังกร พืชที่ปลูกง่าย สร้างรายได้ดี ลงทุนเพียงครั้งเดียว เก็บผลผลิตได้นานไม่ต่ำกว่า 15 ปี รู้อย่างนี้แล้ว ใครที่สนใจก็สามารถเดินทางไปศึกษาเทคนิคดีๆ เยี่ยมชมสวนแก้วมังกรของกำนันบันเทิงกันได้ สอบถามเพิ่มเติมโทร 081 951 0680 หรือ ติดตามข้อมูลข่าวสารของโครงการ YSF เพิ่มเติมที่ https://www.moac.go.th

ที่มา มติชนออนไลน์